“สวธ.” เดินหน้าจับมือร้านอาหารชื่อดัง จัดแคมเปญ “Thai Dishcovery” ผลักดันอาหารไทยสู่นานาชาติ มุ่งเน้นกลุ่มคนรุ่นใหม่

Journal ข่าวสาร
ชาย นครชัย อธิบดีกรมส่งเสริมวัฒนธรรม

เมื่อวันที่ 28 ตุลาคม 2564 เปิดตัวแคมเปญ “Thai Dishcovery : New Thai Dish for New Gen” ณ ร้าน Greyhound Cafe สาขา The Groove Central World ซึ่งเป็นการจับมือกันระหว่าง กรมส่งเสริมวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม กับร้านอาหารชื่อดังกว่า 28 ร้านทั่วประเทศ เพื่อมุ่งเน้นและผลักดันให้คนรุ่นใหม่รวมถึงนักท่องเที่ยวต่างชาติ ให้หันมารับประทานอาหารไทยดั้งเดิมมากขึ้น

โดยแคมเปญ “Thai Dishcovery” จัดขึ้นมาเพื่อที่จะนำเมนูอาหารไทยที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมของชาติ และเมนูไทยดั้งเดิมที่หารับประทานได้ยากในปัจจุบัน รวมทั้งสิ้น 20 รายการ อาทิ ข้าวยำ ข้าวหลาม เมี่ยงคำ กระยาสารท มังคุดคัด เป็นต้น มารังสรรค์เป็นเมนูใหม่ ปรับรสชาติอาหาร ให้เข้ากับรสนิยมกลุ่มคนรุ่นใหม่

ชาย นครชัย อธิบดีกรมส่งเสริมวัฒนธรรม กล่าวว่า ทางกรมส่งเสริมวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของวัฒนธรรมอาหารไทย ที่ถ้าปล่อยไว้เฉยๆ วัฒนธรรมอาหารไทยที่สวยงามอาจจะตายหายไปได้ ซึ่งทุกวันนี้เด็กรุ่นใหม่ก็ไม่ค่อยสนใจอาหารไทยกันมากเท่าไหร่แล้ว ชอบทานอาหารเกาหลี ชอบทานอาหารญี่ปุ่นเสียมากกว่า อย่างจะทานบะหมี่ ก็ต้องเป็นบะหมี่เกาหลี ไม่ใช่บะหมี่แบบไวไวหรือมาม่าแล้ว

อีกอย่างในช่วงโควิด-19 ระบาดที่ผ่านมา ได้มีการปิดประเทศก็ทำให้การเข้าถึงอาหารไทยนั้นลำบากมากขึ้น ทางกรมส่งเสริมวัฒนธรรมจึงต้องมาทำการบ้านต่อว่าจะทำอย่างไรให้อาหารไทยกลับมาเป็นที่ยอมรับอีกครั้งหนึ่งและเข้ากับรสนิยมกลุ่มคนรุ่นใหม่ด้วย ทั้งนี้ยังรวมไปถึงเป็นการดึงนักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวในประเทศให้รู้จักอาหารไทยมากขึ้น ที่ไม่ใช่รู้จักแค่ต้มยำกุ้ง หรือมัสมั่นเพียงเท่านั้น

“อาหาร เป็นอะไรที่เข้าถึงทุกคน เวลาคนไปเที่ยวหรือไปไหนอย่างแรกที่ต้องทำ คือ ต้องเลือกร้านอาหาร ถึงแม้ว่าบ้านเราจะมีร้านระดับมิชลินแล้ว แต่ว่าบางคนที่มาเขาก็ยังสามารถเลือกทานอาหารอย่างอื่นได้ เพราะทุกคนที่มาเที่ยวไทยก็ต้องอยากลองอาหารไทย การที่มีแคมเปญ Thai Dishcovery นี้ ไม่ใช่แค่การปรับรสชาติอาหารให้ทันสมัย ให้เข้ากับกลุ่มคนรุ่นใหม่เพียงเท่านั้น แต่ยังเป็นการปรับรสชาติของอาหารให้เข้ากับรสนิยมของคนต่างชาติด้วย” ชาย กล่าวเสริม

