ธ.ก.ส. คาดการณ์แนวโน้มราคาทุเรียนในปีนี้คาดว่าจะปรับสูงขึ้น และคนไทยอาจได้กินทุเรียนแพงกว่าปีที่แล้ว ประเมินราคาตกกิโลกรัม ละ 130-140 บาท

นายธนารัตน์ งามวลัยรัตน์ ผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า แนวโน้มราคาทุเรียนในปีนี้คาดว่าจะปรับสูงขึ้น และคนไทยอาจได้กินทุเรียนแพงกว่าปีที่แล้ว โดยประเมินราคาตกกิโลกรัม (กก.) ละ 130-140 บาท เนื่องจากปีนี้กำลังซื้อจากจีนเพิ่มมากขึ้นตามภาวะเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวหลังจากโควิด

ขณะที่ความต้องการบริโภคทุเรียนในประเทศยังมีต่อเนื่อง เห็นได้จากจำนวนล้งที่รับซื้อทุเรียนมีจำนวนเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว ประกอบกับปีนี้ผลผลิตทุเรียนน่าจะเสียหายเยอะช่วงก่อนเก็บผลผลิต เนื่องจากมีพายุฝนนอกฤดูกาลทำให้ทุเรียนอ่อนพลัดหล่นจากต้นเสียหายจำนวนมาก จนผลิตไม่พอต่อความต้องการ ส่งผลให้ราคาทุเรียนยังคงอยู่ในระดับสูงต่ออีกปี

ด้านนายสมเกียรติ กิมาวหา รองผู้จัดการ ธ.ก.ส. กล่าวว่า แม้ปีนี้ผลผลิตทุเรียนจะมีถึง 1.28 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 15.44% จากปีก่อน เนื่องจากมีเกษตรกรหันมาปลูกทุเรียนแทนพืชชนิดอื่น อาทิ ลองกอง เงาะ และยางพารา หลังราคาทุเรียนช่วงที่ผ่านมาอยู่ในระดับสูงต่อเนื่อง ประกอบกับปีนี้มีสภาพอากาศเอื้ออำนวยและปริมาณน้ำเพียงพอต่อการผลิต แต่ก็พบว่าผลผลิตยังไม่เพียงพอต่อความต้องการ ทำให้ราคาทุเรียนปีนี้จะเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 9.23% โดยมีราคา กก. 100-140 บาท หรือเฉลี่ยกก.ละ 120 บาท ซึ่งถือเป็นราคาที่เพิ่มต่อเนื่อง 6 ปีติดต่อกัน เมื่อเทียบกับปี 58 ที่ราคาเพียง กก. 50 บาท

สำหรับความต้องการบริโภคทุเรียนสดและผลิตภัณฑ์ทุเรียนภายในประเทศปีนี้จะมี 513,437 ตัน เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 17.89% เช่นเดียวกับการส่งออกมีปริมาณ 761,659 ตัน เพิ่มขึ้น 11.64% อย่างไรก็ตามยอดการส่งออกยังคงไม่เพียงพอต่อความต้องการ โดยทำได้เพียง 30% ของความต้องการตลาด และยังสามารถเติบโตได้อีกถึง 70% ดังนั้นจึงเป็นโอกาสที่เกษตรกรจะเพาะปลูกทุเรียนกันเพิ่ม แต่ก็ต้องให้ความสำคัญต่อการดูแลคุณภาพผลผลิต และปฏิบัติตามมาตรฐานจีเอพีด้วย

ที่มา : ประชาชาติธุรกิจออนไลน์

วันที่ 3 พ.ค. 2561  เว็บไซต์ 24 catalog.com ในเครือซีพี มีการเปิดรับสั่งจองทุเรียน”พันธุ์กบชายน้ำ” โดยระบุว่าเป็นทุเรียนพันธุ์หายาก เก็บจากต้นที่มีอายุกว่า 100 ปี

