ทุกวันนี้มีทางเลือกในการกินมากขึ้น มังสวิรัติก็เช่นเดียวกัน มังสวิรัติไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่ก็ไม่ใช่เรื่องเก่า โดยเฉพาะในยุคนี้ที่ผู้คนเริ่มตื่นตัวเรื่องสิ่งแวดล้อมและสุขภาพมากขึ้น เมื่อมีกลุ่มคนที่เห็นว่าการทานเนื้อสัตว์ของพวกเขาอาจไม่เป็นผลดีกับตัวเอง และถึงเวลาที่ควรปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกินใหม่ จนกลายเป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการดูแลสุขภาพได้

รพ.สมิติเวช เปิดบริการ “หมอสมิติเวชช่วยดู” แนะนำอาหารเพื่อสุขภาพส่งตรงถึงบ้านคุณ “หมอสมิติเวชช่วยดู” แกร็บช่วยส่ง ช่วยกันสร้างแพลตฟอร์มที่แข็งแกร่ง เป็นทางเลือกสุขภาพที่ดีให้กับผู้ใช้บริการ สามารถนำคะแนน Grab Rewards มาแลกเป็นส่วนลดค่าเวชภัณฑ์ 10 % (เฉพาะค่ายา ค่าตรวจทางห้องปฏิบัติการบางรายการ และค่าฉายรังสี โดยยกเว้นค่ายา ค่าตรวจทางห้องปฎิบัติการ และค่าฉายรังสีบางรายการ) สุดท้ายยังมีส่วนลดพิเศษค่าส่ง หากสั่งอาหารมาส่งที่โรงพยาบาลสมิติเวช (สุขุมวิท ศรีนครินทร์ ไชน่าทาวน์ และธนบุรี) ทั้งหมดนี้เริ่มให้บริการตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์

โดย5เมนูวังสวิรัติที่หมอสมิติเวชช่วยดู
  1. สเต็กอกไก่ขมิ้นซอสพริกไทยดำ จากร้าน May Veggie Home

    ร้าน May Veggie Home  ใจกลางกรุงเทพ เป็นร้านอาหารมังสวิรัติที่เปิดขายมานานหลายปี เมนูเด็ดทางร้านอย่าง “สเต็กอกไก่ขมิ้นซอสพริกไทยดำ” เป็นเนื้อปลาโปรตีนเกษตร ทานกับน้ำยำแซ่บๆและผักสดออแกนิกเพื่อให้อาหารดูน่ารับประทาน และมีโปรตีนอย่างครบถ้วน

Picture1

2.Vegan Organic Tropical Salad จากร้าน FeverFew Bangkok

สายรักษาสุขภาพไม่ควรพลาด กับร้าน FeverFew Bangkok ย่านสุขุมวิท เป็นร้านที่ใช้วัตถุดิบ organic รวมทั้งมีสารต้านอนุมูลอิสระจากผักหลากสีด้วยการคัดสรรวัตถุดิบที่มีคุณภาพดีที่สุด ไม่ควรพลาดกับเมนู “Vegan Organic Tropical Salad” ซึ่งวัตถุดิบที่ใช้ประกอบอาหารนั้นปลอดสารและอร่อยแน่นอน

3.Vegan BBQ Pulled Pork Burger จากร้าน Veganerie Concept

Veganerie Concept พร้อมพงษ์  ร้านอาหารสำหรับสายมังสวิรัติที่อาหารทุกจานจะไม่ใช้เนื้อสัตว์และของที่ร้านปรุงสดใหม่ทุกเมนู  โดยเฉพาะเมนู “Vegan BBQ Pulled Pork Burger” นั่นคือเบอร์เกอร์แบบวีแกนนั่นเอง ซึ่งจะได้ประโยชน์เน้นๆ จากเส้นใยอาหารจากเส้นพาสต้าซูคินี่และมะเขือเทศสด ซึ่งเหมาะสำหรับสายมังวิรัติที่กำลังหาเมนูใหม่แบบไม่จำเจอย่างแน่นอน

4.ส้มตำคีนัว จากร้าน Broccoli Revolution

ส้มตำร้าน Broccoli Revolution  ขอนำเสนอเมนู “ส้มตำควินัว” ทางร้านได้เปลี่ยนจากเนื้อสัตว์กลายเป็นถั่วเลนทิล ถั่วนานาชนิด และเติมโปรตีนและเส้นใยอาหารให้เมนูโปรดของคนไทยด้วยควินัว ธัญพืชเด่นจากเปรูที่ให้คุณประโยชน์ที่ดีต่อร่างกาย เมนูนี้จะมีเครื่องเคียงอย่างข้าวโพด ถั่วลันเตา และแครอทมาให้กินอีกด้วย รับรองมากินร้านนี้ไม่ทำให้สายมังสวิรัติต้องผิดหวังกลับไปแน่นอน

