ถั่วแดง เป็นธัญพืชที่คนไทยเรารู้จักกันดี เรามักพบถั่วแดงอยู่ในอาหารประเภทของหวาน เช่น ถั่วแดงต้มน้ำตาล ขนมปังไส้ถั่วแดง ถั่วแดงกวน หรือไอศกรีมถั่วแดง แต่นอกจากความอร่อย หวาน มัน ละมุนลิ้นแล้ว ถั่วแดงยังเป็นอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูงอีกด้วยนะ

สารอาหารใน “ถั่วแดง”

สารอาหารสำคัญในถั่วแดง หนึ่งในนั้นคือโปรตีน ถึงแม้ถั่วแดงจะเป็นธัญพืชแต่ก็ให้โปรตีนในปริมาณที่มากเพียงพอต่อความความต้องการของร่างกายในแต่ละวัน โดยการรับประทานถั่วแดง 3.5 ออนซ์ (หรือ 100 กรัม) จะได้โปรตีนประมาณ 9 กรัม หรือคิดเป็น 27 เปอร์เซนต์ต่อปริมาณโปรตีนที่ร่างกายควรได้รับในแต่ละวัน

นอกจากโปรตีนที่เป็นสารอาหารสำคัญแล้ว ถั่วแดงก็ยังมีไฟเบอร์สูง โดยการรับประทานถั่วแดงประมาณครึ่งถ้วย (ประมาณ 90 กรัม) จะได้ไฟเบอร์สูงถึงประมาณ 6 กรัม และได้คาร์โบไฮเดรตประมาณ 20 กรัม

มากไปกว่านั้นถั่วแดงยังมีวิตามินและแร่ธาตุต่างๆ ที่สำคัญต่อร่างกายไม่ว่าจะเป็น วิตามินบี 1 วิตามินบี 6 วิตามินเค โฟเลต ธาตุเหล็ก โพแทสเซียม แมกนีเซียม ทองแดง เป็นต้น มากไปกว่านั้นถั่วแดงยังมีสารต้านอนุมูลอิสระที่สำคัญอีกหลายชนิดอย่าง ไอโซฟลาโวน (Isoflavone) แอนโธไซยานิน (Anthocyanin) เป็นต้น

ประโยชน์ของถั่วแดง

ช่วยลดคอเลสเตอรอล

ถั่วแดงมีคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อนและมีไฟเบอร์สูง ซึ่งสารอาหารทั้งสองชนิดนี้มีส่วนช่วยในการลดระดับคอเลสเตอรอลในเลือดซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งของการเกิดโรคเบาหวานและโรคหัวใจ โดยไฟเบอร์ในถั่วแดงนั้นเป็นไฟเบอร์ที่สามารถละลายในน้ำได้ เมื่อรับประทานเข้าไปและเกิดการย่อย ไฟเบอร์ในถั่วแดงจะมีลักษณะคล้ายกับเจลที่เคลือบไว้ในกระเพาะอาหาร ซึ่งเจลนี้จะเข้าไปดักจับกับคอเลสเตอรอลและป้องกันไม่ให้ถูกดูดซึมกลับเข้าสู่ร่างกาย จึงช่วยป้องกันไม่ให้ระดับของคอเลสเตอรอลพุ่งสูง

เสริมความจำ

ถั่วแดงมี วิตามินบี 1 ซึ่งเป็นสารอาหารสำคัญที่มีส่วนช่วยกระตุ้นการทำงานของระบบประสาทและสมอง ซึ่งถ้าร่างกายได้รับวิตามินบี 1 ในปริมาณที่เพียงพอ ร่างกายจะสามารถสร้าง แอซิติลโคลีน (Acetylcholine) ที่เป็นสารสื่อประสาทในสมอง และทำหน้าที่สำคัญเพื่อช่วยเสริมสร้างสมาธิ เพิ่มประสิทธิภาพในการจดจำ และลดความเสี่ยงของการเป็นอัลไซเมอร์ (Alzheimer’s disease) หรือ ภาวะความจำเสื่อม (Dementia)