ราคามี 2แบบ 1.จำนวน 1 ลูก ราคา 11,000 บาท น้ำหนักไม่รวมกล่องประมาณ 1.5-2.0 กิโลกรัม 2.จำนวน 2-3 ลูก ราคา 32,000 บาท น้ำหนักไม่รวมกล่องประมาณ 4.5-6.0 กิโลกรัม เปิดรับจองตั้งแต่วันที่ 8-18 พฤษภาคม 2561 ระยะเวลาการส่งสินค้า 25 พฤษภาคม เป็นต้นไป โดยให้จองผ่าน call center 24 shopping พร้อมจัดส่งสินค้าฟรีตามที่อยู่ของลุกค้า

เจ้าหน้าที่จาก คอล เซ็นเตอร์ 24 catalog กล่าวว่า การเปิดรับจองทุเรียนพันธุ์ดังกล่าว เป็นพันธุ์หายาก ปลูกที่จ.ปราจีนบุรี และปลุกในสวนที่ปลูกแบบออร์แกนิค ไม่ใช้ยาฆ่าแมลง และได้รับรางวัลจากกรมส่งเสริมการเกษตร โดยจะเปิดให้จองผ่านคอล เซ็นเตอร์ และรับจองเฉพาะสมาชิกเท่านั้น และไม่เฉพาะแต่พันธุ์กบชายน้ำเท่านั้น พันธุ์หมอนทองก็เปิดรับจองในราคาลูกละ699บาท จัดส่งฟรีเช่นกัน

ทางด้านนายเกรียงศักดิ์ อุดมสิน เจ้าของสวนจิตนิยม อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี เปิดเผยว่า โครงการเปิดรับจองทุเรียนดังกล่าว เป็นความร่วมมือกับซีพี. ผ่าน 24 catalog เป็นโครงการตัวอย่างเพื่อต้องการยกระดับการผลิตและขายสินค้าของเกษตรกรให้มีคุณภาพ และทำให้จำหน่ายได้ในราคาที่สูงขึ้น เป็นการทดลองกันครั้งแรก เบื้องต้นทาง 24catalog จองทุเรียนพันธุ์ ดังกล่าวไว้ประมาณ 200 ลูก โดยที่สวนมีทุเรียนพันธุ์กบชายน้ำอยู่ประมาณ 20 ต้น มีผลผลิตเฉลี่ยต้นละ300ลูก ซึ่งทุกปีมีการจองจากลูกค้าผู้ที่ชื่นชอบไว้หมดแล้ว

“ทุเรียนพันธุ์กบชายน้ำเป็นสายพันธุ์มาจากนนทบุรี ที่สวนปลุกมากว่า100ปี ลักษณะเด่นมีเนื้อละเอียดกว่าพันธุ์อื่นๆ ปกติราคาที่ขายในไทย และต่างประเทศในกลุ่มคนที่ชื่นชอบ จะตกประมาณกิโลกรัมละ 5,000-7,000บาท ลูกหนึ่งประมาณ 1.5 กิโลกรัม ก็ตกประมาณหมื่นบาทต้นๆ ความจริงที่สวนมีพันธุ์หมอนทอง และผลไม้อื่นๆ เช่น เงาะ มังคุดด้วย แต่เนื่องจากเป็นโครงการทดลอง จึงเริ่มจากพันธุ์กบชายน้ำก่อน” นายเกรียงศักดิ์กล่าว

ส่วนกรณีที่หากมียอดการสั่งจองเข้ามาจำนวนมากจะทำอย่างไร นายเกรียงศักดิ์ตอบว่า คงต้องคุยกับทาง24 catalog อีกที เพราะเป็นความร่วมมือกันครั้งแรก แต่ก็มีการเตรียมแผนสำรองไว้แล้ว

“การปลูกแบบออร์แกนิค เกษตรกรชาวสวนทั่วไปไม่ค่อยนิยมปลูกกัน  ทั้งๆที่การปลูกแบบนี้จะทำให้เกษตรกรชาวสวนจำหน่ายผลผลิตได้ในราคาที่สูงขึ้น ” นายเกรียงศักดิ์กล่าวในตอนท้าย

สำหรับทุเรียนพันธุ์กบชายน้ำนี้ ข้อมูลจากศูนย์การเรียนรู้เพื่ออนุรักษ์ทุเรียนพื้นบ้านนนทบุรี ระบุว่า ทุเรียนพันธุ์ ( Kop Chainam ) มีชื่อวิทยาศาสตร์ ว่า: Durio zibthinus Murray