5.Superfood Detox จากร้าน Farmfactory

Farm Factory ร้านอาหารสำหรับคนใส่ใจสุขภาพ เมนูเด็ดจากทางร้านอย่าง “Superfood Detox” จานนี้โดดเด่นที่สารต้านอนุมูลอิสระอัดแน่นใน Superfood หลากหลาย รวมทั้งมีน้ำสลัดมะนาวที่ออกเเนวสดชื่น เข้ากันได้ดีมากกับแอปเปิ้ลเขียวและสับปะรด ที่ทานคู่กับควีนัวได้อย่างไม่กระด้างและทานง่าย

ผู้คนในยุคนี้เริ่มตื่นตัวเรื่องสุขภาพและสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ทุกวันนี้จึงมีทางเลือกในการกินมากขึ้นมังสวิรัติก็เช่นเดียวกัน ทุกคนอาจจะเข้าใจว่าคนที่ทานมังสวิรัติคือคนที่ไม่ทานเนื้อสัตว์เลย แต่จริงๆแล้วการรับประทานมังสวิรัติรับประทานได้หลายรูปแบบ ตามความสะดวกและความเหมาะสมของชีวิตตัวเองในแต่ละคน

รูปแบบการรับประทานอาหารแบบมังสวิรัติ เป็นการเน้นรับประทานพืชผัก และละเว้นจากเนื้อสัตว์ซึ่งสามารถแบ่งตามลำดับของความเคร่งครัดได้คือ

1.มังสวิรัติทั่วไป คือ การเน้นรับประทานอาหารจำพวกผัก ผลไม้พืชตระกูลถั่วและธัญพืชต่างๆ หลีกเลี่ยงการรับประทานเนื้อสัตว์ปลา และ สัตว์ปีก

2.กึ่งมังสวิรัติ คือ การเน้นรับประทานอาหารจำพวกผัก ผลไม้พืชตระกูลถั่วและธัญพืชต่างๆ โดยงดเว้นเนื้อสัตว์สีแดงหรือสัตว์ใหญ่แต่สามารถรับประทานเนื้อปลา เนื้อไก่รวมทั้งผลิตภัณฑ์ที่ทำจากนมและไข่ได้

3.มังสวิรัตินม คือ การเน้นรับประทานอาหารจำพวกผัก ผลไม้พืชตระกูลถั่วและธัญพืชต่างๆ รวมไปถึงผลิตภัณฑ์จากนม แต่ไม่ทานเนยแข็ง เพราะ มีส่วนผสมของเจลาตินที่ทำมาจากเยื่อบุผิวของกระเพาะสัตว์

4.มังสวิรัติไข่ คือ การเน้นรับประทานอาหารจำพวกผัก ผลไม้พืชตระกูลถั่วและธัญพืชต่างๆ โดยงดเว้นเนื้อสัตว์ แต่สามารถรับประทานนมไข่และ ผลิตภัณพ์จากไข่ได้

5.มังสวิรัตินมและไข่ คือ การเน้นรับประทานอาหารจำพวกผัก ผลไม้พืชตระกูลถั่วและธัญพืชต่างๆ รวมทั้งนมชีส ผลิตภัณฑ์ที่ทำจากนมและไข่ต่างๆ

6.มังสวิรัติปลา คือ การเน้นรับประทานอาหารจำพวกผัก ผลไม้พืชตระกูลถั่วและธัญพืชต่างๆ รวมทั้งเนื้อปลาและอาหารทะเล

7.มังสวิรัติบริสุทธิ์ คือ การเน้นรับประทานอาหารจำพวกผัก ผลไม้เพียงอย่างเดียวโดยงดเว้นการรับประทานเนื้อสัตว์หรือใช้ผลิตภัณฑ์ที่ทำมาจากสัตว์ทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นเนื้อสัตว์ ไข่ น้ำผึ้ง เสื้อขนสัตว์ผ้าไหม เครื่องหนัง ที่นอน ขนเป็ด ไปจนถึงสบู่ ยาสระผม หรือ ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวพรรณจากไขมันสัตว์

สำหรับคนที่กินมังสวิรัติ ทำให้อาจได้รับสารอาหารที่ร่างกายต้องการไม่ครบทุกชนิด ลองมาดูกันว่า 10 อาหารคุณภาพสำหรับคนกินมังสวิรัตินั้นมีอะไรบ้าง

