ไอเดียรักษ์โลกของสาวรุ่นใหม่ “ใบตองห่อเค้ก” ช่วยลดขยะแถมได้ใจลูกค้า

Business ธุรกิจ

คงดีไม่น้อยหากมนุษย์ตัวเล็กๆ อย่างเราช่วยกันคนละไม้คนละมือ งดใช้ถุงพลาสติกตัวการสำคัญที่ทำให้เกิดขยะ คุณต่าย-พัฒน์นรี ตั้งจิตเอื้อบุญ    สาววัย 32 เจ้าของร้าน Rabbit Mafia Cake & Coffee”  เธอกำลังช่วยโลกด้วยการปรับเปลี่ยนวิถีชีวิต จากใช้พลาสติกมาใช้ใบตองจากธรรมชาติแทนได้อย่างน่าสนใจ

คุณต่ายในวัย 32 ปัจจุบันเธอเป็นเจ้าของร้านคาเฟ่ เรียนจบจากคณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ และทำงานด้านนิเทศฯ ต่ออีก 2 ปี กระทั่งตัดสินใจลาออกจากงาน  ไปเรียนทำขนมอย่างจริงจังราว 3-4 เดือน

“เริ่มทำเค้กขายตามอีเวนท์ในกรุงเทพฯ หลายเดือนอยู่เหมือนกัน ไปออกบู๊ธเกือบสิบรอบ แต่สู้ความเหนื่อยไม่ไหว กอบกับที่บ้านเปิดร้านก๋วยเตี๋ยวอยู่แล้ว แม่จะปรับปรุงร้านใหม่ เราเห็นว่าไหนๆ ก็จะปรับปรุงร้าน ก็เอาเค้กมาขายรวมกันเลย กลายเป็นขายทั้งก๋วยเตี๋ยว ขายอาหาร และคาเฟ่ขนมของตัวเองเล็กๆ ตั้งอยู่ในร้านเดียวกัน” คุณต่ายเล่าถึงที่มาของร้าน

สำหรับไอเดียน่ารัก นำใบตองมาห่อเค้ก นั้นมาจากการที่คุณต่าย ตระหนักถึงเรื่องการรักษาสิ่งแวดล้อม และอยากเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยโลกลดขยะ

“ช่วงสองปีหลังมานี้ สื่อโทรทัศน์ สื่อโซเชียล นำเสนอข่าวสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ทำให้ต่ายเสพข่าวสิ่งแวดล้อมเยอะมาก เลยอยากเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยลดขยะ ในฐานะเจ้าของธุรกิจจะมีส่วนร่วมอย่างไรได้บ้าง เลยลองคิดเล่นๆ ถ้าเอาใบตองมาห่อเค้กจะเป็นยังไง ลองเปลี่ยนดูไหม คิดตอนกลางคืน เช้ามาลงมือทำทันที”

คุณต่ายให้ลูกน้องในร้าน ตัดใบตองจากต้นกล้วยหลังบ้าน นำมาทำความสะอาด จากนั้นตัดให้ได้ขนาดที่เหมาะกับเค้ก เสร็จแล้วนำมาห่อเค้กแทนพลาสติก ซึ่งผลรับออกมาเป็นที่น่าพอใจ ดูสวยงามและเข้ากันดี

“ต่ายลองถ่ายรูปส่งให้เพื่อนดูก่อน หลายคนชมว่าสวย ดูรักษ์โลก พอเพื่อนบอกว่าผ่านเลยนำรูปโพสต์เฟซบุ๊กแฟนเพจทันที ได้กระแสดีมาก หลายคนชม เป็นการช่วยลดขยะ ยอดแชร์ประมาณหลักร้อย ต่ายเลยเปลี่ยนมาใช้ใบตองห่อเค้กทั้งตู้ ถ่ายรูปลงอีก แค่ข้ามคืนยอดแชร์ทะลุหลักพัน ยิ่งกลายเป็นกระแสเพราะเพจ Drama addic นำไปแชร์ให้

จากการปรับเปลี่ยนเล็กๆ เพียงเพราะอยากช่วยลดขยะ ทำให้ร้านคุณต่ายขายดีมาก ยอดขายเพิ่มขึ้นกว่าเดิมถึงสองหมื่นกว่าบาท โดยช่วงวันเสาร์ และวันอาทิตย์ หลังยอดแชร์ทะลุหลักพัน  ลูกค้าแห่มาอุดหนุนจำนวนมาก ซึ่งลูกค้าเองก็มีความสุขที่ร้านเปลี่ยนมาใช้ใบตอง