บุญยง ตันสกุล
ระวีพรรณ์ ประกอบวรรณกิจ

ระวีพรรณ์ ประกอบวรรณกิจ (Vice President of Marketing) รองประธานบริหารฝ่ายการตลาด บริษัทว่า มัดแอนด์ฮาวด์ จำกัด (มหาชน) กล่าวเสริมว่า แคมเปญ Thai Dishcovery เป็นแคมเปญที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางด้านอาหาร ที่ทำให้เกิดจากการรังสรรค์ใหม่ เพื่อให้เข้าถึงง่ายขึ้น รับประทานง่ายขึ้น จากรสชาติดั้งเดิม หน้าตาแบบเดิมๆ ให้มีความทันสมัยเข้ากับกลุ่มคนรุ่นใหม่ ถึงแม้ว่าจริงๆ แล้วอาหารไทยมันมีเสน่ห์และความงดงามอยู่แล้ว หรือเรียกว่าถูกปากชาวโลก แต่อาหารไทยยังเป็นอะไรที่คนรุ่นใหม่เข้าถึงยากอยู่ดี

“เด็กทานน้ำพริกกับผู้ใหญ่ทานน้ำพริก มันก็ไม่เหมือนกัน เด็กไม่ได้รู้สึกชอบมันอาจจะยุ่งยาก น้ำพริกจึงกลายเป็นอาหารของคุณพ่อคุณแม่ แต่พอเราจับเอาเมนูน้ำพริกมาทำใหม่ จัดรวมทุกอย่างมาใส่จานเดียว ทั้งน้ำพริก ปลาทู และผัก ทำให้มันเข้าถึงได้ง่ายขึ้น ก็จะสามารถเข้าถึงกลุ่มคนรุ่นใหม่ได้ง่ายขึ้น ฉะนั้นการที่จัดแคมเปญนี้ขึ้น เพื่อตอกย้ำให้ New Generation ให้รู้จักอาหารไทยในรูปแบบใหม่ๆ ที่ให้เข้าถึงง่าย เป็นสิ่งที่ดีมากๆ และอยากจะสนับสนุนแคมเปญแนวนี้ต่อไป” ระวีพรรณ์ กล่าว

ทางด้าน บุญยง ตันสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซ็น คอร์ปอเรชั่น กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ ZEN ผู้ประกอบธุรกิจบริการอาหาร (Food Services) กล่าวว่า ตนมองว่าตอนนี้อาหารไทยมีชื่อเสียงดังไกลไปทั่วโลกแล้ว นักท่องเที่ยวที่เข้ามาก็ต่างที่อยากลิ้มลองอาหารของไทย โดยเฉพาะอาหารสตรีทฟู้ด ที่เป็นจุดเด่นที่ทำให้ประเทศไทยมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามา ซึ่งแคมเปญ “Thai Dishcovery” ตนมองว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการส่งเสริมทางด้านอาหารไทยให้คนต่างชาติรู้จักมากขึ้น ที่เป็นการร่วมมือกันระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน ที่เข้ามาช่วยกันส่งเสริมทำให้อาหารไทยเป็นที่รู้จัก และมีรสชาติถูกปากกลุ่มคนรุ่นใหม่และนักท่องเที่ยวมากยิ่งขึ้น

“ผมมองว่าอาหารเป็นมรดกทางวัฒนธรรม ที่มันมีเรื่องราวแตกต่างกันออกไปในแต่ละพื้นที่ โดยอาหารสามารถบ่งบอกภูมิศาสตร์ (Geographical Indications หรือ GI) ได้ ซึ่งการที่เราเสียเงินทานอาหารหนึ่งจาน เราไม่ได้ทานเพื่อความอร่อยเพียงเท่านั้น แต่เราได้เรื่องราว ได้ความรู้มาด้วย การที่มีเชฟดี วัตถุดิบดี และร้านที่มีบรรยากาศดี ผมว่ามันเป็นประสบการณ์ที่ดีมากในการรับประทานอาหาร ซึ่งผมไม่อยากให้กระทรวงวัฒนธรรมหยุดอยู่แค่นี้ อยากให้ไปต่อ ให้มันมีความต่อเนื่อง ผมว่าอาหารของประเทศไทยเองก็ไม่แพ้อาหารชาติอื่นๆ เรามีหน่วยงานที่ดีแล้ว แต่ขาดการสานต่อ” บุญยง กล่าว