อะโวคาโดสามารถนำมาทำอาหารได้หลากหลายเมนู หรือจะทำเป็นสมูทตี้ก็ดีไม่แพ้กัน วันนี้เรามีสูตรจากนิตยสารแม่บ้านมาบอกค่ะ สำหรับใครที่ชอบทานอาหารเพื่อสุขภาพแล้วล่ะก็ เตรียมจดสูตรแล้วนำไปทำตามกันได้เลยค่ะ

ส่วนผสม แซลมอนอบ

  • ปลาแซลมอน 2 ชิ้น
  • เกลือป่น
  • พริกไทยดำบดหยาบ
  • กระเทียมสับ 2 กลีบ
  • น้ำมะนาว 2 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำมันมะกอก 2 ช้อนโต๊ะ
  • มะนาวหั่นชิ้น
  • ข้าวสวย

ส่วนผสม สลัดมะม่วงอะโวคาโด

  • มะม่วงสุกหั่นเต๋า 1 ถ้วย
  • อะโวคาโดหั่นเต๋า 1 ถ้วย
  • พริกหวานสีแดงหั่นเต๋า 2 ช้อนโต๊ะ
  • ผักชีสับ 1/4 ถ้วย
  • หอมแดงสับ 2 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำมะนาว 1 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำมันมะกอก 1 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำมันมะพร้าว 1 ช้อนโต๊ะ
  • เกลือป่นเล็กน้อย
  • พริกไทยดำบดหยาบเล็กน้อย

วิธีทำสลัดมะม่วงอะโวคาโด

  1. ผสมส่วนผสมทุกอย่างให้เข้ากัน

วิธีทำแซลมอนอบกับสลัดมะม่วงอะโวคาโด

  1. โรยเกลือป่นกับพริกไทยดำบดลงบนปลาแซลมอนให้ทั่ว ใส่กระเทียม น้ำมะนาว และน้ำมันมะกอก คลุกเคล้าให้ทั่วชิ้นปลา
  2. นำปลาแซลมอนวางบนแผ่นอะลูมิเนียมฟอยล์ คลุมให้มิด นำเข้าอบที่อุณหภูมิ 400 องศาฟาเรนไฮต์ ประมาณ 25-30 นาที นำออกจากเตาอบ
  3. ตักข้าวสวยใส่จาน วางปลาแซลมอน ราดสลัดมะม่วงอะโวคาโด จัดเสิร์ฟพร้อมมะนาว

เป็นเมนูเพื่อสุขภาพที่ทำตามไม่ยากเลยใช่ไหมคะ อย่าลืมนำไปลองทำตามกันดูนะคะ

ใครที่มองหาเมนูง่ายๆ ที่ได้ประโยชน์แบบครบถ้วน เราขอเสนอเมนูไข่สุดฮิตอย่างไข่ตุ๋นเนื้อนุ่มละมุนลิ้น ที่เพิ่มประโยชน์ด้วยผักหลากสีสัน กินง่ายทั้งเด็กทั้งผู้ใหญ่ แถมยังอุดมไปด้วยโปรตีนและแคลอรี่ต่ำเอาใจสาวๆ รักษาหุ่นอีกด้วย

ส่วนผสม

ไข่ไก่2ฟอง
ไข่ไก่ (เฉพาะไข่ขาว)2ฟอง
น้ำเปล่า1ถ้วย
ซอสหอยนางรม1ช้อนโต๊ะ
ซีอิ๊วขาว1ช้อนชา
น้ำมันงา1ช้อนชา
กุ้งสับ3ตัว
เห็ดหอมหั่นบางๆ 2ดอก
แครอทหั่นเต๋า2ช้อนโต๊ะ
ฟักทองหั่นเต๋า2ช้อนโต๊ะ
หอมหัวใหญ่หั่นเต๋า2ช้อนโต๊ะ
ต้นหอมซอย2ต้น

