20 จานเด่นห้ามพลาดในชาตินี้

Food Story อาหาร

ใครไม่รู้บอกไว้ว่า “กินเรื่องใหญ่  ตายเรื่องกลาง  ตะรางเรื่องเล็ก” ฟังแล้วก็จดจำมาในสมองตลอด  แม้ว่ายังงุนงงสงสัยในความหมาย  เท่าที่ฟังๆ ดู “ตาย” น่าจะเป็นเรื่องใหญ่สุด ครั้นมาถึงตอนนี้ยุคสื่อสารไร้พรมแดน โลกเป็นแผ่นผืนเดียวกัน ไม่ว่าอยู่มุมไหนลัดนิ้วมือเดียวก็คุยกันได้  ความหมายของวลีที่กล่าวไว้เลยแจ่มแจ้งแทงตลอด ว่า “กิน” มันเป็นเรื่องใหญ่จริงแท้แน่เทียว  เอาเป็นว่าวันนี้มีอาหารจานเด่นมาให้เห็นกันจากนานาประเทศ  หากมีโอกาสต้องรีบไปเสาะหากินให้ได้ เพราะเป็น “จานเด่น” ชนิด “ห้ามพลาดในชาตินี้”

จานแรกเป็นของออสเตรเลีย “พายเนื้อ” ชื่อสั้นๆ จำง่ายๆ เป็นพายเนื้อธรรมดาๆ นี่แหละ แต่คนออสซี่ชอบนักชอบหนา ถือว่าเป็นอาหารประจำชาติเลยทีเดียว พายเนื้อมีส่วนผสมของน้ำเกรวี่ เห็ด หัวหอมและแครอท คนออสเตรเลียรักที่จะรับประทานพายเนื้อมาก หากเดินไปตามท้องถนนจะพบเห็นร้านขายพายเนื้อมากมาย ทำให้การบริโภคเนื้อวัวในประเทศออสเตรเลียมีปริมาณหลายล้านตัวต่อปี แต่ถ้าจะหาร้านพายเนื้ออร่อยเด็ด มีคนแนะนำว่าต้องไปที่ร้าน ” Harry’s Cafe de Wheels” ตั้งอยู่ที่นครซิดนีย์ เมืองหลวง ขายพายเนื้อมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1938  ร้านนี้ถือว่าห้ามพลาดหากรักจะกินพายเนื้อ เพราะรสชาติของเนื้อในแป้งพาย คนออสเตรเลียยกนิ้วให้ว่าอร่อยที่สุดในประเทศ

จานถัดมาเรียกว่า “เวียนนาแอปเปิ้ล สตรูเดิ้ล” หรือเรียกอีกชื่อว่า “Apfelstrudel” เป็นของหวานจานเด่นแบบดั้งเดิมของออสเตรียที่คนนิยมมากที่สุด ว่ากันว่าเป็นลูกพี่ลูกน้องที่ใกล้ชิดกับพายแอปเปิ้ลของคนอเมริกันนั่นแหละ เวียนนาแอปเปิ้ล สตรูเดิ้ล มีส่วนผสมของแอปเปิ้ล ห่อด้วยแป้งพายพับอบกรอบแผ่นบาง นิยมเสิร์ฟคู่ไอศครีม วิปปิ้งครีม  คำว่า “สตรูเดิ้ล” เป็นภาษาเยอรมัน หมายถึง “ช่อง” หรือสิ่งที่ห่อหุ้มไว้  ชาวออสเตรียรักที่กินขนมจานนี้ในยามบ่ายกับกาแฟร้อนหอมกรุ่น และหากจะหาร้านเพื่อลิ้มลองเวียนนาแอปเปิ้ล สตรูเดิ้ล แนะนำว่าต้องเป็นที่ “คาเฟ่โมสาร์ท” หรือ “Kaffee Alt Wien” ที่จะได้ลิ้มรสของหวานในสภาพแวดล้อมที่แท้จริงของเวียนนา

จานที่สาม คือ “Moules Frites” หอยแมลงภู่อบใส่หัวหอมใหญ่ตำรับเบลเยี่ยม ปกติแล้วจะเสิร์ฟมาพร้อมกับมันฝรั่งทอดปรุงรส (Pommes Frites) หอยแมลงภู่และมันฝรั่งทอดนั้นมีอยู่ทั่วไปในเบลเยียมเช่นเดียวกับเบอร์เกอร์และมันฝรั่งทอดในสหรัฐอเมริกา เรียกว่าเป็นอาหารท้องถิ่นของชาวเบลเยี่ยมที่นิยมรับประทานมากทั้งในประเทศ และทางตอนเหนือของฝรั่งเศส  หอยแมลงภู่เนื้อหวาน สดทุกตัว รสชาติกลมกล่อม หารับประทานได้ทั่วไป รสชาติไม่แตกต่างกัน

