“เม็ดบัว” กับ 6 ประโยชน์ต่อสุขภาพ และข้อควรระวัง

Food Story อาหาร

ดอกบัว เป็นดอกไม้ที่อยู่คู่กับวิถีชีวิตของคนไทยมาช้านาน ดังจะเห็นได้จากการใช้ดอกบัวทั้งในงานมงคลและงานอวมงคล ตลอดจนการแปรูปส่วนต่างๆ ของบัวมาเป็นอาหารและใช้เพื่อสรรพคุณทางยา รากบัวสามารถนำไปทำเป็นเครื่องดื่มและยาสมุนไพร ใบบัวก็นำมาใช้ประกอบอาหาร ใยของก้านบัวก็ยังนำมาใช้ในอุตสาหกรรมอย่างการทอผ้าใยบัว และไม่เว้นแม้แต่ เม็ดบัว ที่ก็เป็นหนึ่งในอาหารเพื่อสุขภาพ เรียกได้ว่า บัว เป็นดอกไม้ที่มีทั้งความงามและมากไปด้วยประโยชน์ใช้สอยอย่างแท้จริง บทความนี้เราจึงได้นำข้อมูลเกี่ยวกับเม็ดบัวมาฝากกันค่ะ

คุณค่าทางสารอาหารของ “เม็ดบัว”

เม็ดบัว หรือ เมล็ดบัว คือส่วนของเมล็ดที่อยู่ข้างในฝักของบัวหลวง จัดเป็นธัญพืชชนิดหนึ่งที่ให้คุณค่าทางอาหารสูงไม่แพ้ธัญพืชตระกูลถั่ว แต่ในขณะที่ธัญพืชประเภทถั่วอย่าง อัลมอนด์หรือพีแคน จะมีสารอาหารประเภทกรดไขมันดีอย่าง กรดไขมันโอเมก้า 3 ในปริมาณสูง เม็ดบัวกลับให้สารอาหารที่เป็นคาร์โบไฮเดรตและโปรตีนมากกว่าสารอาหารจำพวกกรดไขมัน และมากไปกว่านั้นเม็ดบัวยังเป็นอาหารที่ให้แคลอรีต่ำ จึงเหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่ต้องการลดน้ำหนัก หรืออยู่ในช่วงที่ต้องควบคุมอาหาร

การกินเม็ดบัวสด (ไม่ผ่านการปรุงสุก) 1 ออนซ์ (หรือประมาณ 28 กรัม) จะได้รับคุณค่าทางโภชนาการ ดังนี้

  • พลังงาน 25.2 แคลอรี
  • โปรตีน 1.17 กรัม
  • ไขมัน 0.15 กรัม
  • คาร์โบไฮเดรต 4.5 กรัม

นอกจากนี้ในเม็ดบัวยังอัดแน่นไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุที่มีประโยชน์อีกหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็นวิตามินบี วิตามินเอ วิตามินอี ไฟเบอร์ แคลเซียม ธาตุเหล็ก แมกนีเซียม โพแทสเซียม สังกะสี และเม็ดบัวยังเป็นแหล่งของสารต้านอนุมูลอิสระ และมีสารไฟโตนิวเทรียนท์ที่มีประโยชน์ต่อระบบภูมิคุ้มกัน และมีสรรพคุณช่วยต้านการอักเสบได้อย่างดีอีกด้วย

โดยเม็ดบัวสามารถกินได้ทั้งแบบสด หรือนำไปผัดใส่ในอาหารเมนูต่างๆ รวมทั้งยังสามารถนำมาต้มทั้งแบบเป็นน้ำซุปหรือต้มกินเป็นของหวานก็ได้เช่นกัน ซึ่งสูตรอาหารที่ใช้เม็ดบัวเป็นส่วนผสมนั้นมีอยู่มากมาย สามารถเลือกทำได้ตามความชอบ

ประโยชน์ของ “เม็ดบัว”

1. ดีต่อการลดน้ำหนัก

เพราะเม็ดบัวเป็นธัญพืชที่ให้ไฟเบอร์สูง จึงช่วยให้รู้สึกอิ่มได้นานมากขึ้น ช่วยลดความอยากอาหารในมื้อต่อๆ ไปให้ลดลง ทำให้ไม่กินตามใจปากจนแคลอรีเกินพิกัด มากไปกว่านั้นเม็ดบัวยังจัดว่าเป็นอาหารที่มีแคลอรีต่ำ ซึ่งสำหรับผู้ที่อยู่ในระหว่างการควบคุมปริมาณแคลอรีประจำวัน การกินเม็ดบัวเป็นของว่างจะช่วยให้รู้สึกอยู่ท้อง ไม่หิวบ่อย และไม่ทำให้แคลอรีพุ่งสูงด้วย

