5 ทักษะสำคัญ ช่วยเด็กไทยไม่จมน้ำ

Tips & Tricks สารพันเกร็ดน่ารู้

“การจมน้ำ” อาจจะดูเป็นเรื่องไกลตัวสำหรับผู้ใหญ่และคนในพื้นที่เมือง ซึ่งอยู่ห่างไกลจากแหล่งน้ำธรรมชาติ กระนั้นก็ “ไม่ควรประมาท” ด้วยจากข้อมูลทางสถิติของ สํานักโรคไม่ติดต่อ กรมควบคุมโรค ระบุไว้ว่า ปี พ.ศ. 2561 พบเด็กอายุต่ำกว่า 15 ปีจมน้ำเสียชีวิตมากถึง 681 คน โดยในช่วงปิดเทอมภาคฤดูร้อน มีอัตราการเสียชีวิตจากการจมน้ำของเด็กมากกว่าในช่วงอื่นของปี หรือคิดเป็น 1 ใน 3 ของการเสียชีวิตจากการจมน้ำของเด็กตลอดทั้งปี

สำหรับสาเหตุของการเสียชีวิต “เกินครึ่ง” เกิดระหว่างการชวนกันไปเล่นน้ำในแหล่งน้ำธรรมชาติ และเด็กส่วนใหญ่ขาดทักษะการว่ายน้ำเพื่อเอาชีวิตรอด และไม่รู้วิธีการช่วยเหลือที่ถูกต้อง ข้อมูลยังระบุอีกว่าเด็กเล็ก สามารถจมน้ำได้ในน้ำที่ลึกเพียง 1-2 นิ้ว และส่วนใหญ่เกิดขึ้นในแหล่งน้ำภายในบ้านและบริเวณใกล้เคียง

องค์การช่วยเหลือเด็ก (Save the Children) จึงจัดงาน ห่วงใย #เด็กไทยไม่จมน้ำ แสดงผลงานของ 8 โรงเรียนนำร่องที่เข้าร่วม “โครงการจัดการเรียนรู้เรื่องการว่ายน้ำเพื่อเอาชีวิตรอด” ในการสร้างพื้นที่ปลอดภัยจากภัยจมน้ำให้แก่โรงเรียนและชุมชน เพื่อลดการบาดเจ็บและการเสียชีวิตจากการจมน้ำของเด็ก ผ่านการอบรมให้ความรู้เกี่ยวกับความปลอดภัยทางน้ำ และการสอนว่ายน้ำเพื่อเอาชีวิตรอดในโรงเรียนระดับประถมศึกษา ณ สปอร์ต ซิตี้ ถนนประชาชื่น

การฝึกอบรมนักเรียนให้ช่วยเหลือตนเองจากการจมน้ำได้ในเบื้องต้น
อุปกรณ์ทำเองในการช่วยเหลือจากการจมน้ำ
ประเสริฐ ทีปะนาถ ผู้อำนวยการ Save the Children
ครูเอ๋-ปรีชา หงส์นฤชัย จากโรงเรียนวัดเวตะวันธรรมาวาส

ประเสริฐ ทีปะนาถ ผู้อำนวยการองค์การช่วยเหลือเด็ก เผยว่า เด็กนักเรียนในโครงการจะได้เรียนรู้ทักษะความปลอดภัยทางน้ำ 5 ประการ ได้แก่ 1.เรียนรู้จุดเสี่ยง และพฤติกรรมเสี่ยงต่อการจมน้ำ โดยเน้นหลัก “อย่าใกล้ อย่าเก็บ อย่าก้ม” 2.การลอยตัวในน้ำได้อย่างน้อย 3 นาที 3.การเคลื่อนที่ในน้ำได้อย่างน้อย 15 เมตร 4.ทักษะการช่วยเหลือคนตกน้ำอย่างถูกต้อง ด้วยหลักการ “ตะโกน โยน ยื่น” และ 5.ทักษะการใช้ชูชีพอย่างถูกต้อง

ครูเอ๋-ปรีชา หงส์นฤชัย จากโรงเรียนวัดเวตะวันธรรมาวาส ซึ่งเข้าร่วมโครงการ เล่าว่า ด้วยความที่โรงเรียนอยู่ใกล้กับแหล่งน้ำ จึงมักจะเกิดเหตุเด็กจมน้ำเสียชีวิตอย่างน้อยปีละ

1 คน หลังจากมีโครงการนี้ได้เข้าร่วมอบรมทำให้มีความมั่นใจมากขึ้น และนำความรู้มาสอนนักเรียนทั้งในคาบทักษะชีวิตและการเอาตัวรอดในวิชาลูกเสือ จากที่นักเรียนว่ายน้ำไม่เป็นเลย ตอนนี้ร้อยละ 90 ของนักเรียนสามารถเอาตัวรอดจากแหล่งน้ำต่างๆ ได้แล้ว และในอนาคตอันใกล้โรงเรียนกำลังจัดสร้างสระว่ายน้ำเพื่อให้เด็กได้เรียนรู้เพิ่มเติมอีกด้วย

ที่มา : หนังสือพิมพ์มติชนรายวัน หน้า 17                                                                                                                                                                                                                                                                    เผยแพร่ : วันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2563