สำหรับจานที่สี่มาไกลจากบราซิล “Pudim” เป็นขนมหวานอีกแหละ จะเรียกพุดดิ้ง ก็ได้ มีส่วนผสมหลักคือไข่และนม ด้านบนราดคาราเมลเป็นท็อปปิ้งเพิ่มความหอมหวาน ที่ประเทศบราซิลจะมีพุดดิ้งขายในร้านเบเกอรี่และร้านอาหารแทบทุกร้าน เนื่องจากเป็นขนมที่ทำง่าย รสชาติอร่อย  นอกจากนี้ยังมี  Quindim เป็นพุดดิ้งก้อนเล็กๆ ที่หยิบกินง่าย รสชาติคล้าย Pudim

“Poutine” เป็นจานที่ห้าที่ต้องหาโอกาสกินให้ได้เมื่อไปเยือนประเทศแคนาดา  “ปูติน” เป็นอาหารสัญชาติแคนาดา ประกอบด้วยน้ำเกรวี่  มันฝรั่งทอด และชีสเคิร์ส (Cheese Curd) ดั้งเดิมเป็นอาหารพื้นบ้านของเมืองควิเบ็ก แต่ต่อมากลายเป็นอาหารสุดฮิตไปทั่วแคนาดา รวมไปถึงในสหรัฐอเมริกาด้วย ร้านบางแห่งมีปูตินให้เลือกรับประทานมากกว่า 100 แบบ

“สเต็คและพายไต”  ไม่ผิดแน่นอน เป็น “พายไต” จริงๆ และเป็นไตของวัวซะด้วย อาหารจานนี้เรียกว่าได้รสชาติแบบอาหารชาวอังกฤษแท้ๆ และดั้งเดิม  ที่จริงพายที่คนเขารับประทานนั้น จะเป็นพายไส้ต่างๆ ทั้งไส้หมูธรรมดา ไส้เนื้อ แต่ที่นิยมสุดๆ เห็นจะเป็นพายไส้ไตวัว หรือบางทีเป็นไตแกะ ก็ได้  เป็นอาหารที่มีรสเผ็ด ว่ากันว่าแค่กัดเข้าปากแป้งพายนุ่มละมุนลิ้น พอๆกับไส้ที่ทำจากไตวัวก็จะละลายในปากทันที จึงเป็นอีกเมนูห้ามพลาดของชาวโลก

“Squeaky Cheese” จากฟินแลนด์  ถ้าแปลตามภาษาอังกฤษก็แปลว่า “ชีสส่งเสียงดัง”  แต่ไหนแต่ไรวัฒนธรรมการกินและอาหารของประเทศฟินแลนด์ มักไม่ได้รับการยกย่องจากนักชิม อาจเป็นเพราะมีรสชาติจืดชืด ไม่ถูกปากคนกินนัก  แต่ในความเป็นจริงหากใช้ส่วนผสมที่ถูกต้อง บวกกับฝีมือการปรุงที่เป็นไปตามสูตรการปรุงแล้ว อาหารฟินแลนด์ก็ไม่ธรรมดา เช่นเดียวกับ “squeaky cheese” หรือ “ชีสขนมปัง”  หนึ่งในชีสที่ชื่นชอบของชาวฟินแลนด์ ที่เรียกอย่างนี้เป็นเพราะเวลาที่กัดชีสเข้าปากจะมีเสียงแปลกๆ เกิดขึ้น คนจึงเรียก squeaky cheese มักทำจากนมวัว เป็นชีสอ่อนที่สุด ปกติทอดและเสิร์ฟพร้อมแยม cloudberry สำหรับเป็นของหวาน หรือกินใส่กับกาแฟ โดยใส่ชีสนี้ลงไปสักสองสามชิ้นในถ้วยแล้วเทกาแฟลงไป