วิธีทำ

  1. ผสมไข่ไก่ ไข่ขาว ตีให้เข้ากัน ปรุงรสด้วยซอสหอยนางรม ซีอิ๊วขาว เพิ่มกลิ่นหอมด้วยน้ำมันงา ตีให้เข้ากันดี กรองด้วยตะแกรงตาถี่ 2 รอบเพื่อให้ได้ไข่ตุ๋นเนื้อเนียนสวย
  2. เตรียมถ้วยกระเบื้องทนความร้อน ใส่กุ้งสับ เห็ดหอม แครอท ฟักทอง และหอมหัวใหญ่ลงไป แล้วตักไข่ที่กรองแล้วใส่ลงไปในถ้วย
  3. นำไปนึ่งด้วยไฟปานกลาง ประมาณ 15-18 นาที ยกลง ก่อนเสิร์ฟโรยต้นหอมผักชีเพื่อความสวยงาม

ที่มา : บล็อกเล่าเก้าสิบ

ได้ยินชื่อเมนูอาหารสุดแปลกนี้ว่า “ลาบหมาน้อย” หลายคนที่ไม่รู้จักอาจคิดว่า เป็นลูกสุนัขหรือหมาตัวเล็กๆ แสนจะน่ารัก ฆ่าแล้วเอาเนื้อมาทำลาบ แต่ผิดถนัด เพราะถ้าถามคนอีสานถึงเมนูพื้นบ้านนี้ เป็นพืชชนิดหนึ่ง มีอยู่กระจายตามภาคต่างๆ ของประเทศ และมีชื่อเรียกหลายชื่อตามถิ่นที่พบ เช่น กรุงเขมา ขงเขมา เปล้าเลือด และหมอน้อย (หมาน้อย) โดยมีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Cissampelos pareira L. var. hirsuta (Buch. ex DC.) Forman

ลักษณะของลำต้นเป็นไม้เถาเลื้อย มีขนนุ่มสั้นปกคลุมหนาแน่นตามเถา กิ่ง ช่อดอก และใบ ไม่มีมือเกาะ มีรากสะสมอาหารใต้ดิน ใบเป็นใบเดี่ยว มีหลายรูป เช่น รูปหัวใจ รูปกลม รูปไต หรือรูปไข่กว้าง ก้นใบปิด ออกแบบสลับ กว้าง 4.5-12 เซนติเมตร ยาว 4.5-11 เซนติเมตร ปลายใบส่วนมากมนหรือเรียวแหลม โคนใบกลมตัด หรือเป็นรูปหัวใจ ขอบใบเรียบ เนื้อบางคล้ายกระดาษ มีขนนุ่มสั้นกระจาย ทั้งหลังใบและท้องใบ ใบเมื่อยังอ่อนจะมีขนอ่อนนุ่มปกคลุมอยู่ทั้งสองด้าน และตามขอบใบ แต่ขนจะร่วงไปเมื่อใบแก่ขึ้น พบมากในภาคอีสาน และมีการนำไปทำอาหาร อดีตพบได้ตามป่า จึงเป็นของหายาก

จากการสอบถามผู้เฒ่าผู้แก่ถึงชื่อ ต้นหมาน้อย อาจมีการเรียกเพี้ยน จากหมอน้อย ที่มีสรรพคุณทางยาสมุนไพรที่หลากหลาย ทั้งเป็นยาแก้ร้อนใน แก้โรคตับ รากมีกลิ่นหอม รสสุขุม ใช้แก้ไข้ แก้ดีรั่ว ดีล้น ดีซ่าน เป็นยาขับปัสสาวะ ยาถ่าย

แก้ไข้มาลาเรีย ใช้เป็นยาเจริญอาหาร ยาอายุวัฒนะ แก้ลม โลหิต กำเดา แก้โรคตา ยาช่วยย่อย แก้ท้องร่วง บวมน้ำ แก้ไอ ขัดเบา กระเพาะปัสสาวะอักเสบ และใช้ในรายถูกงูกัด เป็นยาลดไข้ แก้ปวดท้อง โรคหนองใน ยาขับน้ำเหลืองเสีย เป็นต้น