1.ข้าวผสมธัญพืช

คนที่กินมังสวิรัติมักขาดวิตามินกลุ่มบี แก้ได้โดยกินข้าวผสมธัญพืช ช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันให้ร่างกาย

สารอาหารที่พบในธันพืช ได้แก่ คาร์โบไฮเดรต เส้นใยอาหาร วิตามินกลุ่มบี วิตามินอี วิตามินเค แคลเซียม ธาตุเหล็ก ซึ่งมีประโยชน์ต่อร่างกายคือช่วยบำรุงกระดูก

2.เมล็ดฟักทอง

ซีลีเนียมมักอยู่ในเนื้อสัตว์ คนที่กินมังสวิรัติควรกินเมล็ดฟักทอง เพื่อเสริมซีลีเนียมและเพิ่มภูมิคุ้มกันให้แก่ร่างกาย

ในเมล็ดฟักทองยังมีสารอาหารประเภทโปรตีน ไขมัน คาร์โบไฮเดรต เส้นใยอาหาร วิตามินอี โพแทสเซียมฟอสฟอรัส ธาตุเหล็ก สังกะสี

3.ถั่วลิสง

ถั่วลิสงอุดมไปด้วยธาตุเหล็กซึ่งเป็นแร่ธาตุที่คนกินมังสวิรัติมักขาดหรือรับไม่เพียงพอ ช่วยคลายความเมื่อยล้า

โดยสารอาหารที่พบในถั่วลิสง ได้แก่ โปรตีน ไขมัน คาร์โบไฮเดรต วิตามินกลุ่มบี วิตามินอี โพแทสเซียม แคลเซียม แมกนีเซียม ฟอสฟอรัส ธาตุเหล็ก สังกะสี

ประโยชน์ของถั่วลิสง คือ เสริมแคลเซียม เพิ่มภูมิคุ้มกันป้องกันโรคโลหิตจาง

4.ข้าวโพด

วิตามินบี 12 ส่วนใหญ่อยู่ในเนื้อสัตว์ ปลา ไข่ และนม และเป็นวิตามินที่คนกินมังสวิรัติมักขาดหรือรับไม่เพียงพอ ซึ่งข้าวโพดช่วยป้องกันโรคโลหิตจางได้ เพราะในข้าวโพดมีโปรตีน คาร์โบไฮเดรต เส้นใยอาหาร วิตามินกลุ่มบี โพแทสเซียม ซิลีเนียม สารซีแซนทิน

โดยรวมข้าวข้าวโพดมีประโยชน์ต่อร่างกาย คือ บำรุงกำลัง ช่วยให้ขับถ่ายคล่อง คลายความเมื่อยล้า เพิ่มภูมิคุ้มกัน

5.ปวยเล้ง

คนที่กินมังสวิรัติมักขาดธาตุเหล็ก จึงควรกินปวยเล้งซึ่งอุดมไปด้วยธาตุเหล็ก ป้องกันโรคโลหิตจาง

ในปวยเล้งมีสารอาหารประเภทเส้นใยอาหาร วิตามินเอ วิตามินเค โฟเลต แคโรทีน แคลเซียม โพแทสเซียม ธาตุเหล็ก คลอโรฟิลล์ มีประโยชน์ต่อร่างกายคือ ช่วยเสริมแคลเซียม เพิ่มภูมิคุ้มกัน ช่วยในการขับถ่าย

6.ตั้งโอ๋

เส้นใยอาหารที่มีอยู่มากในตั้งโอ๋ช่วยกระตุ้นการบีบตัของกระเพาะและลำไส้ ทำให้ขับถ่ายคล่อง

ในตั้งโอ๋มีเส้นใยอาหาร วิตามินเอ วิตามินซี วิตามินอี โซเดียม โพแทสเซียม แคลเซียม ธาตุเหล็ก แคโรทีน ซึ่งมีประโยชน์คือช่วยเสริมสร้างแอนติออกซิแดนต์

7.สะเดาจีน

สะเดาจีนอุดมไปด้วยแคลเซียม ช่วยให้กระดูกแข็งแรง จึงเหมาะสำหรับคนที่กินมังสวิรัติ ป้องกันโรคกระดูกพรุน

สารอาหารที่พบในสะเดาจีน ได้แก่ คาร์โบไฮเดรต เส้นใยอาหาร วิตามินเอ วิตามินซี วิตามินเค โพแทสเซียม ฟอสฟอรัส แคลเซียม ธาตุเหล็ก ซึ่งมีประโยชน์ต่อร่างกายคือช่วยเสริมสร้างแอนติออกซิเดนต์ บำรุงกำลังเพิ่มภูมิคุ้มกัน

