รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศและการพัฒนาฝ่ายกิจการเอเชียเยือนไทย หารือความสัมพันธ์ทางการค้าและความมั่นคง และแสดงความยินดีกับความร่วมมือด้านวัคซีน

ประชาสัมพันธ์

นางอแมนดา มิลลิ่ง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงต่างประเทศและการพัฒนาสหราชอาณาจักรฝ่ายกิจการเอเชียเดินทางเยือนไทยเป็นเวลา 3 วัน ปิดท้ายการเยือนภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

ระหว่างเข้าพบกับนายวิชาวัฒน์ อิศรภักดี ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการต่างประเทศของไทย นางมิลลิ่งได้หารือถึงการเพิ่มความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ ดิจิทัล และเทคโนโลยีระหว่างสหราชอาณาจักรและไทย และการทำงานร่วมกันในประเด็นที่ทั้งสองประเทศมีความสนใจร่วมกัน เช่น การฟื้นฟูจากการระบาดของโรคโควิด-19 และความร่วมมือด้านความมั่นคงในภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก

นางอแมนดา มิลลิ่ง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงต่างประเทศและการพัฒนาสหราชอาณาจักร ฝ่ายกิจการเอเชียกล่าวว่า

“เรามุ่งมั่นที่จะเสริมความร่วมมือกับประเทศไทยในด้านต่างๆ รวมถึงด้านการค้าและการลงทุน เทคโนโลยีและการพัฒนาที่ยั่งยืนตลอดจนการเจรจาด้านการเมือง”

“ในฐานะพันธมิตรด้านความมั่นคง สหราชอาณาจักรและไทยยังต้องทำงานเคียงข้างกันเพื่อให้ภูมิภาคอินโด-แปซิฟิกมีความเป็นเสรีและเปิดกว้างและจัดการกับสิ่งท้าทายต่างๆ ในภูมิภาคนี้”

ปัจจุบันความสัมพันธ์ด้านการค้าระหว่างสองประเทศมีมูลค่ามากกว่า 47,000 ล้านปอนด์ (ราว 2.13 แสนล้านบาท) และมีธุรกิจอังกฤษมากกว่า 5,000 รายส่งออกสินค้ามายังประเทศไทย นางมิลลิ่งจึงได้เน้นย้ำถึงการเยือนครั้งนี้เพื่อสร้างความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจใหม่ๆ ระหว่างสองประเทศ

ความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจนี้รวมไปถึงการให้เงินสนับสนุนโครงสร้างพื้นฐานที่โปร่งใสและมีความน่าเชื่อถือจากกลุ่มการลงทุนระหว่างประเทศใหม่ของสหราชอาณาจักร และการเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมโต๊ะกลมกับกลุ่มธุรกิจหลักๆ ที่ดำเนินการอยู่ในภูมิภาคนี้

นางมิลลิ่งยังได้หารือถึงความร่วมมือระหว่างสหราชอาณาจักรและไทยด้านพลังงานและสาธารณูปโภคระหว่างที่พบกับนายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน และได้เยี่ยมชมบริษัทสยามไบโอไซเอนซ์ซึ่งเป็นโรงงานผลิตวัคซีนแอสตร้าเซนเนกาในภูมิภาคเพื่อปกป้องชีวิตและช่วยเหลือฟื้นฟูจากโควิด-19

นอกจากนี้ในวาระการประชุมยังได้กล่าวถึงสถานการณ์ปัจจุบันในเมียนมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งการสร้างความแข็งแกร่งให้กับการบรรเทาทุกข์ด้านมนุษยธรรมและสนับสนุนความพยายามต่างๆ ระหว่างประเทศเพื่อแก้ไขวิกฤตการณ์ที่เกิดขึ้น ทั้งนี้สหราชอาณาจักรได้ให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมกับประชาชนไปแล้วกว่าครึ่งล้านรายนับตั้งแต่เหตุรัฐประหารที่เกิดขึ้นเกือบหนึ่งปีที่ผ่านมา