“ซาลาเปา” และ “หมั่นโถว” กินง่าย ขายคล่อง ได้ทุกที่ทุกเวลา

Food Story อาหาร

ไม่ใช่อะไรอื่น ก็ “ซาลาเปา” นั่นแหละ ว่ากันว่าซาลาเปาเป็นอาหารเช้าของชาวจีน ที่ทำมาจากแป้งสาลีและยีสต์แล้วนำมานึ่ง เชื่อว่ากำเนิดขึ้นในราชวงศ์ซ้อง (ค.ศ.960-1279) ต้นกำเนิดของซาลาเปานั้น มาจากก้อนแป้งนึ่งที่เรียกว่า “หม่านโถว” นานเข้าก็แผลงเป็น “หมั่นโถว” และทำตกทอดกันมาจนแพร่หลาย โดยเฉพาะทางภาคเหนือของจีน ซึ่งตอนนั้นเป็นเพียงแป้งนึ่งแบบไม่มีไส้ กลายมาเป็นอาหารที่ชาวจีนทางภาคเหนือนิยมรับประทานเป็นอาหารเช้าหรืออาหารว่าง ต่อมามีการเพิ่มไส้เข้าไปด้วย เป็นเนื้อหรือผักก็ได้ เลยนิยมเรียกกันว่า “เปาจึ” หรือ “ซาลาเปา” ผู้คนทั้งหลายเมื่อรับประทานซาลาเปาแล้วนิยมซาลาเปาไส้หมูและซาลาเปาไส้ครีม ถือเป็นส่วนหนึ่งในชุดอาหารติ่มซำในวัฒนธรรมจีน ซาลาเปาสามารถนำมารับประทานได้ในทุกมื้ออาหาร แต่นิยมมากในมื้ออาหารเช้า

ซาลาเปาแบบไม่มีไส้ หรือมักได้ยินเขาเรียกกันในนิยายจีนว่าหมั่นโถว เหมาะใช้กินกับอาหารอื่นหรือใช้ติดตัวยามเดินทางไกล เพราะเสียยากกว่าแบบที่มีไส้ ความจริงแล้วมีความแตกต่างระหว่างซาลาเปาและหมั่นโถวอยู่บ้าง คือซาลาเปาเป็นแป้งสาลีนึ่งก้อนกลม ๆ ข้างในมีไส้หมูหรือผัก และมักจับเป็นรูปจีบด้านบน ส่วนหมั่นโถวอาจทำแบบมีไส้หรือไม่มีไส้ก็ได้ สำหรับด้านบนของหมั่นโถวผิวเรียบและเนียน ดังนั้น ในระยะหลังๆ คนมักทำหมั่นโถวไม่มีไส้ เพื่อให้แตกต่างจากซาลาเปา อีกทั้งไม่ได้นิยมแค่ในประเทศจีนเท่านั้น แต่ยังแพร่ไปในเกาหลี ญี่ปุ่น จนถึงตุรกี เปอร์เซีย เอเชียกลาง ที่ฟิลิปปินส์ก็นิยมรับประทานซาลาเปาเช่นเดียวกัน โดยเรียกว่า “ซัวเปา”

e3

หลายคนอาจสงสัยว่าแล้วทำไม “ซาลาเปา” ต้องมีจุดสีแดงด้วย อธิบายได้ว่าจุดสีแดงที่อยู่ด้านบนซาลาเปานั้น เพราะคนจีนเชื่อว่าสีขาวล้วนซึ่งเป็นสีของแป้งซาลาเปาไม่เป็นมงคล สีขาวล้วนเป็นสีของการไว้ทุกข์ ดังนั้น จึงแต้มจุดสีแดง ซึ่งเป็นสีของความเป็นมงคลลงไปบนลูกซาลาเปา ปัจจุบันจะเห็นว่ามีทำซาลาเปาในรูปแบบต่างๆ และไส้ต่างๆ มากมาย ตามยุคสมัยที่เปลี่ยนแปลงไป

หมั่นโถว นอกจากรู้จักกันจากนิยายจีนแล้ว ยังมีบันทึกในประวัติศาสตร์ที่เล่ากันอีกว่าเป็นอาหารในแคว้นสู่ที่มีมาก่อนสมัยสามก๊ก ในสมัยราชวงศ์ถัง (ค.ศ.618-907) หมั่นโถวกลายเป็นหนึ่งในสำรับฮ่องเต้ ใช้ประดับอาหารเพื่อความสวยงาม จึงต้องทำให้มีขนาดเล็กลง

 

สูตรทำแป้งซาลาเปา สำนักมติชนอคาเดมี
แบ่งเป็น 2 ประเภท คือ


1. แป้งสปันจ์
วัตถุดิบ แป้งสาลี 375 กรัม น้ำเปล่า 210 กรัม ยีสต์ 10 กรัม น้ำตาลทราย 5 กรัม 
วิธีทำ ผสมยีสต์ น้ำตาลทราย น้ำเปล่าให้เข้ากัน เติมแป้งสาลีแล้วนวดให้ส่วนผสมเข้ากันอย่างดี พักไว้ในอ่างผสม คลุมด้วยถุงพลาสติก 30-60 นาที

2. แป้งโดว์
วัตถุดิบ แป้งสาลี 150 กรัม น้ำตาลทราย 95 กรัม เกลือ 1 กรัม ผงฟู 10 กรัม น้ำมันพืช 20 กรัม น้ำเปล่า 60 กรัม
วิธีทำ ผสมน้ำเปล่า น้ำตาลทราย และเกลือลงในอ่างผสม คนให้ละลาย เทน้ำมันพืชและแป้งสาลีนวดให้เข้ากัน นำแป้งที่หมักได้ที่แล้วนำมาไล่อากาศออก โดยใช้มือตบแป้งเบาๆ ตักแป้งแบ่งเป็นก้อนๆละ 30 กรัม คลึงให้กลม พักไว้ นำผ้าขาวบางมาปิด จากนั้นถ้าจะใส่ไส้ที่เตรียมไว้ ให้คลึงแผ่นแป้งอีกทีแล้วใส่ไส้ จับจีบให้เรียบร้อย วางลงบนแผ่นกระดาษ พักไว้ 30 นาทีเตรียมนำไปนึ่ง