“เมี่ยงกระท้อน” ของดี อร่อย ที่ไม่ใช่แค่ลอยแก้ว

Food Story อาหาร

มีขึ้นเมื่อไหร่ ปลูกที่ไหนเป็นแห่งแรกในเมืองไทย ไม่มีหลักฐานปรากฏชัดเจน รู้กันแต่ว่าเป็นผลไม้ตามฤดูกาลที่มีถิ่นกำเนิดอยู่แถบอินโดจีน แต่มีมากในอินโดนีเซียและมาเลเซีย ซึ่งแต่ละประเทศก็มีชื่อเรียกแตกต่างกันออกไป ในประเทศไทยเองก็เรียกแตกต่างไปตามภาคหรือท้องถิ่นนิยม

อย่างภาคอีสานเรียก “หมากต้อง” ภาคเหนือเรียก “มะตึ๋น” ภาคใต้เรียกหลายชื่อหน่อย อาทิ เตียน สะท้อน สะตู สะโต หรือ ล่อน ก็เรียก เป็นผลไม้ที่อยู่ในตระกูลเดียวกับลางสาดและลองกอง มีสายพันธุ์หลักๆดั้งเดิมอยู่ 4 สายพันธุ์ ได้แก่ กระท้อนพันธุ์ปุยฝ้าย, พันธุ์อีล่า, พันธุ์ทับทิม และพันธุ์นิ่มนวล ส่วนชื่อพันธุ์แปลกๆ ในระยะหลัง เป็นกระท้อนกลายพันธุ์ไปจากเดิม

กระท้อนเป็นไม้ยืนต้นขนาดกลางไปจนถึงขนาดใหญ่ เปลือกเรียบมีสีน้ำตาลอมชมพู ใบเป็นช่อ ใบแก่จัดมีสีแดงอิฐหรือสีแสด ส่วนดอกรวมกันเป็นช่อ ช่อดอกจะยาวราว 5-15 เซนติเมตร ดอกมีขนาดเล็กสีเหลืองอ่อนๆ มีกลิ่นหอม ผลกระท้อนมีลักษณะกลมหรือแป้น อุ้มน้ำ ผลอ่อนจะสีเขียว เมื่อแก่จัดจะเป็นสีเหลืองน้ำตาล เมล็ดเป็นรูปไตเรียงไปตามแนวตั้ง 5 เมล็ด มักจะออกผลในช่วงเดือนมีนาคมถึงพฤษภาคม

กระท้อนสามารถนำมาใช้เป็นยาสมุนไพรได้ด้วย ไม่ว่าใบสด เปลือก ราก แต่ส่วนมากแล้วนิยมนำผลกระท้อนมาทำอาหารรับประทาน ทั้งอาหารคาว อาหารหวาน เพราะมีรสชาติอร่อยและสัมผัสนุ่มละมุนลิ้น การกินกระท้อนไม่นิยมกินเมล็ด เพราะจะทำให้เกิดอันตรายต่อลำไส้ได้

กระท้อนยังเป็นผลไม้ที่มีไฟเบอร์สูง 100 กรัม มีถึง 1.26 กรัม ซึ่งไฟเบอร์นี้จะช่วยให้ร่างกายสามารถสร้างแบคทีเรียโปรไบโอติกส์ได้มากยิ่งขึ้น และแบคทีเรียตัวนี้มีส่วนสำคัญในการสร้างเสริมระบบภูมิคุ้มกันให้ร่างกาย และยังมีสารต้านอนุมูลอิสระช่วยป้องกันและกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันให้ทำงานอย่างเต็มประสิทธิภาพ ผลกระท้อนยังอุดมด้วยวิตามินบีและซี ซึ่งวิตามินบีช่วยกระตุ้นการเผาผลาญของร่างกาย ช่วยทำให้อารมณ์ดียิ่งขึ้น และป้องกันความเสี่ยงของโรคพิการแก่กำเนิดของทารกในครรภ์ได้ด้วย

สรรพคุณอีกอย่างของกระท้อน คือป้องกันฟันผุ เพราะการรับประทานกระท้อนช่วยเพิ่มการหลั่งของน้ำลาย และน้ำลายมีฤทธิ์ในการยับยั้งแบคทีเรียที่อยู่ในช่องปาก สามารถขจัดเชื้อแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุให้เกิดฟันผุได้อย่างดี นอกจากนี้ยังช่วยลดระดับไขมันในเส้นเลือด เพราะกระท้อนมีไฟเบอร์ชนิดละลายน้ำได้ เป็นประโยชน์ต่อผู้ที่มีคลอเรสเตอรอลสูง อีกทั้งแพคตินในกระท้อนยังช่วยดักจับไขมัน ทำให้คลอเรสเตอรอลลดลง สามารถป้องกันโรคเกี่ยวกับหลอดเลือดหัวใจ ใบของกระท้อนยังสามารถนำมาบด เพื่อใช้รักษาโรคผิวหนังได้หลายชนิด ไม่ว่าโรคสะเก็ดเงิน ผื่น กลาก เป็นต้น

