สุดยอดร้านอาหารอินเดียฮอตฮิตคิวยาว อัล ราฮามัน (Al-Rahaman) โดยปิ่นโตเถาเล็ก

Review พาชิมพาส่อง
ขาแพะย่างทั้งขา

ปิ่นโตเถาเล็กเคยแนะนำอาหารอินเดียในร้านหรูมาบ้างแล้ว มาคราวนี้มีร้านอาหารอินเดียสุดแสนประทับใจมาฝาก เป็นร้านเล็กๆ หน้าตาธรรมดาๆ อยู่ในซอยพุทธโอสถ ซึ่งเป็นอีกย่านพำนักอาศัยของชาวอินเดีย ปากีสถาน บังกลาเทศ ถ้าไม่มีคนแนะนำ คงจะเดินผ่านไปไม่สะดุดตาอย่างแน่นอน

ร้านนี้ทำอาหารอินเดียได้รสชาติเข้มข้นถูกใจ หอมเครื่องเทศตลบอบอวลแต่มีความกลมกล่อมไม่แรงจนเกินไป มือใหม่หัดชิมสมควรมาลิ้มลอง ยิ่งเป็นคนชอบอาหารประเภทนี้ก็ต้องมาชิมให้จงได้ ร้านนี้มีชื่อว่า อัล ราฮามัน (Al-Rahaman)

อัล ราฮามัน (Al-Rahaman) คือสุดยอดร้านอาหารอินเดียซึ่งฮอตฮิตมาแรงที่สุดในเวลานี้ วันเสาร์-อาทิตย์มีคนมายืนรอต่อคิวกันแน่นขนัดทุกเพศทุกวัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งวัยรุ่น (ผู้ที่จุดกระแสไม่ใช่ใครที่ไหนคือน้องอาร์ต ภาคภูมิ แห่งร้านเจริญพุง ผู้ซึ่งพาผมมาชิมถึงที่) ถือว่าเป็นร้านอาหารอินเดียซึ่งอร่อยที่สุดเท่าที่เคยกินมาทีเดียว เปิดมานาน 6 ปีแล้ว

ก่อนอื่นขอบอกทางไปร้าน Al-Rahaman อยู่ในห้องแถวเล็กๆ คูหาเดียวในซอยพุทธโอสถ ฝั่งขวามือของซอยวันเวย์ช่วงก่อนจะออกไปสู่ถนนมหาเศรษฐ์

ซอยพุทธโอสถนั้นมีทางเข้าที่ลึกลับมาก คือต้องเข้าจากถนนสุรวงศ์ช่วงเกือบสุดทาง แล้วเลี้ยวขวาเข้าด่านทางด่วน ชิดขวาสุด พอก่อนจะถึงด่านเก็บเงินจะมีซอยแยกออกทางขวาเป็นซอยแคบๆ ซอยนี้แหละที่จะหักขวาไปตามทาง ออกไปสู่ร้าน Al-Rahaman

แต่ช้าก่อน ห้ามจอดในซอยนี้เป็นอันขาด มิฉะนั้นโดนล็อกล้อเป็นแน่ ต้องไปจอดรถที่ใต้ทางด่วนในซอยเจริญกรุง 43 ให้วิ่งมาจนสุดถนนสุรวงศ์ แล้วเลี้ยวขวาเข้าถนนเจริญกรุง จากนั้นชิดเลนขวาไว้ มาอีกนิดเดียวให้เลี้ยวขวาเข้าซอยเจริญกรุง 43 ที่อยู่เยื้องกับ CAT เทเลคอม เข้าไปแล้วจะเห็นที่จอดรถอยู่ทางด้านขวาอยู่ใต้ทางด่วน โดยเสียค่าจอดชั่วโมงละ 20 บาท

ออกจากที่จอดรถแล้วเดินเลี้ยวขวา ผ่านตึกคลังสินค้าอาหาร เลี้ยวเข้าซอยแรกขวามือตรงทะลุไปออกซอยพุทธโอสถ ก็จะเห็นร้าน Al-Rahaman อยู่ฝั่งตรงข้ามทางซ้ายมือ

เจ้าของร้าน Al-Rahaman เป็นเชฟชาวบังกลาเทศอารมณ์ดีชื่อว่าอับดุล รูฟ (Abdur Rouf) มาจากกรุงธากา (Dhaka) เมืองหลวงของประเทศบังกลาเทศ เชฟรูฟพอพูดไทยได้บ้าง เล่าให้เราฟังว่าอาหารของเขาเป็นแบบโฮมคุกสไตล์ที่เขาชอบกิน โดยเป็นการผสมผสานระหว่างอาหารของอินเดียตอนเหนือ ปากีสถาน และบังกลาเทศเข้าด้วยกัน ถือเป็นร้านอาหารฮาลาลสำหรับชาวมุสลิมด้วย