รู้จักกีนดีทั่วโลกและเป็นขนมที่ขายดีที่สุดในฝรั่งเศส “มาการง” หรือ “Macarons” ลักษณะคล้ายคุกกี้เป็นขนมปังสองชิ้นประกบกัน มีสอดไส้ตรงกลาง ไส้มักจะเป็นกานัช, บัตเตอร์ครีมหรือแยม  ทำจากการผสมเมอแร็งก์กับไข่ขาว, น้ำตาลไอซิ่ง, น้ำตาลทรายขาว, ผงแอลมอนด์หรือแอลมอนด์ป่น และสีผสมอาหาร ขนมจะนุ่มชุ่มเล็กน้อยและละลายง่ายในปาก  มาการงมีหลากหลายรสชาติ  ตั้งแต่รสดั้งเดิม เช่น ราสป์เบอร์รี, ช็อกโกแลต ไปจนถึงรสใหม่ ๆ อาทิ ฟัวกรา, ชาเขียว  ไปฝรั่งเศสต้องแวะทักทายกับมาการงอร่อยเลิศ ที่ร้าน Ladurée ร้านขนมสุดคลาสสิคในฝรั่งเศส

ประเทศกรีซ มีอาหารกินเล่นเป็นพายผักโขมแสนอร่อย ชื่อ “Spanakopita” ผักโขมเป็นวัตถุดิบหลักในการทำอาหารของชาวกรีกเกือบ 400 ปีก่อน และพัฒนามาเป็น spanakopita ในปัจจุบัน วิธีการทำโดยนำเอาแป้งไปยัดไส้ที่ประกอบด้วยผักโขม หัวหอม ไข่ไก่ เครื่องเทศผัดรวมกัน  แล้วนำไปทอดให้สุก กินคู่กับชีสของกรีซที่มีชื่อเฟต้า หรือริค็อตต้า

เป็นอาหารประจำชาติของฮังการี “Goulash” ไม่ว่าใครก็ตามเมื่อไปเยือน จะต้องกินกูลาชและไวน์แดง ซึ่งแต่ละเมืองก็มีรสชาติที่แตกต่างกันออกไป กูลาชเป็นสตูว์เนื้อวัว หรือบางทีก็เป็นเนื้อลูกวัวผสมเครื่องเทศฮังกาเรียน โดยเฉพาะพริกปาปริก้า จึงมีรสเผ็ดร้อน อาหารห้ามพลาดเมนูนี้ หากใครเดินทางไปฮังการีในเดือนกันยายน แน่นอนว่าเป็นช่วงที่คนฮังกาเรียนเขาจัดงานเทศกาลสตูว์เนื้อวัว หรือเทศกาลกูลาช ประจำปี ขึ้นที่เมือง Szolnok แนะนำให้ไปลอง

มาถึงอาหารประจำชาติอิตาลีที่ต้องไม่พลาด “Deep-Fried Olives” หรือ มะกอกยัดไส้ทอดพาสต้ากินกับพิซซ่า นับว่าเป็นอาหารจานแรกที่ใครๆต้องนึกถึงเมื่อเอ่ยชื่ออิตาลี เรียกว่าเป็นสัญลักษณ์ของประเทศไปแล้ว  “มะกอกยัดไส้ทอด” เป็นการนำเนื้อหมูหรือเนื้อวัว เนื้อไก่ ผัดกับกระเทียมและชีส แล้วนำไปยัดไส้ในมะกอก นำไปทอดจนสุกเหลืองกรอบ อาหารจานนี้เกิดขึ้นครั้งแรกในภาคใต้ของอิตาลี ที่เมือง Ascoli-Piceno จากนั้นจึงค่อยๆ แพร่ความนิยมขึ้นไปทางภาคเหนือ กลายเป็นอาหารเรียกน้ำย่อยจานเด่นที่คนอิตาเลี่ยนชื่นชอบอย่างมากและเสิร์ฟทั่วอิตาลี

“บะหมี่ราเมน” จากประเทศญี่ปุ่น รู้กันดีว่าญี่ปุ่นเป็นต้นกำเนิดของบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ซึ่งบะหมี่ถ้วยแรกเริ่มผลิตในปี 1971 และต่อมากลายเป็นที่นิยมไปทั่วโลก แต่ที่กำลังพูดถึง ไม่ใช่ราเมนจากถ้วยโฟมสำเร็จรูปที่เคยเห็นกัน แต่เป็นราเมนประกอบด้วยบะหมี่สไตล์จีนเสิร์ฟในน้ำซุปเนื้อ ปรุงรสด้วยซอสถั่วเหลืองหรือมิโซะ แต่ละภูมิภาคของญี่ปุ่นมีรูปแบบการปรุงราเมนในแบบของตัวเอง แต่ที่คล้ายๆ กันและอร่อยจนยกนิ้วก็คือ รสชาติที่ได้จากข้าวโพดและไข่ต้ม

