“เทคนิคถ่ายภาพอาหาร” ที่ทำให้คนสนิทต้องติดว้าว

Tips & Tricks สารพันเกร็ดน่ารู้

เรียกว่ายุคนี้เป็นยุคของการถ่ายภาพอาหารจริงๆ ค่ะ ไม่ว่าจะหันไปทางไหนก็เจอแต่คนลงรูปอาหารสวยๆ ยิ่งทำให้น่ารับประทานและอยากทำตามดูบ้าง วันนี้เราเลยมี “เทคนิคถ่ายภาพอาหาร” มัดใจคนสนิทที่เห็นแล้วต้องติดว้าวให้ห้าดาวกันเลยทีเดียว ตามไปดูเทคนิคง่ายๆ ที่ถ่ายภาพอาหารออกมาแล้วเป๊ะปังน่ารับประทานกันได้เลยค่ะ

โฟกัสเน้นๆ ในส่วนที่น่าถ่ายที่สุดในรูป
ในการถ่ายภาพอาหารให้ดูน่ารับประทาน เทคนิคแรกต้องโฟกัสไปในจุดที่เราถือให้เป็นพระเอกของภาพนั้น เช่นอาหารในจานที่เด่นที่สุด ปรับโฟกัสให้ภาพดูมีมิติ ชัดลึก ชัดตื้น อาหารที่เราโฟกัสจะดูน่าหม่ำขึ้นมากๆ รับรองว่าคนในบ้านต้องรีบกลับมาขอชิมแน่นอนค่ะ

หามุมมองใหม่ๆ ในการถ่ายภาพ
ภาพอาหารเราไม่จำเป็นต้องเน้นซูมใกล้เพื่อความน่ารับประทานเท่านั้น ลองปรับมุมมองการถ่ายภาพให้ดูน่าสนใจ อย่างเช่น วิธีการถ่ายจากด้านบนลงมาให้เห็นองค์ประกอบรวมภายในโต๊ะหรือที่เรียกกันว่ามุม Top จะได้ภาพที่สวยงามไปอีกแบบหนึ่งค่ะ

สร้างแอคชั่นระหว่างการถ่ายภาพ
ภาพจานอาหารที่วางไว้ อาจดูไม่มีชีวิตชีวาเท่ากับภาพที่มีองค์ประกอบในการจัด หยิบของมือ เช่นกำลังใช้ส้อมจิ้มอาหาร หรือกำลังยกเหยือกน้ำเทน้ำลงในถ้วย แอคชั่นเหล่านี้ จะช่วยเพิ่มความสมจริงของภาพมากยิ่งขึ้น ลองทำกันดูนะคะ

เลือกอาหารที่มีสีสันน่ารับประทาน
อาหารสีสดมีผลต่อความอยากรับประทานยิ่งขึ้น และจะทำให้ภาพที่ถ่ายออกมาดูสดใส ยั่วน้ำลายจริงๆ ค่ะ เช่นอาหารจานแซ่บ หรือขนมสีสันหลากสี ก็จะช่วยเพิ่มสีสันภายในภาพไม่ให้ดูจืดชืดจนเกินไป ใครชอบเมนูไหนก็มาลองเลือกไปถ่ายกัน

ใครว่าฉากหลังไม่สำคัญ
ในการถ่ายภาพอาหารไม่จำเป็นต้องถ่ายให้เห็นแต่อาหาร แต่องค์ประกอบอื่นๆ ภายในภาพก็ช่วยให้ภาพดูสวยงามขึ้นเช่นกัน โดยเฉพาะฉากหลังไม่ควรโล่งว่าง ลองดูเมนูจานหลักที่เราต้องถ่ายว่าเป็นเมนูชนิดไหน แล้วมีอะไรที่เข้ากันกับเมนูเช่นน้ำจิ้ม เครื่องเคียง ของเหล่านี้สามารถนำมาจัดวางเป็นฉากหลังจะช่วยให้ภาพที่ถ่ายดูสมบูรณ์มากขึ้น

ได้เทคนิคดีๆ ในการถ่ายภาพอาหารให้สวยกันแล้ว คราวนี้คนในบ้านต้องติดว้าวให้กับคุณอย่างแน่นอน เพราะมีทั้งเสน่ห์ปลายจวักและเทคนิคภาพสวยมัดใจคนในบ้านได้แบบอยู่หมัด ลองนำเทคนิคเหล่านี้ไปใช้กันดูกับเมนูอาหารของคุณนะคะ ไม่จำเป็นต้องใช้กล้องถ่ายรูปตัวใหญ่ ถ้าสะดวกใช้โทรศัพท์มือถือก็ทำได้เช่นเดียวกัน พร้อมแล้ว 1 2 3 แชะ!

ที่มา : บล็อกเล่าเก้าสิบ