“แว่นตา” ถือเป็นไอเทมพกพาชิ้นสำคัญสำหรับหลายๆ คนเลยล่ะค่ะ ถึงแว่นตาจะดูเป็นไอเทมหลักที่ต้องใช้ทุกวัน น่าจะมีความคงทนประมาณหนึ่ง แต่ในความเป็นจริงแล้ว แว่นตาก็มีมุมที่ต้องการการทะนุถนอมเช่นกัน มาดูแลแว่นตาแบบถูกวิธีกันดีกว่า

จะสวมจะถอดก็ต้องมีวิธีที่ถูกต้อง
ไม่ใช่ว่าจะสวมแว่นตาหรือถอดออกได้แบบตามใจตัวเองนะ เพราะขาแว่นตาอาจได้รับความเสียหายได้ง่ายๆ เลยล่ะ ซึ่งวิธีการที่ถูกต้องในการสวมแว่นตา ให้จับขาแว่นทั้งสองข้างเพื่อสวมแว่นตาในลักษณะแนวตรง เพื่อไม่ให้แว่นตาบิดหรือเสียรูป เช่นเดียวกันกับการถอดแว่นตาก็ต้องใช้มือทั้งสองข้างดึงออกในลักษณะเดียวกัน พยายามหลีกเลี่ยงการดึงแว่นตาออกแบบมือเดียวที่นอกจากจะทำให้ขาแว่นพังง่ายแล้วยังเสี่ยงต่อการดีดกลับของแว่นตาที่จะโดนดวงตาอีกด้วย

ทำความสะอาดแว่นตาทุกวัน
ใส่แว่นตาทุกวันอย่าขี้เกียจที่จะทำความสะอาดทุกวันด้วยล่ะ เพราะในแต่ละวัน แว่นตาต้องเผชิญกับฝุ่นละอองและคราบสกปรก การเช็ดด้วยผ้าเพียงอย่างเดียวอาจไม่สะอาดพอ แนะนำให้ทำความสะอาดด้วยน้ำเปล่า 1 ครั้ง จากนั้นใช้น้ำยาล้างทำความสะอาดแว่นตาเช็ดอย่างเบามือและล้างออกด้วยน้ำสะอาดอีกหนึ่งครั้ง เมื่อความสะอาดเรียบร้อยแล้ว ห้ามลืม! เช็ดให้แว่นตาแห้งสนิทด้วยผ้าสะอาดเพื่อป้องกันการเกิดคราบน้ำบนเลนส์ และป้องกันสนิมตรงส่วนประกอบที่เป็นโลหะของแว่นเช่นกรอบหรือขาแว่น

หลีกเลี่ยงสิ่งที่ทำให้เกิดรอยขีดข่วน
แว่นตาที่เราทำความสะอาดจนใสปิ๊งแล้วก็ไม่ควรวางปล่อยไว้โดยไม่ดูแลนะ ควรเก็บแว่นตาไว้ในกล่องแว่นตาโดยเฉพาะเพื่อหลีกเลี่ยงการโดยขีดข่วนกับวัตถุอื่นๆ เช่น ถ้าคุณนำแว่นตาไปใส่ในกระเป๋าสะพายโดยไม่มีกล่องหรือหีบห่อพันอย่างดีแล้ว เลนส์แว่นตาอาจโดนสิ่งของในกระเป๋าขีดข่วนจนเป็นรอยยาวได้เลย คราวนี้ต้องเสียเวลา เสียสตางค์ไปทำแว่นใหม่บ่อยๆ คงไม่คุ้มกัน

แว่นตาไม่ได้ชอบที่ร้อนๆ หรอกนะ
นอกจากควรมีกล่องใส่แว่นตาที่ป้องกันฝุ่นและกันรอยขีดข่วนให้กับแว่นตาแล้ว อีกเรื่องหนึ่งที่ต้องระวังก็คือ “ไม่ควรเก็บแว่นตาไว้ในอุณหภูมิที่สูง” มีความร้อนหรือ “อุณหภูมิที่เย็นจัด” จนเกินไป เช่น วางแว่นตาไว้ในรถที่จอดในลานโล่ง อาจทำให้เกิดการเสื่อมคุณภาพของเลนส์ หรือแม้แต่แว่นตาผิดรูป วัสดุประกอบแว่นพังได้ง่ายขึ้น

เคล็ดลับ : เวลาถอดแว่นตาเพื่อพักสายตา ย้ำ! ว่าห้ามวางคว่ำหน้าเด็ดขาด เพื่อไม่ให้เลนส์เสียหาย

เรื่องแว่นตาแม้จะดูไม่เป็นเรื่องใหญ่อะไร แต่ถ้าไม่ระมัดระวัง ก็เป็นอันต้องเปลี่ยนบ่อยๆ โดยใช่เหตุ ทางที่ดีคือการระวังรักษาอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้แว่นตาคู่ใจอยู่กับเราไปนานๆ ส่วนเรื่องสุขภาพของดวงตาก็เป็นสิ่งที่ห้ามละเลยเช่นกัน ต้องเลือกทานอาหารมีประโยชน์และช่วยบำรุงสายตาควบคู่ไปกับการดูแลสุขภาพทั้งร่างกายและจิตใจ