ที่มาของชื่อ อีกทางหนึ่งอาจมาจากเมื่อนำมาทำลาบแล้ว เป็นของหายาก คนในอดีตจะเรียกเป็นลาบหมาน้อย ก็จะทำให้คนไม่รู้จักพืชชนิดนี้ ไม่กล้าที่จะมากินด้วย เพราะคิดว่า ฆ่าหมาแล้วเอามาทำเป็นลาบกินกับข้าว นอกจากต้นหมาน้อย จะสามารถนำไปทำเป็นลาบเมนูพื้นบ้านแล้ว ก็ยังทำเป็นของหวานได้ด้วย โดยใบของหมาน้อยนี้ จะมีรสชาติจืด จึงทำให้สามารถเติมรสชาติที่ต้องการลงไปได้

ด้วยคุณลักษณ์ที่เป็นประโยชน์อย่างมากมายของอาหารพื้นบ้านชนิดนี้ กลุ่มแม่บ้านบุ่งหวาย อำเภอวารินชำราบ จังหวัดอุบลราชธานี จึงมีการรณรงค์ให้คนในหมู่บ้านเอาต้นหมาน้อย ซึ่งอดีตพบมีแต่ในป่ามาปลูกไว้ตามหน้าบ้าน หลังบ้าน เพื่อให้มีอาหารสมุนไพรไว้ปรุงให้ลูกหลาน หรือแขกที่มาเยือนชุมชนได้กิน รวมทั้งยังเป็นการสืบทอดเมนูอาหารพื้นบ้านไม่ให้จางหายไปจากวัฒนะชนบทที่มีการเปลี่ยนแปลงไปตามความสะดวกสบายของสังคมยุคปัจจุบัน

เครื่องปรุง
ใบเครือหมาน้อยที่ปลูกไว้ข้างบ้าน
แซ่บมาก ต้องลอง!

คุณศิริลักษ์ นำภา หรือ แม่หอม แกนนำกลุ่มแม่บ้านบุ่งหวาย ได้เล่าถึงเรื่องราวความเป็นมาที่คนยุคปู่ย่าตายาย เอาเครือไม้ชนิดมาทำเป็นลาบหมาน้อยกินกับข้าวเหนียว ก็เนื่องจากหลังไปทำไร่ทำนาตามป่าเขา ก็จะพบกับต้นหมาน้อยขึ้นอยู่ จึงเก็บเอาใบมาทำเป็นลาบกิน เพราะอดีตอาหารตามท้องถิ่นหากินค่อนข้างยาก ไม่เหมือนกับสมัยนี้

เมื่อพบว่านอกจากเป็นพืชที่สามารถกินได้แล้ว ยังมีสรรพคุณเป็นยาสมุนไพรที่หลากหลาย จึงมีการนำมาประกอบเป็นอาหารหลายเมนูให้ลูกให้หลานได้กินกันในครัวเรือน แทนต้องไปกินยาวิทยาศาสตร์เวลามีอาการเจ็บป่วย

ส่วนกระบวนการนำมาปรุงทำเป็นลาบนั้น จะใช้ในส่วนของใบที่มีสารเพคติน เมื่อขยำใบกับน้ำแล้วทิ้งไว้จะแข็งตัวเป็นวุ้น มีความกรุบๆ เหมือนเคี้ยววุ้น ซึ่งเป็นลักษณะเฉพาะของหมาน้อย เมื่อกินเข้าไปแล้ว จะรู้สึกเย็นๆ ในท้อง

สำหรับส่วนผสมในการทำลาบนั้น จะมีพริกป่น ปลาร้า น้ำปลา ต้นหอม ผักชี ตะไคร้ ขั้นแรกจะนำใบหมาน้อยมาล้างแล้วนำมาขยำกับน้ำเปล่าจนได้น้ำสีเขียวเข้มออกมา กรองเอาแต่น้ำ จากนั้นนำน้ำหมาน้อยที่ได้มาปรุงรสสัดส่วนตามต้องการ ใส่เนื้อปลา พริกป่น ปลาร้าสับ น้ำปลา ต้นหอม ผักชี ตะไคร้ คนให้เข้ากัน เทใส่ภาชนะแล้วทิ้งไว้จนจับตัวเป็นก้อนวุ้น เพียงเท่านี้ก็พร้อมกิน จึงเป็นเมนูลาบหมาน้อยที่ทำได้ง่ายและดีต่อสุขภาพ แม่หอมยังได้ฝากถึงใครที่สนใจต้องการทำลาบหมาน้อยสามารถโทร.มาสอบถาม หรือจะสั่งไปกินก็ได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ (083) 755-8995