อาหารโมร็อกโกดั้งเดิมที่กินในประเทศและยังแพร่หลายไปยังแอลจีเรียและตูนิเซีย คือพาย  “B’stilla(Pastilla)” กล่าวขานว่าเป็น “โมรอคโคสไตล์” ที่มีความสลับซับซ้อนในการปรุงยิ่งนัก  ส่วนผสมในแบบดั้งเดิมที่ทำให้เนื้อพายมีรสหวานเล็กน้อยเป็นนกพิราบ แต่ตอนนี้ส่วนมากแล้วเป็นไก่หรือนกกระทา ราดด้วยน้ำตาลไอซิ่งและอบเชย บางทีก็ใช้น้ำตาลกรวด  ซึ่งทำให้จานนี้หวานเค็มเผ็ดในเวลาเดียวกัน

จานห้ามพลาดในชีวิตจานที่สิบสี่ เรียกว่า “Chlodnik” จากประเทศโปแลนด์ ซุปเย็นแสนอร่อยที่มีสีชมพูสดใส ปรุงแต่งด้วยแตงกวา หัวไชเท้า โยเกิร์ตธรรมดา และโรยหน้าด้วยไข่ลวก  โดยปกติแล้วใช้วัตถุดิบในช่วงฤดูแล้งมาทำ เพราะช่วงเวลาดังกล่าวนี้ชาวโปแลนด์ต่างสาละวนอยู่กับการทำส่วนผสมของซุปที่จะกิน ให้ออกมามีความสดชื่นและส่งผลต่อสุขภาพด้วย และฤดูนี้แตงกวา หัวไชเท้า มีความสดใหม่เหมาะสมอย่างยิ่งในการนำมาสับและผสมทำเป็นอาหารเพื่อสุขภาพ เป็นที่นิยมอย่างมากในช่วงฤดูร้อน ในเมืองริมทะเลบอลติค

“Biltong” อาหารของแอฟริกาใต้ เป็นหนึ่งในอาหารที่ต้องลองหากเดินทางไปเที่ยวแอฟริกาใต้  ทำจากเนื้อสัตว์หลากหลายประเภทรวมถึงเนื้อวัวและนกกระจอกเทศ หมักกับเครื่องเทศ ก่อนจะนำไปตากจนแห้ง เล่ากันว่าสมัยก่อนเมื่อชาวบ้านล้มสัตว์ได้ จะนำเนื้อสัตว์ที่กินไม่หมดมาทำ Biltong เป็นการถนอมอาหารอย่างหนึ่ง ต่อมาเมื่อการเดินทางโดยเรือเป็นที่นิยม Biltong กลายเป็นหนึ่งในอาหารที่นักเดินเรือนิยมนำติดตัวไปด้วย เพราะสามารถเก็บไว้ได้นาน และให้พลังงานสูง  การทำ Biltong มักทำเป็นแท่งยาวๆ แบบสไลด์หั่นเป็นแผ่นบางๆ ก็มี  รสชาติมีให้เลือกหลายแบบ ทั้งแบบเค็ม จืด เผ็ด หรือกัดแล้วได้กลิ่นเม็ดผักชี  มักจะกินเป็นอาหารว่าง หรือของกินเล่น 

“บูลโกกิ” ของเกาหลีใต้  เป็นอาหารขึ้นชื่อว่าห้ามพลาดอีกหนึ่งเมนู  มีส่วนผสม เช่น เนื้อวัว (หรือเนื้อหมู) น้ำลูกแพร์หรือน้ำตาล ซอสถั่วเหลือง กระเทียมสับ หัวหอมหั่นลูกเต๋า น้ำมันงา วิธีทำคือ หั่นเนื้อหรือหมูเป็นชิ้นบางๆ แล้วหมักกับเครื่องปรุงต่างๆ ก่อนนำไปย่าง รับประทานได้สองแบบ คือแบบย่างและแบบต้ม Bulgogi ที่จริงแปลว่า “ไฟเนื้อ” หมายถึงเนื้อสัตว์หมักปรุงสุกด้วยการย่างไฟถ่าน เหมือนทอดหรือต้มในน้ำ