เชฟรูฟเอาใจลูกค้าสุดสุด ถ้าใครมาครั้งแรก เขาจะตักแกงต่างๆ ใส่ภาชนะกระทะเล็กมาให้เราชิมว่าเผ็ดไปหรือไม่ สามารถปรับได้ตามใจชอบ สำหรับผม รสชาติที่เชฟรูฟทำมาถูกใจอยู่แล้วไม่ต้องปรับเปลี่ยนอะไรเลย

เมนูของร้าน Al-Rahaman มีครบถ้วนทุกหมวดหมู่ คัดมาแต่ที่ตัวเองทำอร่อยประมาณ 60 กว่าอย่าง เริ่มกันด้วยของกินเล่นเมนูใหม่ ปานิปุรี (Panipuri) (6 ลูก 60 บาท) เป็นแป้งทอดทำจากแป้งสาลีลูกกลมๆ กลวงๆ เจาะรูใส่ไส้ที่มีส่วนผสมของมะเขือเทศและถั่วลูกไก่ หรือชิกพี (Chick Pea) ไข่ต้ม ผักชี ปรุงรสจัดกำลังดี เปรี้ยวหอมเครื่องเทศนิดๆ กินแล้วสดชื่นหมดในพริบตา อีกอย่างคือซาโมซา (Samosa) ไส้ไก่ (80 บาท) ชิ้นสามเหลี่ยมก็อร่อยถูกใจ

เชฟอับดุล รูฟ (Abdur Rouf)
แกงที่เชฟรูฟให้ชิมว่าเผ็ดไปหรืออ่อนไปหรือไม่ สามารถปรับได้

จากนั้นเชฟรูฟปรนเปรอพวกเราด้วยพาเหรดอาหารอินเดียจานหลักตระการตาหลากหลาย ล้วนแล้วแต่สุดยอดทุกอย่าง ที่ห้ามพลาดเป็นอันขาดคือ มัทท่อนซีคกะบับ (Mutton Seekh Kebab) (250 บาท) เชฟรูฟบอกว่าเมนูนี้ทำจากเนื้อแพะบด ปรุงรสด้วยเครื่องเทศแล้วเสียบไม้ย่างเป็นแท่งยาวเรียว เมนูนี้อร่อยไม่เหมือนร้านไหนๆ เพราะนุ่มชุ่มฉ่ำไม่แห้งด้วยการราดวิปปิ้งครีมผัดปรุงรสกับเนย ขอบอกว่าร้านนี้ทั้งเนื้อแพะ เนื้อแกะจะหอมอร่อยไม่มีกลิ่นสาบเลย นี่คือสาเหตุว่าทำไมพวกเราชาวไทยถึงแห่กันมากินมากขนาดนี้

มีเมนูพิเศษอลังการคือขาแพะย่างทั้งขา (1,500 บาท) กิน 7-8 คนได้สบาย ซึ่งต้องสั่งล่วงหน้า 1 วัน นุ่มหอมอร่อย ขอย้ำอีกครั้งว่าไม่มีกลิ่นสาบเลย

ของเหล่านี้ให้กินสลับกับแกงต่างๆ ที่ห้ามพลาดทั้งสิ้น ถูกใจอันดับหนึ่งคือแกงมาซาลาขาแกะทั้งขา (Mutton Leg Masala) (1,250 บาท) มาซาลารสเข้มข้นถึงใจ หอมเครื่องเทศอร่อยที่สุดเท่าที่เคยกินมา เนื้อขาแกะนุ่มๆ หอมๆ คนไม่เคยกินแกะ ถ้าไม่บอกคงไม่รู้เลย ถ้าไม่กินแกะก็มีมาซาลาไก่ที่สามารถสั่งใส่ไก่ย่างครึ่งตัวหรือทั้งตัวก็ได้ (300-500 บาท) และก็มีมาซาลากุ้งกับมาซาลาปูอีกด้วย

ปานิปุรี(Panipuri)