ที่มา : บล็อกเล่าเก้าสิบ

เรื่อง : ณัฐกานต์ สอนโยหา, ภาพ : ภัทรสุดา พิบูลย์

ประโยชน์ของแว่นตา นอกจากจะช่วยในเรื่องการมองเห็นแล้ว ยังสามารถสวมใส่ได้หลากหลายโอกาส คงจะดีไม่น้อยถ้าหากจะมีแว่นตาดีๆ สักอัน ที่สามารถทำให้การใส่แว่นตาธรรมดาๆ ดูมีความพิเศษมากขึ้น

ARTY&FERN แบรนด์แว่นตแฮนด์เมดจากสองนักออกแบบชาวไทยที่มีชื่อว่า “อานิกนันท์ เอี่ยมทอง หรือ เฟิร์น” และ “ชนะกันต์ อุโฆษกุล หรือ อาร์ต” ที่ผลิตแว่นตารูปแบบ Custom-made ซึ่งความพิเศษของแว่นตาชนิดนี้อยู่ที่ความสบายในการสวมใส่ และยังมั่นใจได้ว่า แว่นตาที่กำลังสวมใส่อยู่นั้น มีชิ้นเดียวในโลก

“อานิกนันท์ เอี่ยมทอง หรือ เฟิร์น” หนึ่งในเจ้าของแบรนด์ ARTY&FERN เล่าให้ “มติชนอคาเดมี” ฟังว่า จุดเริ่มต้นเกิดจากการที่ก่อนหน้านี้เรียนจบทางด้านดีไซน์มา จึงได้มีโอกาสทำงานดีไซน์มาเรื่อยๆ จนรู้สึกว่างานแฟชั่นเป็นงานดีไซน์แขนงหนึ่ง ประกอบกับความที่ตัวเธอเองชอบแว่นตาอยู่แล้ว จึงได้เริ่มหาข้อมูลและไปเรียนทำแว่นตาที่ต่างประเทศ จนกระทั่งได้กลับมาทำแบรนด์แว่นตาที่เป็นของตัวเองและพัฒนามาเรื่อยๆ จนกลายเป็น ARTY&FERN จนถึงทุกวันนี้

แรงบันดาลใจในการทำงานเริ่มจากความชอบแว่นตาโดยส่วนตัวอยู่แล้ว และชอบแว่นตาทรงตาแมว (Cat Eye) มาก อย่างคอลเลคชั่นล่าสุดที่มีชื่อว่า “เนตรวิฬาร์” ก็ได้แรงบรรดาลใจมาจากสายพันธุ์แมวไทย ที่มีความหลากหลายทั้งในเรื่องของสายพันธุ์และสีสัน และแต่ละสายพันธุ์ก็ยังมีคาแร็คเตอร์ที่แตกต่างกัน จึงได้หยิบเอาส่วนนี้มาเป็นหลักในการออกแบบ นอกจากนี้ยังได้นำเอาสีสันของแมวมาใช้เป็นลวดลายและ และตั้งชื่อมาจากสายพันธ์แมวไทยอีกด้วย

“ชื่อแบรนด์ ARTY&FERN มาจากชื่อเฟิร์นเองกับหุ้นส่วนที่ชื่อว่าอาร์ต คอนเซ็ปต์ของแบรนด์จะมี 2 ส่วน คือส่วนของแว่น Custom-made ที่ต้องมีการวัดหน้าเพื่อออกแบบให้เข้ากับสรีระของลูกค้าและความพึงพอใจในเรื่องของรูปทรง หลังจากนั้นค่อยผลิตออกมา โดยงานส่วนนี้จะเป็นงานแฮนด์เมด ซึ่งเฟิร์นทำเองทุกชิ้น และอีกส่วนค่อนข้างมาทางสายแฟชั่น อย่างเช่นคอลเลคชั่นแมวไทย เป็นคอลเลคชั่นแว่นกันแดดที่มันไม่ใช่แค่แว่นตาธรรมดา แต่จะมีสตอรี่ มีเรื่องราว และสร้างสรรค์มาจากไอเดีย”

อานิกนันท์ เอี่ยมอ่อง

“อานิกนันท์ เอี่ยมอ่อง” เล่าต่ออีกว่า ก่อนหน้านี้เรียนทางด้านดีไซน์ งานที่ทำจึงเป็นงานกราฟิกดีไซเนอร์ ส่วนอาร์ตจะทำเกี่ยวกับสายโฆษณา

“ผลงานที่ชอบที่สุดคือโปรเจ็กต์ที่มีชื่อ ว่า ‘รีไซแคท’ เป็นแว่นตาที่ทำจากวัสดุเหลือใช้จากการทำแว่นอันเก่า นำมาออกแบบให้มีลักษณะคล้ายรูปร่างหน้าตาของแมวจรจัด ซึ่งรายได้ที่ได้จากการจำหน่ายจะนำไปบริจาคให้กับช่วยมูลนิธิแมว”

