น.ส.วัลยา จิราธิวัฒน์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายพัฒนาธุรกิจและโครงการ บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอ็น เปิดเผยว่า บริษัทลงทุน 5,000 ล้านบาท สำหรับก่อสร้างศูนย์การค้าในรูปแบบลักชัวรี่เอาต์เล็ตระดับโลกแห่งแรกของไทย ขนาด 40,000 ตร.ม. ภายใต้ชื่อ เซ็นทรัล วิลเลจ โดยพัฒนาบนที่ดิน 100 ไร่ บริเวณถนนมอเตอร์เวย์-บางนาตราด ห่างจากสนามบินสุวรรณภูมิ 10 นาที
โดยบริษัทว่าจ้างบริษัท The Outlet Company หรือ TOC ซึ่งเป็นผู้บริหารลักชัวรี่เอาต์เล็ต ในต่างประเทศทั้ง ญี่ปุ่น ไต้หวัน และจีน มาเป็นที่ปรึกษาการลงทุนในครั้งนี้ด้วย
และในบริเวณเดียวกันยังมีโรงแรมขนาด 200 ห้อง โดยขณะนี้อยู่ระหว่างเจรจาเครือข่ายโรงแรมระดับโลกมาบริหาร ซึ่งเตรียมพร้อมที่จะเปิดให้บริการได้ภายในเดือนก.ย. ปี 2562 เพื่อรองรับกลุ่มลูกค้าเป้าหมายคนไทย โดยเฉพาะในกรุงเทพฯ และจังหวัดข้างเคียงรวมแล้วกว่า 12 ล้านคน หรือคิดเป็นสัดส่วนลูกค้า 65% และอีก 35% เป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยเฉพาะจีน และรัสเซีย ซึ่งปัจจุบันมีกำแพงภาษีนำเข้าสินค้าแบรนด์เนมค่อนข้างสูง
ประกอบกับจุดขายของเซ็นทรัล วิลเลจ ซึ่งเป็นลักชัวรี่ เอาต์เล็ต ที่เป็นแหล่งระบายสินค้าสำหรับรุ่นในฤดูกาลที่ผ่านมา ไม่เฉพาะแบรนด์เนมต่างประเทศแต่รวมถึงแบรนด์ไทยด้วยรวมกว่า 235 บูทิค และจำหน่ายในราคาส่วนลด 35-70% โดยไม่ต้องรอให้ถึงเทศกาลลดราคาตามฤดูกาล หรือช็อปที่ต่างประเทศ ส่วนรูปแบบเอาต์เล็ต จะเป็นอาคารแบบเปิด หรือเอาต์ดอร์ ตกแต่งด้วยสถาปัตยกรรมไทย นอกจากนี้ ยังมีซูเปอร์มาร์เก็ตเพื่อให้นักท่องเที่ยวแวะซื้อสินค้าของฝากได้ด้วย คล้ายโกเทมบะ และอิออน มอลล์ ประเทศญี่ปุ่น
“คนไทยเริ่มมีกำลังซื้อมากขึ้น มีการเดินทางต่างประเทศมากขึ้น ทำให้มีการซื้อสินค้าแบรนด์เนมมาจากต่างประเทศเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ส่วนนักท่องเที่ยวต่างชาติโดยเฉพาะจีน รัสเซีย และชาติอื่นๆ ซึ่งยังมีกำแพงภาษีสินค้านำเข้าค่อนข้างสูง ดังนั้นเมื่อต่างชาติเดินทางมาเที่ยว ปัจจุบันมีกว่า 35 ล้านคน ก็อยากจะซื้อสินค้าแบรนด์เนมที่ราคาถูกกว่าซื้อในประเทศตัวเอง เพราะราคาถูกกว่า ดังนั้น 2 ปัจจัยดังกล่าวจึงผลักดันให้บริษัทเกิดการลงทุนครั้งนี้ และถือเป็นจิ๊กซอว์ตัวสุดท้ายของรูปแบบการให้บริการศูนย์การค้าที่สามารถสะท้อนความเป็นผู้แข่งขันในตลาดศูนย์การค้าระโลกของกลุ่มเซ็นทรัลได้อย่างแท้จริง”
น.ส.วัลยา กล่าวและว่าบริษัทยังมีแผนขยายลักชัวรี่ เอาต์เล็ตอีก 2-3 สาขาในต่างจังหวัด ส่วนรายได้ปีนี้คาดว่าจะเติบโต 2 หลัก จากปี 2560 ที่มีรายได้ 34,500 ล้านบาท เติบโต 18% และมีกำไรสุทธิ 13,500 ล้านบาท หรือเติบโต 47% เนื่องจากมีกำไรพิเศษจากเงินคืนประกันจากเซ็นทรัลเวิลด์ ขณะเดียวกันในปีนี้บริษัทวางงบลงทุนรวม 1.76 หมื่นล้านบาท ซึ่งจะมีทั้งแผนลงทุนขยาย 3 สาขาใหม่ในต่างจังหวัด แผนพัฒนาคอนโดมิเนียมและบ้านจัดสรรแนวราบ 2 โครงการ ตลอดจนปรับปรุงศูนย์การค้าเดิม ซึ่งบริษัทจะแถลงความชัดเจนในเดือนพ.ค.นี้