เสริมพลังงานแก่ร่างกาย

แม้โดยทั่วไปแล้วเรามักจะพบโปรตีนได้ในเนื้อสัตว์ แต่ว่าถั่วแดงก็เป็นอีกหนึ่งอาหารที่อุดมไปด้วยโปรตีนที่สูงไม่แพ้กัน สำหรับผู้ที่เป็นมังสวิรัติ หรือเป็นวีแกน และต้องการทดแทนโปรตีนที่ได้จากเนื้อสัตว์ สามารถรับประทานถั่วแดงเพื่อรับโปรตีนได้เช่นกัน ซึ่งโปรตีนนี้เป็นสารอาหารที่จะช่วยเพิ่มพลังงานแก่ร่างกาย เสริมสร้างการสร้างมวลกล้ามเนื้อและกระดูกให้แข็งแรง มากไปกว่านั้นถั่วแดงก็ยังมีแมงกานีส ซึ่งเป็นแร่ธาตุสำคัญในการเผาผลาญอาหารและไขมันเพื่อแปรเปลี่ยนเป็นพลังงานแก่ร่างกายอีกด้วย

ป้องกันความดันโลหิตสูง

ความดันโลหิตสูงเป็นอาการทางสุขภาพที่มีความเสี่ยงทำให้เกิดโรคเบาหวานหรือโรคหัวใจ แต่การรับประทานถั่วแดงสามารถลดความเสี่ยงของความดันโลหิตสูงได้ เนื่องจากถั่วแดงอุดมไปด้วยสารอาหารสำคัญอย่างโพแทสเซียมและแมกนีเซียม ซึ่งเป็นแร่ธาตุที่ทำหน้าที่ในการขยายหลอดเลือด เพื่อช่วยให้เลือดสามารถไหลเวียนได้อย่างเป็นปกติ ไม่เกิดการอุดตันที่จะก่อให้เกิดความดันโลหิตสูง

ดีต่อการลดน้ำหนัก

อาหารกลุ่มธัญพืชประเภทถั่วนี้ เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในสุดยอดอาหารเพื่อการลดน้ำหนักเลยก็ว่าได้ โดยเฉพาะถั่วแดงที่มีไฟเบอร์สูง และไฟเบอร์ในถั่วแดงนั้นก็เป็นไฟเบอร์ชนิดละลายน้ำได้ ซึ่งถือว่าดีต่อการลดน้ำหนักเป็นอย่างมาก โดยไฟเบอร์จะทำให้ร่างกายอิ่มได้นานขึ้น ลดความอยากอาหารมื้อต่อไป มากไปกว่านั้นถั่วแดงยังมีไขมันต่ำ จึงไม่ลดความเสี่ยงที่จะมีภาวะแคลอรี่สูงเกินพิกัดอีกด้วย เรียกได้ว่ากินเท่าไหร่แคลอรี่ก็ไม่พุ่ง ใครที่กำลังอยู่ระหว่างควบคุมอาหารหรือควบคุมแคลอรี่ล่ะก็ ไม่ควรพลาดที่จะเพิ่มถั่วแดงลงในมื้ออาหาร

ขับสารพิษตามธรรมชาติ

อาหารในปัจจุบันนี้มีความเสี่ยงของการปนเปื้อนสารพิษสูง โดยเฉพาะสารพิษจำพวกซัลไฟต์ (sulfites) ที่อาจก่อให้เกิดการระคายเคืองที่ระบบทางเดินหายใจ เสี่ยงต่อการเกิดภูมิแพ้ หรือบางคนอาจมีอาการแพ้สารในกลุ่มซัลไฟต์ อาจกระตุ้นให้อาการภูมิแพ้กำเริบได้

อย่างไรก็ดี ในถั่วแดงมีสารที่ชื่อ โมลิบดีนัม (Molybdenum) ซึ่งเมื่อรับประทานถั่วแดงเป็นประจำสารนี้จะมีสรรพคุณช่วยขับสารพิษในกลุ่มซัลไฟต์ออกจากร่างกายได้ มากไปกว่านั้นก็ยังช่วยทำความสะอาดลำไส้และระบบทางเดินอาหาร ช่วยป้องกันไม่ให้เกิดมะเร็งที่ลำไส้ได้อีกด้วย