ประวัติ : เพาะจากเมล็ดกบแม่เฒ่า แหล่งค้นพบใน จังหวัดนนทบุรี

สถานภาพพันธุ์ : พันธุ์พื้นเมือง(พันธุ์เบา)

ลักษณะประจำพันธุ์

ลักษณะกิ่งไม่เป็นระเบียบ ใบรูปไข่ขอบขนาน ปลายใบเรียวแหลม ฐานใบมน ดอกรูปร่างของดอกตูมกลมรี ขอบขนาน ปลายดอกตูมแหลม ผลทรงรูปไข่ แต่ไม่เป็นระเบียบ ความยาวผลปานกลางรูปร่างหนามแหลมคม เปลือกหนา หนามปลายงุ้มเข้า หนามรอบขั้วผล หนามตรง

ลักษณะทางการเกษตร

การเจริญเติบโตของต้นเร็ว การออกดอกมาก การติดผลปานกลาง ใบเป็นคลื่น ผลแป้วหน้าแป้วหลังขั้วสั้น เปลือกผลหนา สีเปลือกออกสีเหลือง หนามกาง ฐานหนามใหญ่ หนามถี่กว่าหมอนทอง แต่หนามไม่แหลม เนื้อหนาปานกลาง สีเนื้อเหลืองอ่อน มีกลิ่นอ่อน รสชาติของเนื้อมันพอดี ลักษณะเนื้อแห้ง ละเอียด เนื้อคล้ายหมอนแต่เย็นกว่า ไม่มีใย เนื้อละเอียด ลักษณะเด่นของพันธุ์นี้คือ เป็นพันธุ์ที่ชอบขึ้นใกล้น้ำ ทนฝนไม่มีอาการไส้ซึม ถ้าต้นสมบูรณ์จะให้ผลผลิตในช่วงประมาณปีที่ 6-8

 


ที่มา ประชาชาติธุรกิจ

วันที่ 20 เม.ย. หลังนายแจ็ค หม่า มหาเศรษฐีชาวจีน ซีอีโอบริษัทอาลีบาบากรุ๊ป ได้เข้าพบ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมตรีไทยเมื่อวานนี้ และได้ลงนามในเอ็มโอยูกับรัฐบาลไทย เกี่ยวกับความร่วมมือด้านการค้าการลงทุน การขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัล การจัดตั้งสมาร์ตดิจิทัลฮับในพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ฯลฯ

ล่าสุด สำนักข่าวซินหัวของจีน รายงานว่า บริษัทอาลีบาบา ยังได้ลงนามในข้อตกลงเป็นตัวแทนจำหน่ายทุเรียนหมอนทองกับรัฐบาลไทย มูลค่ากว่า 428 ล้านดอลลาร์ หรือกว่า 13,400 ล้านบาท ผ่านทางเว็บไซต์ทีมอลล์ (Tmall) โดยเมื่อวันพุธที่ผ่านมา 1 วันก่อนที่นายหม่าจะลงนามในเอ็มโอยูกับรัฐบาลไทย อาลีบาบาได้ขายทุเรียนหมอนทองมากกว่า 80,000 ลูก ทางเว็บไซต์ได้ในเวลาเพียง 1 นาที เท่านั้น ซึ่งสร้างความประหลาดใจอย่างยิ่งให้กับคนไทย โดยทุเรียนหมอนทองนับเป็นทุเรียนสายพันธุ์ที่ได้รับความนิยมมากที่สุด

ด้านเว็บไซต์เซาท์ไชน่ามอร์นิงโพสต์ของฮ่องกง รายงานว่า ในเว็บไซต์ทีมอลล์ ได้จัดจำหน่านทุเรียนหมอนทอง ขนาดลูกละ 4.5-5 ก.ก. ในราคาลูกละ 199 หยวน (990 บาท) ในราคานี้รวมภาษีและค่าขนส่งแล้ว

 


ที่มา ข่าวสดออนไลน์