แนวโน้ม “ธุรกิจแฟรนไชส์” โตพรวด พาณิชย์เปิดติวรอบใหม่พ.ค.นี้

Business ธุรกิจ

นา งกุลณี อิศดิศัย อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์(พณ.) เปิดเผยว่า ปัจจุบันธุรกิจแฟรนไชส์ไทยได้รับการยอมรับและมีการขยายตัวเพิ่มขึ้นต่อ เนื่อง แต่การจะเติบโตเป็นแฟรนไชส์ที่เข้มแข็งได้นั้น ผู้ประกอบการจำเป็นต้องมีความพร้อมด้านการบริหารจัดการธุรกิจอย่างเป็นระบบ และมีมาตรฐาน ซึ่งจะสามารถช่วยในการพัฒนาธุรกิจให้ขยายสาขาได้อย่างรวดเร็ว แต่การจะผลักดันธุรกิจเข้าสู่ระบบแฟรนไชส์และประสบความสำเร็จได้นั้นไม่ใช่ เรื่องง่าย เพราะแฟรนไชส์ที่จะเติบโตได้อย่างแข็งแกร่งนั้น ต้องผ่านการวางรากฐานที่แข็งแรง ตั้งแต่วิธีคิด กระบวนการทำงานที่มีประสิทธิภาพ ร้านต้นแบบที่ประสบความสำเร็จ

กรมฯ ได้เปิดหลักสูตรการสร้างธุรกิจเข้าสู่ระบบแฟรนไชส์ (Franchise B2B)จะช่วยสร้างการยอมรับและเพิ่มอัตราการเจริญเติบโตให้กับธุรกิจแฟรนไชส์ ผู้ประกอบการ จะต้องสร้างลักษณะเฉพาะของสินค้าและบริการที่สามารถตอบสนองความต้องการของ ลูกค้า ตลอดจนต้องสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน นอกจากนี้การพัฒนายกระดับมาตรฐานคุณภาพการบริหารจัดการ ก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่จะทำให้ธุรกิจแฟรนไชส์เจริญเติบโตอย่างยั่งยืน”

โดย ปีนี้ กรมฯ มีการปรับหลักสูตรให้มีความเข้มข้นและกระชับมากยิ่งขึ้น ทั้งความรู้เกี่ยวกับเครื่องหมายการค้า กฎหมายลิขสิทธิ์ สัญญาอนุญาตให้ใช้งานลิขสิทธิ์ สัญญาแฟรนไชส์และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง แนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับภาษีเงินได้ การบริหารจัดการซื้อรูปแบบ Chain Store เพื่อเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับระบบแฟรนไชส์ ให้ผู้ประกอบธุรกิจสามารถเริ่มต้นธุรกิจแฟรนไชส์ได้อย่างถูกต้อง สามารถนำแนวทางระบบแฟรนไชส์ไปใช้ในการขยายธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงสามารถนำองค์ความรู้ที่ได้รับไปพัฒนาศักยภาพองค์กร ให้สามารถขยายโอกาสทางการตลาดธุรกิจในระบบแฟรนไชส์ได้อย่างกว้างขวาง และสร้างความเข้มแข็งสู่สากล

“ธุรกิจแฟรนไชส์เป็นสาขาธุรกิจที่สร้าง มูลค่าทางเศรษฐกิจ และช่วยให้ธุรกิจสามารถพัฒนาและขยายธุรกิจได้อย่างรวดเร็ว สามารถลดข้อจำกัดและสร้างความได้เปรียบในด้านแหล่งทุนและบุคลากร ที่จะมาร่วมสร้างความเจริญเติบโตให้กับองค์กร และสร้างผู้ประกอบธุรกิจรายใหม่ให้มีโอกาสประสบความสำเร็จมากกว่าและเร็ว กว่าการเริ่มต้นธุรกิจด้วยตนเอง ”

ทั้งนี้ มีผู้สำเร็จหลักสูตรแล้ว 20 รุ่น รวม 1,807 ราย ประกอบด้วยธุรกิจค้าปลีก 763 ราย คิดเป็น 42% ธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม 466 ราย คิดเป็น 26 % 3.ธุรกิจบริการ 404 ราย คิดเป็น 22% 4.ธุรกิจการศึกษา 89 ราย คิดเป็น 5% 5.ธุรกิจความงามและสปา 85 ราย คิดเป็น 5% โดยรุ่น 21 ได้เปิดรับสมัครแล้วตั้งแต่วันนี้ถึง 25 พฤษภาคม ที่ E-mail : [email protected] และ www.dbd.go.th