“ถ้าลูกค้านั่งกินที่ร้าน ต่ายจะใช้ใบตองห่อเค้ก และรองเค้ก รสชาติยอดนิยมคือมะพร้าวอ่อน และตระกูลเครปเค้ก รวมทั้งใช้ห่อบราวนี่ด้วย ลูกค้าหลายคนเห็นแล้วชอบไอเดียนี้ แต่ถ้าสั่งกลับบ้านทางร้านยังจำเป็นต้องใช้พลาสติกอยู่ เราลดได้เพียงบางส่วน”

สำหรับข้อดีของการใช้ใบตองห่อเค้ก เจ้าของร้านคนสวยบอกว่า เป็นการนำวัสดุจากธรรมชาติมาใช้ให้เกิดประโยชน์ ที่สำคัญย่อยสลายง่าย และเป็นข้อดีทางการตลาดคือได้ใจลูกค้า ส่วนข้อเสียคือ เพิ่มระยะเวลาการทำงานอีกเท่าตัว แต่ก่อนที่ใช้พลาสติกดึงมาห่อแล้วจบ แต่ใบตองต้องไปตัดจากต้น ทำความสะอาด ตัดตามไซซ์ แล้วนำมาห่อซึ่งเค้กแต่ละอันสูงต่ำไม่เท่ากัน

“ข้อเสียอีกข้อคือใบตองมันทึบ ทำให้เราไม่เห็นชั้นเค้ก ดูไม่น่ากิน และข้อเสียที่สาม เราต้องทำวันต่อวัน ถ้าทิ้งข้ามคืนใบตองจะดำ และเหี่ยว ลองตัดมาแช่ตู้เย็นดูแล้วก็ยังไม่ได้ ทำจนลูกน้องหลายคนบ่นเหนื่อย เพราะเนื้องานมากขึ้น ใช้เวลานาน

คุณต่าย-พัฒน์นรี ตั้งจิตเอื้อบุญ

แต่เราจะอธิบายให้ลูกน้องฟังว่า สิ่งที่พยายามทำกันอยู่ เป็นการช่วยลดขยะ ทำเพราะไม่อยากดัง แต่ทำเพราะอยากช่วยลดพลาสติก ถ้าไม่เปลี่ยนที่เรา ก็ไม่มีใครเปลี่ยน วันนึงเราอาจจะชินกับการพกปิ่นโต หรือการพกแก้วก็ได้” คุณต่ายเล่าถึงอุดมการณ์

ถามต่อ เป็นไปได้ไหมหากเลิกใช้พลาสติก แล้วเปลี่ยนมาใช้วัสดุจากธรรมชาติร้อยเปอร์เซ็นต์ เจ้าของร้านคนเดิม ระบุว่า ยากมาก เพราะตองใช้ต้นทุนค่อนข้างมาก พลาสติกมีราคาถูก ส่วนแก้วที่ย่อยสลายง่ายมีราคาแพงเท่าตัว ยิ่งในสภาพเศรษฐกิจทุกวันนี้ ยิ่งไม่อยากเพิ่มราคาขายหน้าร้านได้

“ถึงจะเปลี่ยนไม่ได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ทางร้านก็พยายามเปลี่ยนไม่มากก็น้อย อย่างสเต็ปต่อมาของที่ร้าน คือจะไม่ให้ช้อนพลาสติกสำหรับลูกค้าซื้อกลับบ้าน แต่จะนำช้อนไปไว้ส่วนกลาง ติดป้ายกรุณาหยิบเท่าที่จำเป็น เพื่อช่วยลดขยะ ซึ่งลูกค้าหยิบน้อยมาก หรือหากนำแก้วมาใส่น้ำเองจะให้ส่วนลด 5 บาท” คุณต่ายทิ้งท้ายถึงการปรับเปลี่ยน ที่ดูเหมือนว่าจะไปได้ดีทีเดียว

สนใจอยากอุดหนุนร้าน Rabbit Mafia Cake & Coffee ตั้งอยู่ที่ 3138 ตำบล หนองบัว อำเภอบ้านค่าย ระยอง 21120 โทรศัพท์ 084 216 6625 เปิดทุกวัน 7.00-16.00 น. อยู่ในร้านเดียวกับร้านพรชัยลูกชิ้นปลาสาขา 2 ราคาเครื่องดื่มไม่แพง เริ่มต้นแก้วละ 50 บาท ส่วนเค้กเริ่มต้นชิ้นละ 35 บาท

ที่มา : เส้นทางเศรษฐีออนไลน์                                                                                                                                                                                                                                                                                              ผู้เขียน : กนกพร หมีทอง