“บลู เอเลเฟ่นท์” เสิร์ฟเมนู Pink Ribbon ตลอดเดือนตุลา ชูสมุนไพรไทยร่วมแคมเปญช่วยผู้ป่วยมะเร็งเต้านม

Promotion โปรโมชั่น

สิ่งที่ “ภัตตาคารบลู เอเลเฟ่นท์” ร้านอาหารไทยระดับโลก ถือเป็นธรรมเนียมปฏิบัติมาตลอดหลายปีที่ผ่านมา คือ การจัดทำเมนูพิเศษเดือนตุลาคม ร่วมกับ “มูลนิธิศูนย์มะเร็งเต้านมเฉลิมพระเกียรติ” เพื่อสมทบทุนช่วยเหลือผู้ป่วยโรคมะเร็งเต้านม ซึ่งในแต่ละปีจะมีเซ็ตอาหารที่แตกต่างออกไป

ในปีนี้ เชฟนูรอ โซ๊ะมณี สเต็ปเป้ ผู้ก่อตั้งโรงเรียนสอนทำอาหาร และเชฟแห่ง “ภัตตาคารบลู เอเลเฟ่นท์” ได้ครีเอทเมนู Pink Ribbon 2019 ออกมาได้น่าสนใจทีเดียว โดยนำสมุนไพร วัตถุดิบในท้องถิ่นที่ล้วนแล้วแต่เป็นซูเปอร์ฟู้ด มาใช้ประกอบอาหาร ตั้งแต่ในอาหารเรียกน้ำย่อย อาหารว่าง อาหารจานหลัก กระทั่งขนมหวานและเครื่องดื่ม ที่เชฟนูรอ บรรจงปรุงออกมาให้โดดเด่นทันสมัยทั้งหน้าตา และรสชาติที่หากได้ชิมรับรองว่าสารความสุขจะเอ่อล้นอย่างมาก

เริ่มจาก อาหารเรียกน้ำย่อย มี 2 อย่าง คือ “หนังปลาแซลมอนหม่าล่าน้ำพริกหนุ่มไข่ปลาคาเวียร์” อย่างแรกนี้เผ็ดระดับกลาง รสชาติจัดจ้าน จากความเปรี้ยวเผ็ดของน้ำพริกหนุ่ม กรุบกรอบกับหนังปลาแซลมอน เติมความหรูหราด้วยไข่ปลาคาเวียร์จากฟาร์มที่หัวหิน อย่างที่ 2 คือ “ยำปูใบชะคราม” รสนุ่มละมุนผ่อนความร้อนแรงลงมา

อาหารว่างมี 3 อย่าง คือ “ส้มตำแก่นตะวันทูน่าสับปะรดสาหร่ายพวงองุ่น” รสชาติจี๊ดจ๊าด “หมูกอและ” เนื้อแน่นหอมขมิ้น และ “ช่อชมพู” คล้ายๆ ช่อม่วง แต่ประยุกต์เป็นสีชมพูได้จากไม้ฝาง ไส้ไก่ อร่อยกลมกล่อม

ตามด้วยซุป “กะหรี่ไหมฝาน” เป็นอาหารดั้งเดิมของชาวเพอรานากัน ที่คนไทยรู้จักในนาม บาบ๋า ย่าหยา ซึ่งเป็นคนท้องถิ่นดั้งเดิมที่เกิดจากชาวจีนกับคนพื้นถิ่น เป็นสูตรที่เชฟนูรอได้มาจากคุณแม่ของคุณหมอโกศล แตงอุทัย นายกสมาคมเพอรานากันประเทศไทย รสชาติจะคล้ายกับข้าวซอย กินกับหมี่ขาว และ ไก่ลวก แต่จานนี้เชฟนูรอเพิ่มความโมเดิร์นใส่ฟัวกราส์ลงไปให้ความหรูหราอลังการมากๆ

จานหลักมี 2 อย่าง คือ “กุ้งลายเสือทอดซอสพริกไทยกระเทียมดำ” จานนี้มีกระเทียมดำเป็นนางเอก ด้วยความที่สรรพคุณมากมาย โดยเฉพาะลดไขมันในเส้นเลือดจึงเหมาะแก่คนที่รักสุขภาพมากๆ รสชาติจัดจ้าน แหลมเปรี้ยวนิดๆ จากกระเทียมดำที่ผ่านการบ่มอย่างดี และ “แกงสิงหลแก้มวัว” จานนี้สูตรศรีลังกาตั้งแต่สมัย ร.2 ใช้แก้มวัวที่มีไม่มาก เนื้อสัมผัสนุ่มหยุ่น กินกับโรตีก็อร่อย หรือ ข้าวผัดขมิ้นที่เพิ่มความอร่อยด้วยเม็ดมะม่วงหิมพานต์ก็ดีมาก

ปิดท้ายด้วยขนมหวาน 3 ชนิด คือ “หม้อแกงถั่วพิสตาชิโออินทผลัม” พลิกแพลงใช้อินทผลัมแทนน้ำตาลทำเป็นหน้าเค้ก หวานละมุน “เชอร์เบทมังคุด” เปรี้ยวสดชื่น และ “โยเกิร์ตไวท์ช็อกแยมมะม่วงหาวมะนาวโห่” ที่หวานตัดด้วยแยมรสเปรี้ยว ฝาดหน่อยๆ อร่อยลงตัว

เชฟนูรอ โซ๊ะมณี สเต็ปเป้

เชฟนูรอ ในฐานะ ทูตกิตติมศักดิ์ โครงการรณรงค์ต้านภัยมะเร็งเต้านม บอกว่า เดือนตุลาคมทุกปีเราจะทำ Pink Ribbon Menu ขึ้นมา โดยปีนี้เราใช้ธีมเป็น Herbs for Health คือ สมุนไพรเพื่อสุขภาพ เพราะอยากนำสมุนไพรต่างๆ ของประเทศไทย มาปรุงอาหารให้ลูกค้าได้รู้จักว่าสมุนไพรแต่ละตัวเป็นซูเปอร์ฟู้ด อร่อยและมีประโยชน์อย่างมาก เช่น แก่นตะวัน หรือที่เรียกกันว่าอาร์ติโชคเยรูซาเล็ม ตัวนี้เป็นซูเปอร์ฟู้ดมาก มีประโยชน์ เอามาทำส้มตำแทนมะละกอก็อร่อย เพราะมะละกอดิบสำหรับคนอายุมากเมื่อกินมากๆ ก็อาจจะเฝื่อนท้อง เพราะย่อยยาก

กะหรี่ไหมฝาน
กุ้งลายเสือทอดซอสพริกไทยกระเทียมดำ
แกงสิงหลแก้มวัว
อาหารว่าง

ใครอยากชิม Pink Ribbon Menu เริ่มให้บริการตั้งแต่วันที่ 7 ตุลาคม – 31 ตุลาคม 2562 ให้บริการเฉพาะมื้อกลางวัน ราคา 1,200 บาท ++ หรือ สอบถามเพิ่มเติม โทร. 02-673-9353-8 โดยรายได้หลังหักค่าใช้จ่ายมอบให้มูลนิธิศูนย์มะเร็งเต้านมเฉลิมพระเกียรติ เพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยโรคมะเร็งเต้านม