ข้อควรระวังในการรับประทานถั่วแดง
  1. แม้ถั่วแดงจะขึ้นชื่อว่ามีส่วนช่วยในการขับสารพิษออกจากร่างกาย แต่ธัญพืชตระกูลถั่ว โดยเฉพาะถั่วแดงที่อุดมไปด้วยสารที่ชื่อ ไฟโตฮีแมกกลูตินิน (Phytohaemagglutinin) ซึ่งนับว่าเป็นสารพิษชนิดหนึ่งที่ส่งผลให้เกิดอาการท้องร่วง อาเจียน หรือก่อให้เกิดอาการแพ้ อย่างไรก็ตาม สารพิษเหล่านี้จะสลายไปเมื่อถูกความร้อน ดังนั้นจึงไม่ควรกินถั่วแดงแบบดิบ ก่อนรับประทานถั่วแดงควรปรุงให้ถูกวิธี มีการแช่ถั่วแดงในน้ำอย่างน้อย 5 ชั่วโมง และปรุงด้วยความร้อน เพื่อช่วยสลายสารพิษออกไป
  2. ในถั่วแดงมีสารประกอบบางชนิดที่ทำหน้าที่ขัดขวางการดูดซึมสารอาหาร แต่ปัญหานี้สามารถแก้ไขได้ เพียงแค่ต้องแช่ถั่วแดงก่อนนำมาปรุงเสมอ และต้องกินถั่วแดงที่ปรุงสุกด้วยความร้อน
  3. ถั่วแดงหากกินในปริมาณมากอาจทำให้เกิดอาการท้องอืดหรือท้องเฟ้อ จึงควรรับประทานแต่พอเหมาะ อย่าให้มากจนเกินไป
  4. ถั่วแดงแบบกระป๋องอาจมีโซเดียมสูง หากต้องการบริโภคถั่วแดงแบบกระป๋องควรเลือกแบบที่มีโซเดียมต่ำ เพื่อป้องกันภาวะโซเดียมสูง ซึ่งหากรับประทานบ่อย อาจมีความเสี่ยงของโรคไตได้

ที่มา : Sanook.com

เชื่อว่าสาวๆ หลายคนจะต้องติดใจขนมจากแดนอาทิตย์อุทัยอย่าง “ไดฟุกุ” ที่มีรสชาติหอมหวานละมุนอย่างแน่นอน แต่ถึงแม้ไดฟุกุจะเป็นขนมต้นตำรับจากญี่ปุ่น เราก็สามารถนำมาประยุกต์กับวัตถุดิบของไทยได้ไม่ยากเลยค่ะ ซึ่งวันนี้เราจะนำถั่วแดงของบ้านเรามาทำเป็น “ไดฟุกุโฮมเมด” แสนอร่อยกันค่ะ

วัตถุดิบ

แป้งข้าวเหนียว150กรัม
เม็ดถั่วแดง1ถ้วย
แป้งข้าวเจ้า50กรัม
น้ำตาลทราย1/2ถ้วย
แป้งข้าวโพด4ช้อนโต๊ะ
น้ำเปล่า250มิลลิลิตร

วิธีทำ

  1. ต้มถั่วแดงให้สุก จากนั้นตั้งเตานำมารวนกับน้ำตาลทราย กวนให้เนื้อถั่วแดงร่วน ปิดเตา พักทิ้งไว้ให้เย็น
  2. ใส่แป้งข้าวเหนียวและแป้งข้าวเจ้า ลงในชามผสม จากนั้นเติมน้ำเปล่าลงไป คนให้ส่วนผสมเข้ากัน
  3. นำส่วนผสมของแป้งที่ทำไว้ เข้าเตาไมโครเวฟ ใช้เวลาประมาณ 3 นาทีด้วยไฟอ่อนหรือไฟกลาง จากนั้นนำออกมาคนให้สุกทั่วเข้ากัน และนำเข้าเตาไมโครเวฟอีกครั้ง โดยใช้เวลาประมาณ 3 นาทีเช่นกัน จากนั้นนำออกมาคนให้เข้ากัน และนำเข้าเตาไมโครเวฟอีกครั้ง (รวม 3 รอบ)
  4. เมื่อแป้งที่เข้าเตาสุกทั่วถึง พักไว้ประมาณ 1 นาที จากนั้นแบ่งแป้งออกเป็นก้อนกลมเท่าๆ กัน กะขนาดพอดีคำ
  5. ปั้นถั่วแดงเป็นก้อน นำแป้งที่แบ่งไว้มาห่อ ปั้นเป็นก้อน
  6. นำไดฟุกุถั่วแดงที่ทำเสร็จแล้วมาคลุกกับแป้งข้าวโพด พร้อมเสิร์ฟ
เป็นอย่างไรกันบ้างคะ สำหรับสูตรไดฟุกุโฮมเมดแบบง่ายๆ ทำทานได้ อร่อยจริง และนอกจากถั่วแดงจะนำมาใช้ในสูตรขนมไดฟุกุแล้ว ก็ยังสามารถประยุกต์เข้ากับขนมอีกหลายประเภทตามความชอบของคุณได้อีกด้วยค่ะ แต่ว่าตอนนี้ ต้องขอตัวไปชิมเจ้าไดฟุกุที่ทำไว้ก่อนแล้วล่ะค่ะ
 
