เคยสงสัยกันไหมคะ ว่าการประคบร้อนและการประคบเย็นนั้นต่างกันอย่างไร และควรใช้ในกรณีใด ซึ่งการประคบร้อน ประคบเย็น เป็นวิธีหนึ่งในการปฐมพยาบาลเบื้องต้น ในกรณีการบาดเจ็บที่ไม่รุนแรง เพื่อบรรเทาอาการปวดหรืออักเสบ ทั้งอาการปวดที่เกิดจากการเจ็บป่วย มีไข้ หรือการได้รับบาดเจ็บระหว่างเล่นกีฬา แต่จะเลือกใช้วิธีประคบร้อน หรือประคบเย็นนั้น เรามีข้อมูลจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยามาฝากค่ะ
![](https://www.matichonacademy.com/wp-content/uploads/2021/09/herbal-compress-herbal-spa-treatment-equipments-put-dark-floor.jpg)
![](https://www.matichonacademy.com/wp-content/uploads/2021/09/ประคบเย็น-ทำอย่างไรให้ถ-pobpad.jpg)
เมื่อใดควรประคบร้อน
สำหรับการประคบร้อนนั้น ควรทำเมื่อการอักเสบน้อยลงแล้ว หรือมีอาการผ่านไปแล้ว 48 ชั่วโมง ซึ่งสังเกตได้จากไม่มีอาการบวม แดง ร้อน เพื่อลดอาการปวดและผ่อนคลายกล้ามเนื้อ เช่น ปวดตึงของกล้ามเนื้อบริเวณคอ บ่า หลัง น่อง ปวดประจำเดือน อาจใช้เจลสำหรับประคบร้อนเย็นแบบสำเร็จรูป ใช้กระเป๋าน้ำร้อน หรืออาจใช้ผ้าขนหนูชุบน้ำร้อน โดยประคบครั้งละ 15-20 นาที วันละ 2-3 ครั้ง
เมื่อใดควรประคบเย็น
และสำหรับการประคบเย็น ควรทำเมื่อมีอาการปวดหรือได้รับบาดเจ็บ เช่น ปวดศีรษะ มีไข้สูง ปวดฟัน ปวดบวมข้อเท้า ข้อเคล็ด เลือดกำเดาไหล หรือ ปวดบวมบริเวณอื่นๆ ที่เกิดจากการได้รับบาดเจ็บหรือเพิ่งมีอาการใหม่ๆ โดยควรประคบด้วยเจลสำหรับประคบร้อนเย็นแบบสำเร็จรูป หรือน้ำแข็ง หรือน้ำเย็นทันที (ภายใน 24-48 ชั่วโมง) ประคบนาน 20-30 นาที วันละ 2-3 ครั้ง
ทั้งนี้ การประคบร้อนหรือประคบเย็นนั้น ไม่ควรประคบบริเวณที่มีแผลเปิด ไม่ควรประคบร้อนบริเวณที่มีเลือดออก ไม่ควรประคบเย็นกับผู้ที่มีอาการแพ้หรือไวต่อความเย็นมาก เพราะอาจทำให้เกิดผื่น ลมพิษ บวม หรือความดันโลหิตสูงได้ ที่สำคัญ ไม่ควรประคบด้วยความร้อนบริเวณแขน ขา ในผู้ป่วยเบาหวาน เพราะอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการบาดเจ็บของเนื้อเยื่อ เกิดเป็นแผลติดเชื้อเรื้อรังได้