“Paella” เรียกง่ายๆ ว่า ข้าวผัดสเปน หรือบางคนเรียกข้าวอบสเปน  กำเนิดขึ้นที่เมืองวาเลนเซีย ชายทะเลฝั่งตะวันออกของสเปน ปาเอลย่าแบ่งได้สามชนิดใหญ่ๆ วิธีทำนั้นจะแตกต่างจากข้าวผัดทั่วไป เพราะเขาไม่ได้เอาข้าวที่หุงแล้วมาผัด แต่เขานำข้าวดิบมาผัดกับส่วนผสมต่างๆ ยกตัวอย่าง Paella valenciana เป็นข้าวผัดที่นอกจากมีผักแล้ว ยังมีเนื้อสัตว์ เช่น กระต่าย ไก่ บางทีก็มีทากด้วย  Paella de marisco ข้าวผัดกระทะนี้เป็นซีฟู้ด มีแต่ส่วนผสมจากอาหารทะเล ทั้งกุ้ง หอย ปู ปลา ปลาหมึก กั้ง เป็นต้น แต่ถ้าแบบดั้งเดิมแท้ๆ จะมีส่วนผสมของเนื้อไก่ ไส้กรอก  กุ้ง  หญ้าฝรั่นและมันฝรั่ง ส่วนผสมที่สำคัญคือหญ้าฝรั่นและข้าว รสชาติเป็นอย่างไรบ้างอันนี้ต้องไปหาโอกาสลองกันเอง

“ช็อคโกแลตสวิตเซอร์แลนด์” แน่นอนว่าพลาดยาก อย่างน้อยก็มีลิสต์ในรายการของฝากสำหรับคนที่เดินทางไปสวิสเซอร์แลนด์กลับมา  นอกจากชีสและไวน์แสนอร่อยแล้ว ชาวสวิสยังรู้จักวิธีทำช็อคโกแลตที่ดี ช็อกโกแลตสวิสมีชื่อเสียงโดดเด่นมาก ซึ่งอาจจะดูแปลกๆ เพราะสวิสเซอร์แลนด์เป็นประเทศในเทือกเขาแอลป์ขนาดเล็ก ใจกลางประเทศยุโรป ไม่มีการปลูกโกโก้ของตนเอง  กระทั่งในศตวรรษที่ 19 มีผู้คิดค้นผลิตขึ้นเป็นคนแรกคือ Francois-Louis Cailler เขาเป็นคนแรกที่ก่อตั้งโรงงานและผลิตช็อกโกแลตสวิส กลายเป็นแบรนด์เก่าแก่ที่สุดในโลก

“ต้มยำ” อาหารจานฮีโร่ที่กลายเป็นเอกลักษณ์อย่างหนึ่งของประเทศไทยไปแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับนักท่องเที่ยวที่มาเยือนประเทศไทย ต้มยำนิยมรับประทานกันทุกภาค มีทั้งแบบน้ำข้นและน้ำใส  เป็นอาหารที่มีครบทุกรส คือ เปรี้ยว เค็ม เผ็ด หวานเล็กน้อย และยังอุดมด้วยแร่ธาตุ โปรตีน และคาร์โบไฮเดรต มีไขมันน้อย ที่นิยมกันมากเป็น “ต้มยำกุ้ง” ต้มยำยังเป็นอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย สามารถช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจ รวมทั้งมีธาตุสังกะสีและซีลีเนียมในปริมาณสูง ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน เพิ่มความต้านทานต่อการติดเชื้อ นอกจากนี้ เครื่องสมุนไพรต้มยำ เช่น ข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด มีสรรพคุณแก้ท้องอืด แก้ไอ แก้ช้ำใน ขับลมในลำไส้ แก้คลื่นเหียน แก้จุกเสียด ได้ดีอีกด้วย

จานสุดท้าย “เฝอ” ของเวียดนาม อาหารจานห้ามพลาดจานนี้ถือเป็นสิ่งสำคัญของวัฒนธรรมเวียดนาม  มีลักษณะคล้ายก๋วยเตี๋ยวแต่ต่างกันที่เส้น น้ำซุป และเครื่องเคียง เฝอประกอบด้วยเส้นก๋วยเตี๋ยวที่เรียกว่า บั๊ญเฝอ  คล้ายเส้นเล็กแต่กว้างกว่า หรือเป็นเส้นกลมสีขาวขนาดใหญ่กว่าขนมจีนเล็กน้อย ในน้ำซุปที่เคี่ยวจากเนื้อวัว หรือเนื้อไก่ กระดูก หางวัว และเครื่องเทศบางชนิด เช่น อบเชยไซ่ง่อน เมล็ดดอกจัน ขิง กานพลู กระวานดำ เป็นต้น  ตกแต่งด้วยหัวหอม ต้นหอม ผักชี ผักชีฝรั่ง สะระแหน่ โหระพา มะนาว  ถั่วงอก และพริกหยวก และยังมีศอสเป็นเครื่องปรุงสำคัญ ที่นิยมได้แก่ ซอสฮอยซิน น้ำปลา และซอสพริกศรีราชา