ที่มา : บล็อกเล่าเก้าสิบ
 

“ถั่ว” เมล็ดเล็กๆ แต่เต็มเปี่ยมไปด้วยความมหัศจรรย์ของสารอาหารและคุณประโยชน์มากมายที่เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพ เพราะถั่วแต่ละชนิดอุดมไปด้วยโปรตีนสูง มีวิตามินและแร่ธาตุมากมาย รวมถึงช่วยลดการเกิดอนุมูลอิสระที่เป็นสาเหตุของการเกิดโรคมะเร็งอีกด้วย โดยเฉพาะประโยชน์จาก ถั่ว 5 สี ได้แก่ ถั่วเหลือง, ถั่วแดง, ถั่วดำ, ถั่วเขียว, และถั่วขาว แล้วถั่วแต่ละชนิดจะเหมาะสมกับร่างกายของเรามากน้อยแค่ไหนมาดูเลย

1. ถั่วเหลือง

ขึ้นชื่อว่าเป็น ราชาแห่งถั่ว เพราะมีคุณค่าทางโภชนาการสูงมาก เนื่องจากถั่วเหลืองอุดมไปด้วย โปรตีน มากกว่าถั่วทุกชนิด นอกจากนี้ยังมีสารอาหารประเภท คาร์โบไฮเดรต, กรดอะมิโน, มีไขมันชนิดดีสูง, มีเส้นใยอาหารสูง, มีโอเมก้า 3, มีวิตามินบีหลายชนิด และมีเกลือแร่สูง

เมื่อถั่วเหลืองมีคุณค่าทางโภชนาการสูงมาก สรรพคุณจึงไม่ธรรมดาแน่นอน เพราะมีส่วนช่วยลดความเสี่ยงของโรคมะเร็งได้ถึง 30%, ช่วยลดคอเลสเตอรอลในเลือด, ช่วยป้องกันโรคหลอดเลือดแข็งตัว, โรคความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ และโรคเบาหวาน, ช่วยกระตุ้นการขับถ่าย, ช่วยบำรุงประสาทและสมอง, ช่วยทำให้ผิวพรรณสดใส, ช่วยปรับฮอร์โมนเพศหญิงให้สมดุลได้ และถั่วเหลืองยังมีสรรพคุณอีกมากมายที่เป็นประโยชน์กับร่างกาย

ถั่วเหลืองยังเหมาะสำหรับผู้แพ้นมวัว สามารถดื่มทดแทนกันได้ หรือเลือกดื่มเป็นอาหารเสริมก็ได้เช่นกันจึงเหมาะกับผู้ที่ต้องการลดน้ำหนักเป็นพิเศษ นอกจากนี้การดื่มนมถั่วเหลืองอุ่นๆ ก่อนนอนจะช่วยทำให้นอนหลับสบายยิ่งขึ้น

2. ถั่วแดง

จัดว่าเป็นถั่วอีกหนึ่งชนิดที่อุมดมไปด้วยโปรตีนสูงมีคุณค่าทางอาหารเทียบเท่ากับเนื้อสัตว์เลยทีเดียว มีไขมันต่ำ, มีแคลเซียม, โฟเลต, ธาตุเหล็ก และมีเส้นใยอาหารสูง

สรรพคุณของถั่วแดงโดดเด่นไม่แพ้ถั่วสีอื่นๆ เพราะช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันในร่างกาย ป้องกันโรคร้ายต่างๆ ได้ ช่วยบำรุงระบบประสาทและสมอง, ช่วยบำรุงหัวใจให้แข็งแรง ช่วยปรับสภาพเลือดในร่างกาย

ถั่วแดงมีประโยชน์เป็นพิเศษสำหรับคุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์ เพราะช่วยลดความเสี่ยงของโรคประสาทที่ก่อให้เกิดความผิดปกติของทารก และช่วยลดความเสี่ยงต่อการคลอดบุตรก่อนกำหนด รวมถึงสามารถเลือกถั่วแดงเป็นตัวช่วยสำหรับการลดน้ำหนักก็ได้ เพราะถั่วแดงนั้นให้พลังงานสูงเมื่อกินจึงทำให้รู้สึกอิ่มท้องได้นานกว่าปกติ