กระท้อนที่มีชื่อเสียงมากสมัยก่อนอยู่แถบสวนเมืองนนท์ หรือ จ.นนทบุรี ต้องมาจากสองแหล่ง คือจากคลองอ้อม ต.บ้านกร่าง อ.เมือง เรียกว่า กระท้อนบ้านกร่าง และที่ ต.บางขุนกอง อ.บางกรวย แต่เพราะสวนมักถูกน้ำท่วมอยู่บ่อยๆ บางครั้งสวนล่ม การปลูกจึงไม่ต่อเนื่องแม้จะพยายามขยายพันธุ์ด้วยวิธีต่าง ๆ จนทำให้เกิดการกลายพันธุ์ไปจากเดิม

มีเรื่องเล่ากันต่อ ๆ มาว่าพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย โปรดเสวยกระท้อนพันธุ์นิ่มนวล จากสวนในคลองอ้อมเมืองนนทบุรี ทรงโปรดมากถึงกับให้ยกเว้นการเก็บอากรสวนกระท้อนพันธุ์นิ่มนวล และในปี พ.ศ. 2447 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้เสด็จประพาสต้นสวนกระท้อนของนายบุตร ในคลองอ้อม ต.บางกร่าง ทรงพอพระราชหฤทัย และชมเชยว่าเป็นกระท้อนที่มีรสชาติดี ดังนั้นจึงเป็นที่มาว่ากระท้อนรสชาติดีต้องมาจากสองแหล่งนี้ ปัจจุบันคงหาได้ยาก เนื่องจากถูกน้ำท่วมสวน แล้วส่วนใหญ่ยังถูกกว้านซื้อที่ดินไปทำหมู่บ้านจัดสรร

เมืองนนท์ได้ชื่อว่าเป็นเมืองแห่งผลไม้อร่อย ทำให้จังหวัดอื่นๆ ต้องการผลไม้จากเมืองนนท์ไปปลูกบ้าง ปี 2530-2534 จึงเริ่มมีเกษตรกรจากจังหวัดอื่นๆ อาทิ จันทบุรี ระยอง ปราจีนบุรี มาซื้อกิ่งกระท้อนจากเมืองนนท์ไปขยายพันธุ์ เพียงไม่กี่ปีหลังจากนั้นกระท้อนจึงกลายเป็นผลไม้ของจังหวัดอื่นด้วย โดยเฉพาะปราจีนบุรีที่ปลูกได้ลูกใหญ่กว่า ปุยน่ากินกว่า แต่ความหวานยังแพ้กระท้อนเมืองนนท์

หน้าร้อนๆ เช่นนี้เมื่อนึกถึงผลไม้จึงไม่มีอะไรผิดไปจากผลไม้ที่มีรสเปรี้ยวปรี๊ดอมหวาน นอกจากมะม่วง มะยงชิด มะปราง พวกนั้นแล้ว “กระท้อน” เป็นอีกหนึ่งชนิดที่คนนิยมรับประทานกันในหน้าร้อน โดยนำลูกกระท้อนที่สุกได้ที่มาทำ “กระท้อนลอยแก้ว” ซึ่งความนิยมมีอยู่ทั่วไป หลายคนมีสูตรเฉพาะตัวและทำได้อร่อยลิ้น แต่เห็นแล้วแปลกประหลาดไม่เหมือนใคร ต้องเป็น “เมี่ยงกระท้อน” สูตรของ ม.ล.ขวัญทิพย์ เทวกุล ที่เคยเผยแพร่อยู่ในนิตยสารดังของไทย

มาดูวิธีทำเมี่ยงกระท้อนกัน

เครื่องปรุง ประกอบด้วย เนื้อกระท้อน 3 ถ้วย / หอมแดงซอย 1 ถ้วย /น้ำมันพืช ครึ่งถ้วย / กระเทียมซอย ครึ่งถ้วย / เนื้อหมู 3/4 ถ้วย / กุ้งแห้งป่น ครึ่งถ้วย / ถั่วลิสงคั่วบด 1/3 ถ้วย / น้ำตาลทราย 4 ช้อนโต๊ะ / เกลือ 1 ช้อนชา / ข้าวตังทอด

วิธีทำ

เริ่มจากหั่นเนื้อกระท้อนเป็นเส้นสั้นๆ บีบให้แห้ง หั่นเนื้อหมูเป็นเส้นสั้นๆ ขนาดเดียวกับกระท้อน ใส่น้ำมันพืชในกระทะ ตั้งไฟปานกลาง จนน้ำมันร้อนดี ให้นำหอมแดงลงเจียวจนเหลือง ตักขึ้น สะเด็ดน้ำมัน พักไว้ จากนั้นนำกระเทียมลงเจียวต่อจนเหลือง ตักขึ้นสะเด็ดน้ำมัน พักไว้ ตักน้ำมันพืชออกจากกระทะ เหลือไว้ราว 2 ช้อนโต๊ะ เร่งไฟแรง แบ่งหอมเจียวและกระเทียวเจียวอย่างละ 1 ช้อนชา ลงผัดพร้อมกับหมูที่หั่นไว้ เมื่อหมูสุก ใส่เนื้อกระท้อน น้ำตาลทรายและเกลือ ลงไปผัดให้ทั่วกัน ใส่กุ้งแห้งป่นและถั่วลิสงคั่วบดลงไปผัดให้เข้ากันดี แล้วตักใส่จาน โรยหน้าด้วยหอมเจียวกระทียมเจียว เมื่อจะรับประทานก็รับประทานกับข้าวตังทอด

ลองลงมือทำดูนะเจ้าคะ เปลี่ยนรสชาติในวันหยุดยาวๆ จากกระท้อนลอยแก้ว มาลิ้มเมี่ยงกระท้อนแทน