เป็นแบรนด์นาฬิกาข้อมือที่ใครเดินผ่านเชลฟ์ขายก็คงรู้สึกสะดุดตาไปกับงานดีไซน์และความแปลกตรงที่ “ไม่มีเข็มสักอันบนหน้าปัด” จนอดที่จะแวะถามไม่ได้ว่า “แล้วมันดูยังไง?”
“ปูน-ธนัชภัค วรรณิสสร” และ “แอ๋ม-อลิสา กิตติพงศ์” สองสาวคนรุ่นใหม่เจ้าของนาฬิกาแบรนด์ SIMPL (อ่านว่า ซิมเพิล) นาฬิกาสไตล์มินิมอลดีไซน์เก๋ รีบอธิบายถึงวิธีการดูนาฬิกาไร้เข็มให้ฟังว่า
“จริงๆ แล้วเป็นนาฬิกาที่มี 1 เข็ม แต่มีลักษณะเป็นขีดอยู่ที่ขอบหน้าปัด เวลานาฬิกาเดินตัวเลขบนหน้าปัดจะหมุนไปเรื่อยๆ ขีดเล็กๆ ระหว่างตัวเลขคิดเป็นระยะเวลาขีดละ 5 นาที ขีดไหนที่ตรงกับขอบหน้าปัดก็คือเวลานั้น”
ฟังแล้วอาจดูเข้าใจยาก แต่หากได้ไปดูด้วยตนเองรับรองว่าร้องอ๋อ! ทันทีหลังฟังอธิบายเสร็จ
ความแปลก ความเก๋ ทำให้ “มติชน อคาเดมี” สนทนากับทั้ง 2 คน ถึงแรงบันดาลใจในการออกแบบและทำธุรกิจนาฬิกาแบรนด์ไทย
“ธนัชภัค” หรือ ปูน วัย 30 ปี เล่าให้ฟังว่า เธอจบคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง โดยตอนแรกทำงานประจำ เป็นดีไซเนอร์ที่บริษัทแห่งหนึ่ง และชอบทำนาฬิกาเป็นงานอดิเรก
ก่อนที่ “อลิสา” หรือแอ๋ม วัย 28 ปี บัณฑิตจากคณะโบราณคดี เอกภาษาอังกฤษ ม.ศิลปากร จะเสริมว่า ตอนแรกเธอเป็นพีอาร์โรงแรม ซึ่งเธอและปูนเป็นเพื่อนกันอยู่แล้ว มีสไตล์การชอบนาฬิกา การแต่งตัวเหมือนๆ กัน วันหนึ่งตอนปี 2013 ก็คุยกันว่ามาลองทำนาฬิกามินิมอลที่มีงานดีไซน์ใส่กันไหม เพราะรู้สึกว่านาฬิกาของแบรนด์ต่างประเทศแพง เลยอยากทำแบรนด์ในไทยในแบบสไตล์ที่ตนเองชอบ ซึ่งคิดว่าน่าจะมีคนชอบสไตล์นี้เหมือนกัน จึงมองว่าจะน่าจะขายได้
จากสิ่งที่ทำเป็นงานอดิเรก แต่เมื่อมียอดขายเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และมีทิศทางไปตลาดประเทศ มีการส่งออก จนมีรายได้มากกว่างานประจำ ทำให้ทั้งคู่ตัดสินใจลาออกจากงานประจำ เพื่อโฟกัสกับการทำนาฬิกาให้จริงจังมากขึ้น
ตั้งใจแต่แรกว่าต้องไปต่างประเทศ
ถึงแม้จะเป็นแบรนด์ไทย แต่สิ่งที่ทั้งคู่ตั้งใจตั้งแต่เริ่มทำธุรกิจคือ “ต้องไปต่างประเทศ” ให้ได้
“เพราะเหมือนช่วงแรกที่ขาย คนจะถามว่าเป็นแบรนด์ของประเทศอะไร พอตอบว่าเป็นแบรนด์ไทย คนก็มองว่าเป็นแบรนด์อะไร ไม่มีใครรู้จัก แล้วก็มองเราไปในทางลบ หรือดาวน์ๆ ซึ่งถ้าเราไปต่างประเทศได้ แล้วคนต่างประเทศยอมรับ คนไทยก็จะยอมรับง่ายขึ้น” ปูนกล่าว
ขณะที่ “แอ๋ม” ระบุว่า ตลาดต่างประเทศเป็นตลาดที่ไม่ยึดติดกับแบรนด์ และค่อนข้างซัพพอร์ตแบรนด์ใหม่ๆ ที่มีคอนเซ็ปต์ดีไซน์ชัดเจน อย่างซิมเพิลเองก็มีสื่อต่างประเทศติดต่อมาสัมภาษณ์ มีคนสนใจซื้อของไปขาย