ที่มา : เทคโนโลยีชาวบ้านออนไลน์                                                                                                                                                                                                                                                                                        ผู้เขียน : พงษ์สันต์ เตชะเสน

ส่วนผสม

  1. มันฝรั่งต้มสุกยีแล้ว 2 ถ้วยตวง
  2. น้ำตาลฟรุกโตสไซรัป 5 ช้อนโต๊ะ
  3. น้ำส้มสายชูหมัก 5 ช้อนโต๊ะ
  4. น้ำส้มเขียวหวาน (ใส่พอให้หายข้น) เล็กน้อย
  5. เกลือป่น เล็กน้อย
  6. น้ำมะนาว 1 ช้อนโต๊ะ
  7. มัสตาร์ดผสมแล้ว 2 ช้อนชา หรือตามชอบ
  8. พริกหวาน หอมใหญ่ มะเขือเทศ ตามชอบ

วิธีทำ

  1. ต้มมันฝรั่งทั้งเปลือกให้สุกแล้วจึงลอกเปลือกออก ใช้เครื่องบีบเป็นฝอยๆ
  2. ใส่น้ำส้มสายชู น้ำมะนาว น้ำส้มเขียวหวาน น้ำตาลฟรุกโตสไซรัป นำมันฝรั่งบีบเป็นฝอยแล้วใส่ลงในโถปั่นไฟฟ้า ถ้าจำนวนมากเกินครึ่งโถให้แบ่งปั่นเป็น 2 รอบ ปั่นให้ละเอียดและเนื้อเนียนดี ถ้าข้นไปเติมน้ำส้มเขียวหวาน
  3. หั่นพริกหวาน หอมใหญ่ มะเขือเทศใช้แต่เนื้อ หั่นเป็นรูปสี่เหลี่ยมเล็กๆ อบไมโครเวฟให้สุก แล้วใส่ลงในน้ำสลัดที่ปั่นไว้
  4. ชิมน้ำสลัดให้ได้รสดี เทใส่อ่างสเตนเลส ตั้งไฟอ่อนๆ
  5. ใช้ที่ตีไข่หัวตะกร้อคนไปจนร้อนทั่วกัน แต่ไม่ต้องให้เดือด ไม่ให้ไหม้ก้นอ่าง
  6. ทิ้งไว้จนเย็น กรอกใส่ขวดแก้ว (ที่ผ่านการต้มฆ่าเชื้อในน้ำเดือดแล้วคว่ำให้แห้ง) เมื่อเย็นสนิทจึงปิดฝา แล้วเก็บไว้ในตู้เย็น

หมายเหตุ : ไม่ควรเก็บไว้ (ในตู้เย็น) นานเกิน 3 วัน

สารอาหารที่ได้รับ

คาร์โบไฮเดรต 156.13 กรัม

ไขมัน 0.5 กรัม

โปรตีน 9.5 กรัม

พลังงาน 648.75 กิโลแคลอรี่

ข้อมูลจาก : หนังสือเมนูสบายใจ ต้านภัยเบาหวาน สำนักพิมพ์มติชน

“กินอะไร ได้อย่างนั้น” อาหารที่ดีส่งเสริมสุขภาพช่วยให้มีร่างกายแข็งแรง และมีความสำคัญอย่างยิ่งในวัยเจริญเติบโตของหนูน้อย คุณพ่อคุณแม่ทั้งหลายต้องใส่ใจเป็นพิเศษเพื่อพัฒนาการของลูกที่สมบูรณ์ในอนาคต