3. ถั่วดำ

ผิวภายนอกของถั่วดำจะคล้ายกับถั่วเขียวต่างกันเพียงแค่สี ถึงแม้จะเป็นถั่วสีเข้มดูไม่น่ารับประทาน แต่ก็เต็มไปด้วยสารอาหารที่ดีอย่างน่าเหลือเชื่อ ซึ่งถั่วดำอุดมไปด้วย แคลเซียม, ไฟเบอร์, วิตามินอี, โพแทสเซียม, เบต้าแคโรทีน, ธาตุเหล็ก และสารอาหารอื่นๆ อีกมากมาย

สรรพคุณที่โดดเด่นช่วยบำรุงกระดูกและฟันให้แข็งแรง ช่วยป้องกันอาการท้องผูก, ช่วยรักษาระดับน้ำตาลในเลือดให้สมดุล, ช่วยป้องกันโรคความดันโลหิตสูงและช่วยลดคอเลสเตอรอล, ช่วยลดความเสี่ยงและป้องกันการเกิดโรคหัวใจ รวมถึงช่วยป้องกันโรคมะเร็ง

ถั่วดำยังเป็นที่นิยมในบรรดาผู้ที่ต้องการลดความอ้วน เพราะอุดมไปด้วยสารลดความอ้วนและสารที่ช่วยกำจัดสารพิษ ช่วยให้อิ่มท้องได้นานขึ้นและสร้างพลังงานมาใช้ได้อย่างสม่ำเสมอ

4. ถั่วเขียว

เมล็ดไซส์เล็กจิ๋ว แต่สารอาหารนั้นมีคุณค่ามากกว่าที่คิด อุดมไปด้วยโปรตีน, คาร์โบไฮเดรต, แร่ธาตุและวิตามินต่างๆ, โพแทสเซียม, แมกนีเซียม, แคลเซียม, มีโฟเลตสูง, มีเส้นใยอาหาร และอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ

มาดูสรรพคุณหลักๆ ของถั่วเขียวบ้าง ช่วยเสริมสร้างและบำรุงให้กล้ามเนื้อของร่างกายแข็งแรง, ช่วยในการทำงานของระบบเผาผลาญในร่างกาย, มีส่วนช่วยต่อต้านมะเร็ง, ช่วยลดความดันโลหิต, ช่วยลดระดับไขมันและคอเลสเตอรอล, ช่วยควบคุมระดับไขมันในเลือด, ช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจ ช่วยกระตุ้นการทำงานของระบบปราทและสมองให้ทำงานได้ไวขึ้น

ที่สำคัญสาวๆ ต้องฟังให้ดี ถั่วเขียวนั้นมีส่วนช่วยให้ผิวพรรณของเรานั้นสวยเปล่งปลั่ง ช่วยชะลอการเสื่อมสภาพของผิว ลดรอยสิว ฝ้า ลดเลือนริ้วรอยต่างๆ คืนความเต่งตึงได้เป็นอย่างดี และถั่วเขียวยังมีประโยชน์มากมาย

5. ถั่วขาว

ขึ้นชื่อเรื่องการถูกนำไปใช้เป็นอาหารลดน้ำหนัก เนื่องจาก ถั่วขาว มีคุณสมบัติเฉพาะตัว คือช่วยให้แป้งหรือคาร์โบไฮเดรตที่เรากินเข้าไป ไม่สามารถเปลี่ยนเป็นน้ำตาลได้จึงย่อยได้ช้าลง เพราะสารฟาซิโอลามีน (Phaseolamin) คอยช่วยยับยั้งการดูดซึมแป้งและน้ำตาลเข้าสู่ร่างกาย

ถั่วขาวยังช่วยแก้อาการท้องผูก, ลดความเสี่ยงเป็นโรคหัวใจ, ช่วยบำรุงสมอง, ลดความเสียงการเป็นมะเร็ง, อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ, ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้อย่างดี ดังนั้นใครที่กำลังจะลดน้ำหนัก การเลือกกินถั่วขาวก็นับว่าเป็นทางออกที่ดีมากค่ะ

เห็นหรือยังคะว่า ถั่ว 5 สี มีความจำเป็นกับร่างกายมากขนาดไหน แต่ละชนิดมีสรรพคุณในการบำรุงแตกต่างกันออกไป เป็นอาหารที่สามารถเลือกรับประทานได้ทุกวัน

ที่มา : Tesco Lotus