“ต่างประเทศตลาดค่อนข้างเปิดมากกว่า เลยไปต่างประเทศได้เร็วกว่า โดยเริ่มตลาดที่สิงคโปร์ อังกฤษ อินโดนีเซีย จากนั้นเริ่มมีสื่ออังกฤษซึ่งเป็นเว็บดีไซน์สนใจส่งคำถามสัมภาษณ์ หลังจากนั้นก็มียุโรปติดต่อมามากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นฝรั่งเศส อเมริกา อิตาลี แคนาดา” แอ๋ม-อลิสา กล่าว
สไตล์” มินิมอล” ใส่ง่าย ไม่ตกเทรนด์
ความเรียบง่ายสะท้อนผ่านโปรดักต์ของแบรนด์ซิมเพิล ที่ดูไม่ซับซ้อน ไม่ยุ่งยาก โดยทั้งคู่ให้เหตุผลของการทำนาฬิกาสไตล์มินิมอลว่าเป็นสไตล์ที่เข้ากับการแต่งตัวได้ง่าย ได้ทุกโอกาส และไม่ตกเทรนด์ง่ายขนาดนั้น โดยรุ่นแรกซึ่งเป็นรุ่น 3 เข็ม ก็สามารถใส่ได้ทุกเพศ
“ส่วนตัวไร้เข็ม เราแพลนไว้ตั้งแต่แรก แต่ค่อยๆ ปล่อยออกมา เริ่มจากตัวที่อ่านง่ายก่อนดีกว่า เพื่อลองตลาด ให้คนรู้จักแบรนด์เรามากขึ้นก่อน แล้วถ้าลูกค้าชอบ เชื่อในโปรดักต์ของเราจริงๆ ชอบงานดีไซน์ของเรา เขาก็จะซื้อเรา โดยรุ่นนี้ปล่อยมาเมื่อปี 2017 ” ปูนระบุ
ทำธุรกิจนาฬิกา ยาก…แต่เรียนรู้ได้
เมื่อพูดถึงการที่คนรุ่นใหม่ลองมาทำธุรกิจนาฬืกาแล้ว “ปูน” ยอมรับว่าเป็นเรื่องยาก เพราะกระบวนการทำก็เป็นสิ่งที่ทั้งคู่ไม่เคยรู้เลย ค่อยๆ หาข้อมูล ลองผิดลองถูกมาเรื่อยๆ และมีพลาดเยอะเหมือนกัน
“อย่างช่วงแรกเป็นงานแฮนด์เมด สายหนังทุกเส้นจะตัดกันเอง ส่วนตอนนี้ธุรกิจขยายตัวมากขึ้น ธุรกิจเราก็ยังทำกัน 2 คน แต่ก็มีไปจ้างประกอบนาฬิกา โดยปูนทำหน้าที่ในการออกแบบ ดูเรื่องรูปภาพ ส่วนแอ๋มดูเรื่องการติดต่อลูกค้าต่างประเทศ การขาย”
ปัจจุบันยอดขายนาฬิกาของพวกเธอเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ โดยส่วนหนึ่งมาจากดิสทริบิวเตอร์ในต่างประเทศ โดยตอนนี้ส่งขายใน 10 ประเทศ เช่น เกาหลีใต้ ฝรั่งเศส อังกฤษ แคนาดา สหรัฐอเมริกา จีน โมร็อกโก เป็นต้น ซึ่งประเทศที่ขายดีที่สุดคือ เกาหลีใต้ โดยวางขายในดิวตี้ฟรีประมาณ 5-6 แห่ง
ขณะที่ในประเทศไทยขายที่ร้านลอฟต์ สยามดิสคัฟเวอรี่ และรูมคอนเซ็ปต์สโตร์ 3 สาขา คือ เอ็มควอเทียร์, เซ็นทรัลเอ็มบาสซี่ และสยามดิสคัฟเวอรี่ และในเร็วๆ นี้จะมีที่ Selected สยามเซ็นเตอร์ด้วย
“เสียงตอบรับถือว่าดี เรามีลูกค้าประจำ เวลาออกคอลเลคชั่นใหม่ ลูกค้าประจำของเราก็ตามมาซื้อ ส่วนลูกค้าใหม่ก็มีเข้ามาเรื่อยๆ มาจากการบอกกันปากต่อปาก เช่น เราทำนาฬิกา 1 เข็ม กับนาฬิกา 3 เข็ม มันจะเกิดการบอกเล่าว่าดูอย่างไร เป็นการโปรโมตแบรนด์ผ่านการที่ลูกค้าพูดกับเพื่อน เหมือนเป็นการสร้างประสบการณ์ให้ผู้สวมใส่ เรียกได้ว่าตอนนี้เราเป็นแบรนด์ที่ขายความเป็นโปรดักต์ของเรา และขายประสบการณ์ให้คนใส่ด้วย” แอ๋มกล่าว
ส่วนอนาคต ทั้งคู่วางแผนจะกระจายตลาดไปเรื่อยๆ แต่ก็จะพยายามโฟกัสกลุ่มลูกค้าคนไทยมากขึ้น โดยเน้นไปที่การทำการตลาดให้ดีขึ้น
ถือเป็นอีกหนึ่งคนรุ่นใหม่ที่กล้าลอง กล้าทำตามฝัน เรียนรู้และไม่ย่อท้อต่ออุปสรรค จนประสบความสำเร็จในที่สุด…
—————————————–