วันนี้ “มติชน อคาเดมี” นำเสนอเมนูอาหารรสชาติอร่อย ที่อุดมไปด้วยคุณค่าโภชนาการครบถ้วนเพื่อคุณหนูๆ ที่กำลังอยู่ในวัยหัดรับประทานอาหารประเภทผักและผลไม้ ด้วยเมนู “สเต็กปลาแซลมอน” เสิร์ฟคู่กับ “สลัดผักและผลไม้ ราดน้ำสลัดเทาซันไอส์แลนด์” และ “สมูทตี้มะม่วงราสพ์เบอรี่” เครื่องดื่มผสมผสานรสหวานและรสเปรี้ยวอย่างลงตัว

พิเศษสุดๆ กับ เมอร์เซเดส-เบนซ์ ลีสซิ่ง ที่จะมาสร้างสรรค์เมนูอร่อยครบ 5 หมู่ โดยร่วมกับเชฟมืออาชีพจาก เลอ กอร์ดอง เบลอ ดุสิต คอยดูแลและให้คำแนะนำทุกขั้นตอน ในการทำเมนูอาหารเพื่อสุขภาพสำหรับลูกน้อยให้แก่ครอบครัวของลูกค้าคนพิเศษ ในเวิร์คช็อป “Healthy Cooking for Kids by MBLT”

“เชฟปิแอร์ ริโมโน” (Chef Pierre Rimoneau) อาจารย์ผู้สอนประจำโรงเรียนสอนการประกอบอาหาร เลอ กอร์ดอง เบลอ ดุสิต บอกเล่าถึงเวิร์คช็อปครั้งนี้ว่า เมนูอาหารที่เลือกมาได้แก่ สเต็กปลาแซลมอน รับประทานคู่กับสลัดผักและผลไม้ และสมูทตี้มะม่วงราสพ์เบอรี่ที่มีรสชาติกลมกล่อม หวานกำลังดี

เชฟปิแอร์ ริโมโน

“เมนูเหล่านี้ได้รับการคัดสรรมาแล้วเป็นอย่างดีว่าเป็นเมนูที่ทานง่าย เหมาะสำหรับสมาชิกทุกคนในครอบครัว โดยเฉพาะสำหรับเด็ก เนื่องจากเป็นอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง แต่ยังคงไว้ด้วยรสชาติที่อร่อย สามารถรับประทานได้ง่าย ตอบโจทย์คุณพ่อคุณแม่ที่อยากให้ลูกๆ รับประทานผัก และผลไม้ได้เป็นอย่างดี”

ด้านบรรยากาศการเรียนทำอาหาร Healthy Cooking for Kids by MBLT ครั้งนี้เต็มไปด้วยความสนุกสนาน เด็ก ๆ ตั้งใจทำอย่างแข็งขัน ทั้งหั่นผัก ล้างผลไม้ ลองทำน้ำสลัดด้วยตนเอง รวมไปถึงการลงมือย่างปลาแซลมอนกับคุณพ่อคุณแม่ มีเสียงหัวเราะคึกคักตลอดทั้งงาน พร้อมได้รับคำแนะนำอย่างใกล้ชิดจากเชฟของ เลอ กอร์ดอง เบลอ ดุสิตอีกด้วย

เปิดเคล็ดลับในการปรุงอาหารเพื่อสุขภาพให้อร่อย จากเชฟปิแอร์

สเต็กปลาแซลมอน

เชฟปิแอร์ บอกว่าปลาแซลมอนควรเป็นปลาคุณภาพดีที่มาจากแหล่งธรรมชาติ ซึ่งจะมีเนื้อหวานอร่อย และอุดมไปด้วยไขมันชนิดดี มีกรดไขมันโอเมก้า 3 โปรตีน และวิตามินต่างๆ ช่วยในการบำรุงสุขภาพและสมอง

“การเลือกปลาทั้งตัว ตาต้องใส เหงือกมีสีแดงสด ไม่มีกลิ่นเหม็นและเมือกใส หากเลือกปลาที่แล่เป็นชิ้นแล้ว เกล็ดปลาต้องยังติดแน่น ไม่มีกลิ่นเหม็น เนื้อปลาแน่นและคืนตัวเมื่อกดลงไป”

