เครือซีพี ร่วมกับซีพี ออลล์ บริษัทในเครือฯหนุนเตือนภัยไซเบอร์

ประชาสัมพันธ์

เครือซีพี ร่วมกับซีพี ออลล์  บริษัทในเครือฯ หนุนเตือนภัยไซเบอร์ ย้ำ “เปิดบัญชีม้า จำคุกสูงสุด 3 ปี” ผ่านสื่อโปสเตอร์ประชาสัมพันธ์ในร้านสะดวกซื้อเซเว่น อีเลฟเว่น กว่า 13,000 สาขาทั่วประเทศ 

บริษัท เครือเจริญโภคภัณฑ์  จำกัด หรือ เครือซีพี ตระหนักถึงภัยอันตรายจากอาชญากรรมทางเทคโนโลยี  หรือ  จากกลุ่มมิจฉาชีพออนไลน์  ที่ยังส่งผลกระทบต่อประชาชนอย่างต่อเนื่อง และเพื่อตอกย้ำถึงภัยกลโกงตามโครงการ “ผนึกกำลังร่วมใจ ต้านภัยไซเบอร์ ไม่เชื่อ ไม่รีบ ไม่โอน รู้ทันกลโกง”  ร่วมกับทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ  จึงได้ผสานความร่วมมือกับกลุ่มธุรกิจในเครือ อย่าง บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน)  เพื่อเผยแพร่สื่อโปสเตอร์ประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับ พ.ร.ก.มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ. 2566 และบัญชีม้า ภายในร้านสะดวกซื้อเซเว่น อีเลฟเว่น กว่า 13,000 สาขาทั่วประเทศ ตอกย้ำให้ประชาชนได้เข้าใจ ไม่เชื่อ ไม่รีบ ไม่โอน รู้ทันกลโกง และตระหนักรู้เกี่ยวกับภัยออนไลน์มากขึ้น 

หลังจากที่มีพระราชกำหนดมาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ.2566 ที่มีผลบังคับใช้มาตั้งแต่วันที่ 17 มีนาคม 2566 ที่ผ่านมา เพื่อคุ้มครองประชาชนที่ถูกหลอกจนสูญเสียทรัพย์สินผ่านวิธีการทางคอมพิวเตอร์  รวมถึงเพื่อรักษาความปลอดภัยของประเทศ ความปลอดภัยของสาธารณะ และความมั่นคงในทางเศรษฐกิจของประเทศ  ปัจจุบันยังคงกวาดล้างและจับกุมผู้กระทำผิดที่เกี่ยวกับบัญชีม้าอย่างต่อเนื่อง  ซึ่งข้อมูลเฉลี่ยจากคนที่แจ้งความออนไลน์เข้ามาในระบบอยู่ที่ประมาณวันละ 600 เรื่อง  เนื่องจากรูปแบบกลโกงที่ถูกปรับเปลี่ยนไปตามสถานการณ์  ซึ่งการเปิดบัญชีม้า มีโทษจำคุกสูงสุด 3 ปี และหากทำตัวเป็นธุระจัดหา โฆษณา ไขข่าว โทษจำคุกสูงสุดถึง 5 ปี  ซึ่งที่ผ่านมา สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) ได้แถลงผลการจับกุมมาแล้วหลายครั้ง  พร้อมกับประชาสัมพันธ์แจ้งให้ประชาชนรับทราบ เพื่อเข้าใจหลักการตาม พ.ร.ก.มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ.2566 

ทั้งนี้ เครือเจริญโภคภัณฑ์  และ  ซีพี ออลล์  ต่างตระหนักถึงภัยการหลอกหลวงออนไลน์  และห่วงใยประชาชนที่อาจจะต้องตกเป็นเหยื่อ  แม้จะทราบเกี่ยวกับกลโกงที่มิจฉาชีพมักใช้ประจำ  แต่ก็ยังพบว่ามีประชาชนบางส่วนที่ยังหลงเชื่อจนนำไปสู่ความเสียหาย  อีกทั้งร้านสะดวกซื้อเซเว่น อีเลฟเว่น  มีกลุ่มลูกค้าเข้ามาใช้บริการเป็นจำนวนมากและมีหลากหลายช่วงวัย  และเพื่อตอกย้ำให้ประชาชนได้เข้าใจ มีสติก่อนทำธุรกรรมกับมิจฉาชีพ และตระหนักรู้เกี่ยวกับภัยออนไลน์มากขึ้น  จึงได้นำสื่อโปสเตอร์ประชาสัมพันธ์ในเรื่องที่เกี่ยวกับ พ.ร.ก.มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ. 2566  และ บัญชีม้า ไปเผยแพร่ภายในร้านสะดวกซื้อเซเว่น อีเลฟเว่น กว่า 13,000 สาขาทั่วประเทศ  ตั้งแต่ต้นเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา 

ด้าน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ  ยังคงย้ำเตือน ไม่เชื่อ ไม่รีบ ไม่โอน รู้ทันกลโกง และหากถูกหลอกหรือมีเหตุสงสัยว่าตกเป็นเหยื่อคดีออนไลน์ เช่น กรณีแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกลวงและแอปดูดเงิน เป็นต้น ให้ตั้งสติ เก็บรวบรวมหลักฐาน เช่น สลิปการโอนเงิน ช่องทางติดต่อกับคนร้าย เบอร์โทรศัพท์ เวลาที่ติดต่อ เลขที่บัญชีของคนร้าย ตู้เอทีเอ็มสาขาที่โอนเงิน เป็นต้น แล้วแจ้งติดต่อไปยังธนาคารของผู้เสียหายที่โอนเงินไปทันที ผ่านเบอร์ศูนย์รับแจ้งเหตุของธนาคาร เพื่อให้ระงับธุรกรรมชั่วคราว และแจ้งตำรวจอย่างรวดเร็วผ่านระบบออนไลน์ได้ที่เว็บไซต์ www.thaipoliceonline.com  หรือเดินทางไปแจ้งความที่สถานีตำรวจท้องที่ใดก็ได้ เพราะธนาคารจะระงับธุรกรรมชั่วคราวได้ไม่เกิน 72 ชั่วโมง โดยตำรวจจะแจ้งให้ธนาคารทราบเพื่อระงับธุรกรรมต่อไป  ทั้งนี้สามารถปรึกษาหรือขอรับคำแนะนำเพิ่มเติมได้ที่ สายด่วน 1441 หรือ 081-866-3000