ต่อด้วยชิคเก้นติกก้ามาซาลา (Chicken Tikka Masala) (180 บาท) ใส่เนื้อไก่ชิ้นๆ หมักเครื่องเทศและโยเกิร์ตแล้วนำไปย่าง ตัวแกงครีมๆ หอมๆ รสกลมกล่อมอมเปรี้ยวเล็กน้อยด้วยมะเขือเทศ เหมาะสำหรับมือใหม่หัดชิมอาหารอินเดีย ถือว่าร้านนี้ทำได้รสจัดกว่าร้านอื่นจริงๆ และมีบัตเตอร์ชิคเก้น (Butter Chicken) (180 บาท) คือแกงอีกอย่างที่รสนุ่มนวลกินง่ายเช่นกัน

แกงเหล่านี้ให้กินกับข้าวหมกบริยานี (Biryani) ทำจากข้าวบาสมาติเมล็ดเรียวยาวหอมอร่อย มีทั้งข้าวหมกไก่ กุ้ง แพะ (150-160-180 บาท) และที่เชฟรูฟเลือกให้พวกเราคือข้าวหมกบริยานีปลาจะละเม็ดดำ (Fish Biryani) (180 บาท) หอมเครื่องเทศกลิ่นไม่แรงจนเกินไป

หรือจะกินคู่กับแป้งนาน (Naan) อีกหนึ่งสุดยอดของความอร่อย ตัวแป้งนานหนาๆ นุ่มเหนียว ให้สั่งมาทั้งนานกระเทียม (Garlic Naan) (40 บาท) แผ่นยักษ์ และชีสนาน (Cheese Naan) (30 บาท)

ส่วนเครื่องดื่มที่ชื่นใจมากคือ ลาสซีมะม่วง (Mango Lassi) (50 บาท) ปั่นกับโยเกิร์ต และลาสซี (Lassi) ปกติไม่ใส่ผลไม้ ทั้งชนิดหวานและเค็ม (40 บาท) รสเค็มอมเปรี้ยว

ยังมีของดีอีกเยอะที่อัล ราฮามัน สงสัยอะไรถามได้เลย ที่ร้านนี้อัธยาศัยใจคอดีมาก นี่คือร้านอาหารอินเดียซึ่งไม่ควรพลาดเลยทีเดียว ร้านเปิดทุกวันตั้งแต่ 11 โมงเช้าถึง 3 ทุ่ม แนะนำว่าควรไปรอก่อนร้านเปิดเล็กน้อยจะดีที่สุด

มีข่าวดีมาบอก คาดว่าต้นปีหน้า เชฟรูฟจะเปิดร้านสาขาใหม่ใกล้กัน ตรงซอยที่เดินทะลุมาจากที่จอดรถ จุคนได้มากขึ้นราว 60 คน จะได้ไม่ต้องรอคิวนานเกินไปแล้วนะจ๊ะ

ข้อมูลร้าน

อัล ราฮามัน (Al-Rahaman)

โดย เชฟอับดุล รูฟ (Abdur Rouf)

ที่ตั้ง 92/4 ซ.พุทธโอสถ ถ.เจริญกรุง สี่พระยา บางรัก กรุงเทพฯ 10500

โทร 08-5140-1440

เปิดบริการ 11.00-21.00 น. ทุกวัน

แนะนำ ปานิปุรี (Panipuri) ซาโมซา (Samosa) ไส้ไก่ มัทท่อนซีคกะบับ (Mutton Seekh Kebab) ขาแพะย่างทั้งขา แกงมาซาลาขาแกะทั้งขา (Mutton Leg Masala) (ใส่ไก่ย่างแทนได้) ชิคเก้นติกก้ามาซาลา (Chicken Tikka Masala) บัตเตอร์ชิคเก้น (Butter Chicken) ข้าวหมกบริยานีปลาจะละเม็ดดำ (Fish Biryani) นานกระเทียม (Garlic Naan) ชีสนาน (Cheese Naan) ลาสซีมะม่วง (Mango Lassi) ลาสซี (Lassi) หวานและเค็ม

Facebook : Al-Rahaman Restaurant

มัทท่อนซีคกะบับ(Mutton Seekh Kebab)
มาซาลาขาแกะทั้งขา(Mutton Leg Masala)
ชิคเก้นติกก้ามาซาลา(Chicken Tikka Masala)
ข้าวหมกบริยานีปลาจะละเม็ดดำ(Fish Biryani)
นานกระเทียม(Garlic-Naan)แผ่นยักษ์ และชีสนาน(Cheese Naan)
บัตเตอร์ชิคเก้น(Butter Chicken)
ลาสซีมะม่วง(Mango Lassi)

ที่มา : มติชนออนไลน์