สำหรับเคล็ดลับในการย่างปลาแซลมอนในกระทะให้อร่อยนั้น ต้องอาศัยการใช้อุณหภูมิที่เหมาะสมคือ 43 – 45 องศาเซลเซียส จนได้เนื้อปลาสีสวย น่ารับประทาน หากระหว่างย่างมีควันขึ้น ให้ยกกระทะออกจากเตาก่อน เพื่อให้หายร้อน และเมื่อควันหายไปจึงยกกลับมาย่างใหม่ ซึ่งง่ายกว่าที่เราจะไปปรับหมุนหัวเเก๊สเพื่อปรับไฟ

“กว่าจะปรับหาไฟในจุดที่สุกพอดีก็จะลำบาก เพราะฉะนั้นให้ดึงกระทะออกมาดีกว่า ต้องใจเย็นๆ อย่าใจร้อน ใช้ไฟอ่อนๆ พอปลาสุกได้ครึ่งชิ้น ให้ยกกระทะออกมาพักไว้แล้วปิดฝาให้สนิท ให้ความร้อนที่มีอยู่ระอุให้เนื้อปลาชิ้นข้างบน ค่อยๆสุกไปทีละนิด”

โดยปกติแล้วการย่างปลาทั่วไปจะใช้วิธีพลิกปลาไปมาจนสุก แต่สำหรับสเต็กปลาแซลมอนในเวิร์คช็อปครั้งนี้ ได้ใช้วิธีการย่างแบบด้านเดียว หรือที่เรียกว่า “Unilateral” เพื่อไล่ระดับความสุกให้ทั่วทั้งชิ้น และยกระดับรสชาติของปลาด้วยเกลือและพริกไทยเป็นขั้นตอนสุดท้าย การย่างด้วยวิธีนี้จะทำให้เนื้อปลาไม่สุกจนเกินไป แต่ยังคงความนุ่ม ฉ่ำ เมื่อรับประทานแล้วจะได้รสหวานในเนื้อปลาจากธรรมชาติได้มากกว่าการย่างแบบปกติ

 

สลัดผักและผลไม้ ราดน้ำสลัดเทาซันไอส์แลนด์

มาถึงเมนูเพื่อสุขภาพที่จะทำให้รักการกินผักขึ้นมา โดยเชฟปิแอร์บอกถึงการเลือกผักสลัดและผลไม้ชนิดต่างๆ ว่าควรมีคุณค่าทางโภชนาการสูง และมีรสชาติหวาน อร่อย ถูกปากเด็กๆ อย่างแอปเปิลเขียว แอปเปิลแดง องุ่นเขียว องุ่นแดง สตรอว์เบอรี่ และมะม่วง ที่ล้วนมีส่วนช่วยในการต่อต้านอนุมูลอิสระ อุดมไปด้วยไฟเบอร์ที่ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด ป้องกันโรคมะเร็ง อีกทั้งยังเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน และช่วยทำให้ผิวพรรณสวยใส เปล่งปลั่ง ดูมีสุขภาพผิวที่ดี

“นอกจากคุณค่าทางอาหารและรสชาติของผักและผลไม้แต่ละชนิดแล้ว ผู้ประกอบอาหารยังต้องคำนึงถึงรสชาติโดยรวมที่ต้องสามารถเข้ากันได้ดี และมีสีสันที่สวยงามน่ารับประทานเมื่อนำมาคลุกรวมกับน้ำสลัด”