แว่นตาของแบรนด์ ARTY&FERN มีวางขายที่ห้างสรรพสินค้าสยามเซ็นเตอร์ เกษรวิลเลจ ไอคอนสยาม และร้านขายของดีไซน์ ลูกค้าส่วนใหญ่ของแบรนด์ ARTY&FERN จะเป็นชาวต่างชาติ ยกตัวอย่างเช่น คอลเล็คชั่น “เนตรวิฬาร์” ที่วางขายอยู่ ได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้าเอเชีย เช่น ประเทศเกาหลี ญี่ปุ่น และประเทศจีน

“การที่นักท่องเที่ยวมาเที่ยวเมืองไทยก็ต้องการหาสินค้าที่มาจากนักออกแบบไทย เพื่อให้เห็นถึงเอกลักษณ์ของไทย ถ้ายิ่งเห็นว่ามันมีไอเดียมีสตอรี่ที่เกี่ยวกับความเป็นไทยเข้ามาก็ยิ่งทำให้ชาวต่างชาติยิ่งชอบ” อานิกนันท์ เอี่ยมอ่อง ระบุ

แน่นอนว่ากว่าจะออกแบบผลงานแต่ละชิ้นไม่ใช่เรื่องง่าย หลายครั้งดีไซเนอร์ก็มีช่วงเวลาที่ “สมองตัน” ซึ่ง เฟิร์น-อานิกนันท์ กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า สมองตันเป็นเรื่องธรรมดาของทุกอาชีพ ถ้าโฟกัสกับงานมากเกินไปก็จะถึงจุดที่ทำให้คิดอะไรไม่ออก แต่สำหรับนักออกแบบหรือดีไซเนอร์ ถ้าต้องการพักหรือคิดอะไรไม่ออก ควรต้องออกไปหาแรงบันดาลใจจากข้างนอก อาจจะเป็นการเดินทาง การไปเที่ยวสถานที่ที่เราอยากไป หรือไปดูหนังฟังเพลง กิจกรรมเหล่านี้สามารถเป็นแรงบันดาลใจให้เราและผลักให้ทำงานต่อไปได้

ถึงแม้ตอนนี้สินค้าของแบรนด์ ARTY&FERN จะเรียกได้ว่าได้รับการตอบรักที่ค่อนข้างดี แต่เธอบอกว่านี่เป็นการเพิ่งเริ่มต้นเท่านั้น

“คำว่าประสบความสำเร็จสำหรับนักออกแบบแต่ละคนแตกต่างกัน ขึ้นอยู่ที่แต่ละคนจะวางเป้าหมายไว้ที่จุดไหน แต่สำหรับตัวเฟิร์นเองเพิ่งจะทำแบรนด์นี้มาได้จะประมาณ 4-5 ปี และทำ Custom-made มาแค่ 2 ปี ซึ่งถือว่าเพิ่งจะเริ่มต้น แต่ที่เห็นได้คือธุรกิจที่ทำมีทิศทางที่ดีขึ้น สำหรับเราในตอนนี้ก็ค่อนข้างพอใจแล้ว เรียกว่าประสบความสำเร็จไปอีกระดับนึง ก้าวไปแล้วอีกก้าวนึงมากกว่า ซึ่งก็ยังอยากพัฒนาให้มันโตได้มากกว่านี้”

สำหรับแผนงานในอนาคต อานิกนันท์ระบุว่าจะพัฒนาในเรื่องของกระบวนการและทำให้คุณภาพของแว่นตา custom-made ให้ดียิ่งขึ้น เพราะงานทุกชิ้นเกิดจากความตั้งใจและใส่ใจจริง จึงได้ผลิตเองกับมือทุกชิ้น ขณะที่แว่นคอลเลคชั่นใหม่ก็จะออกมาเรื่อยๆ แน่นอน

ก่อนจะทิ้งท้ายว่า “สำหรับคนที่อยากเป็นดีไซเนอร์ เชื่อว่าคนเหล่านี้รู้ตัวอยู่แล้วว่าชอบอะไร ชอบดีไซน์งานประเภทไหน และสนใจอะไรเป็นพิเศษ แต่สิ่งสำคัญมากไปกว่านั้นเป็นเรื่องของไอเดียมากกว่า การจะสร้างแบรนด์ขึ้นมาได้นั้น ใช้แค่ความชอบคงไม่พอ ต้องมีความคิดสร้างสรรค์ ขยันสร้างความแตกต่าง มีไอเดีย มีแนวคิดที่ไม่เหมือนคนอื่น กล้าคิดกล้าทำ ก็จะทำให้บรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้”

นับเป็นอีกหนึ่งแบรนด์ที่สามารถดึงเอาแพชชั่นของตนเอง ถ่ายทอดออกมาในรูปแบบของชิ้นงานที่มีความสร้างสรรค์ บ่งบอกถึงความเป็นตัวเองและยังสอดแทรกเอกลักษณ์ความเป็นไทยเข้าไปได้อย่างลงตัว