2. ต่อต้านริ้วรอย

ในเม็ดบัวมีเอนไซม์ที่มีประโยชน์ในการต่อต้านริ้วรอยแห่งวัยที่ชื่อว่า แอล-ไอโซแอสปาทิล เมทิลทรานสเฟอเรส (L-isoaspartyl methyltransferase) ซึ่งเป็นเอนไซม์ที่สรรพคุณในการรักษาและซ่อมแซมโปรตีนที่ถูกทำลาย และกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในร่างกาย ด้วยเหตุนี้ในอุตสาหกรรมเครื่องสำอางหรือผลิตภัณฑ์เพื่อผิวพรรณจึงมีการใช้สารสกัดจากเม็ดบัวเพื่อสรรพคุณในการบำรุงผิวพรรณและริ้วรอย

3. ดีต่อสุขภาพหัวใจ

แมกนีเซียมที่อยู่ในเม็ดบัวเป็นสารอาหารที่ประโยชน์และช่วยลดความเสี่ยงต่อสุขภาพหัวใจ เพราะแมกนีเซียมจะเข้าไปช่วยเพิ่มปริมาณของออกซิเจนและกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดและสารอาหาร ช่วยให้เลือดสามารถไหลเวียนไปยังหัวใจและส่วนต่างๆ ในร่างกายได้ดีขึ้น แต่ถ้าหากร่างกายมีสารแมกนีเซียมในระดับที่ต่ำก็จะมีความเสี่ยงต่อโรคเรื้อรังอย่างโรคหลอดเลือด หรือโรคหัวใจ

4. ดีต่อผู้ป่วยเบาหวาน

ผู้ป่วยเบาหวานจำเป็นที่จะต้องมีการใส่ใจกับระดับน้ำตาลในเลือดอย่างสม่ำเสมอ หากระดับน้ำตาลในเลือดพุ่งสูงอาจมีผลต่อสุขภาพได้ ดังนั้นสิ่งสำคัญสำหรับผู้ป่วยเบาหวานคือต้องเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์เพื่อช่วยในการรักษาระดับน้ำตาลในเลือดให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ เม็ดบัวมีแคลอรีต่ำและมีไฟเบอร์สูงจึงช่วยควบคุมให้ระดับของกลูโคสในเลือดอยู่ในระดับปกติ ทั้งยังช่วยป้องกันไม่ให้ระดับน้ำตาลในเลือดพุ่งสูง อีกด้วย

5. ช่วยป้องกันมะเร็ง

เม็ดบัวอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระหลายชนิด เช่น ฟลาโวนอยด์ ไทอามีน ซึ่งสารต้านอนุมูลอิสระเหล่านี้ช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันแข็งแรง ต้านการอักเสบของเซลล์ในร่างกาย และยังมีส่วนช่วยป้องกันความเสี่ยงที่จะเกิดโรคเรื้อรังอย่างโรคมะเร็งด้วย

6. ช่วยให้หลับสบาย

เม็ดบัวมีสรรพคุณทางยาที่ช่วยเพิ่มการไหลเวียนของเลือดในร่างกาย หากระบบไหลเวียนโลหิตทำงานได้ดี ก็จะช่วยให้ร่างกายและสมองรู้สึกผ่อนคลาย ไม่กระสับกระส่าย สามารถนอนหลับได้ดีขึ้น ดังนั้น หากมีอาการนอนไม่หลับบ่อยๆ ลองรับประทานเม็ดบัวเป็นของว่างก่อนเข้านอน อาจช่วยให้นอนหลับได้สนิทขึ้น

ข้อควรระวังในการบริโภคเม็ดบัว

แม้จะเต็มไปด้วยสารอาหารที่ดีและมีประโยชน์ต่อร่างกาย แต่ก็มีข้อควรระวังบางประการที่ไม่ควรมองข้าม ดังนี้

  • ผู้ที่มีอาการแพ้ธัญพืช หรือแพ้เม็ดบัว ที่ถึงแม้จะพบได้น้อย แต่ก็ควรที่จะหลีกเลี่ยงเพื่อป้องกันไม่ให้อาการแพ้กำเริบ
  • แม้ว่าเม็ดบัวจะมีสรรพคุณทางยาที่ดีต่อสุขภาพหัวใจ แต่ผู้ที่มีอาการหัวใจเต้นผิดจังหวะและอยู่ระหว่างการรับประทานยาเพื่อป้องกันหัวใจเต้นผิดจังหวะ ควรปรึกษากับคุณหมอก่อนรับประทานเม็ดบัว เพราะสารประกอบในเม็ดบัวอาจมีผลต่อปฏิกิริยาของยารักษาโรคหัวใจเต้นผิดจังหวะ

ที่มา : Sanook