พร้อมบอกเคล็ดลับในการทำน้ำสลัดว่า ถ้าเราละลายเกลือกับน้ำส้มสายชูก่อน เกลือจะละลายได้ แต่ถ้าไม่ละลายก่อนเเล้วใส่น้ำมันลงไปเลย เกลือจะไม่ละลายในน้ำมัน เเล้วจะเห็นว่ามายองเนสจะมีจุดขาวๆ อยู่ ทำให้ไม่สวยงาม เพราะกว่าเกลือจะละลายได้ต้องอาศัยความชื้นจากมัสตาร์ด ทำให้มองเห็นเป็นจุด เนื้อก็จะไม่สวย จึงต้องละลายเกลือให้เรียบร้อยเสียก่อน อีกทั้งให้ค่อยๆ รินน้ำมันเป็นเส้นบางๆ ไปเรื่อยๆ อีกมือหนึ่งก็ตีไปไม่ต้องหยุด เพื่อให้น้ำมันเข้าเป็นเนื้อเดียวกันกับส่วนผสมที่อยู่ในชาม ค่อยๆ คลายเป็นเนื้อครีมข้นๆ ขึ้นมา

“น้ำสลัดที่ใช้ควรคัดสรรวัตถุดิบที่ไม่มีสารเคมีและวัตถุเจือปน เพื่อมาเป็นตัวช่วยเสริมรสชาติของสลัดผักและผลไม้ หนึ่งในน้ำสลัดที่เหมาะสำหรับเด็กมากที่สุดคือน้ำสลัดเทาซันไอส์แลนด์ เนื่องจากเป็นน้ำสลัดชนิดที่รับประทานง่าย และมีรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์”

เครื่องดื่มสมูทตี้มะม่วงราสพ์เบอรี่

ตามมาติดๆ ด้วยเมนูเครื่องดื่มที่อุดมไปด้วยคุณประโยชน์หลากหลายอย่าง “สมูทตี้มะม่วงราสพ์เบอรี่” ซึ่งเชฟปิแอร์บอกว่าเป็นสูตรที่ผสมกันระหว่างผลไม้ไทย ที่มีรสชาติหวานโดดเด่น บวกกับความเปรี้ยวของราสพ์เบอร์รี่ที่จะมอบความสดชื่น กระปรี้กระเปร่าตลอดทั้งวัน เหมาะสำหรับทุกคนในครอบครัว และเป็นที่ชื่นชอบของเด็กๆ โดยเทคนิคการทำนั้นไม่ควรปั่นนานจนเกินไป

ปิดท้ายด้วยเคล็ดลับในการปรุงอาหารเพื่อสุขภาพให้อร่อยจากเชฟปิแอร์ของ เลอ กอร์ดอง เบลอ ดุสิต นั่นก็คือ “คุณภาพ” ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญในการปรุงอาหารเพื่อสุขภาพที่เชฟทุกคนให้ความใส่ใจเป็นอันดับแรก การปรุงอาหารจึงควรมีความพิถีพิถันในการคัดสรรวัตถุดิบที่ดีที่สุด เพราะนอกจากจะได้รับประโยชน์สูงสุดจากคุณค่าทางอาหารของวัตถุดิบแต่ละชนิดแล้ว ยังทำให้อาหารมีรสชาติอร่อยจากธรรมชาติโดยไม่ต้องปรุงแต่งรสชาติมากอีกด้วย

เรียกได้ว่าเต็มอิ่มทั้งความรู้ อาหารและความสนุกสนานกับเวิร์คช็อปสุดพิเศษ Healthy Cooking for Kids by MBLT กันอย่างเต็มที่ โดยคุณ “ไมเคิล บราวน์” กรรมการบริหารฝ่ายขายและการตลาด บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ ลีสซิ่ง (ประเทศไทย) จำกัด ฝากถึงกิจกรรมดีๆ เช่นนี้ว่า “ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา เมอร์เซเดส-เบนซ์ ลีสซิ่ง ได้มุ่งสร้างสรรค์กิจกรรมเพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างลูกค้าและบริษัทมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อแทนคำขอบคุณแก่ลูกค้าที่ให้ความไว้วางใจและให้การสนับสนุนบริการของเราด้วยดีเสมอมา โดยแต่ละกิจกรรมจะตรงกับความสนใจ และไลฟ์สไตล์ของลูกค้า โดยในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมให้ทุกครอบครัวเล็งเห็นถึงความสำคัญของอาหารที่มีประโยชน์ภายใต้การดูแลอย่างใกล้ชิดและเป็นกันเอง”