8.ถั่วงอก

ถั่วงอกอุดมไปด้วยโปรตีน ทำให้ร่างกายมีกำลังวังชา ในถั่วงอกมีสารอาหารจำพวก โปรตีน เส้นใยอาหาร วิตามินเอ วิตามินซี แคลเซียม

9.เห็ดหอม

วิตามินดีในเห็ดหอมช่วยดูดซึมแคลเซียม บำรุงกระดูก ป้องกันโรคกระดูกพรุน

สารอาหารที่พบในเห็ดหอม ได้แก่ โปรตีน คาร์โบไฮเดรต เส้นใยอาหาร วิตามินกลุ่มบี วิตามินดี แคลเซียม ไอโอดีน โพแทสเซียม ธาตุเหล็ก สังกะสี

10.เต้าหู้

เต้าหู้อุดมไปด้วยโปรตีนและแคลเซียม จึงช่วยบำรุงกำลังและกระดูก

ในเต้าหู้มีสารอาหารประเภทโปรตีน วิตามินกลุ่มบี โพแทสเซียม แคลเซียม ฟอสฟอรัส แมกนีเซียม ธาตุเหล็ก สารไอไซฟลาโวน

ถือเป็นกระแสที่สร้างความฮือฮาได้ระดับหนึ่งเลยทีเดียว สำหรับการประกาศของเชนไก่ทอดยักษ์ระดับโลกอย่างเคเอฟซี ที่ระบุว่าบริษัทกำลังจะทำลาย “ธรรมเนียมการชอบกินเนื้อสัตว์” และเริ่มทดสอบอาหารทางเลือกอย่าง “อาหารมังสวิรัติ” มาแทนที่เนื้อไก่ โดยจะเริ่มต้นที่สหราชอาณาจักรในปลายปีนี้

ความเคลื่อนไหวของเชนไก่ทอดสัญชาติอเมริกันครั้งนี้เป็นไปตามความมุ่งมั่นของสหราชอาณาจักร ที่ต้องการลดปริมาณแคลอรี่ของอาหารแต่ละมื้อลง 20% ภายในปี 2025

“เรามองหาสิ่งที่ตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงไลฟ์สไตล์และพฤติกรรมการกินของลูกค้าตลอดเวลา นั่นเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมเราถึงกำลังมองหาอาหารทางเลือกที่เป็นอาหารมังสวิรัติ” โฆษกเคเอฟซีกล่าว

สำหรับอาหารมังสวิรัติจากร้านผู้พันนี้กำลังอยู่ในช่วงเริ่มทดลองค้นคว้า เมนูใหม่จากร้านนี้จึงยังคงเป็นความลับ แต่จะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในต้นปีหน้าในสหราชอาณาจักรและไอร์แลนด์ ส่วนลูกค้าในประเทศอื่นๆ อาจต้องรอไปอีกนาน

ความมุ่งมั่นในการลดแคลอรี่ในแต่ละมื้อของสหราชอาณาจักรนั้นเริ่มตั้งแต่การเปิดตัวแคมเปญที่ส่งเสริมให้ประชาชนกินมื้อเช้า 400 แคลอรี่, มื้อกลางวัน 600 แคลอรี่ และมื้อเย็น 600 แคลอรี่ หรือสลับได้ตามความเหมาะสม

โดยเคเอฟซีนั้นนอกจากจะมีทางเลือกเป็นอาหารมังสวิรัติแล้ว ยังจะเสนอเมนูเครื่องดื่มแคลอรี่ต่ำหรือ 0 แคลอรี่ไปเลย ซึ่งการทดลองใช้โปรแกรมการเปลี่ยนพฤติกรรมนี้จะออกแบบมาเพื่อ “ผลักดัน” ให้ผู้บริโภคไปกินทางเลือกที่มีแคลอรี่น้อยกว่า

มีประเด็นน่าสนใจว่าถ้าในอนาคตเราต้องการปรับเปลี่ยนวัตถุดิบเพื่อผลิตอาหารสุนัขและแมวให้เป็นวัตถุดิบที่ไม่ได้ใช้เนื้อจริงขึ้นมาจะทำได้หรือไม่ แม้จะมีอาหารสุนัขแมวจำพวกมังสวิรัติออกมาวางขายอยู่บ้าง

Wild Earth บริษัทสตาร์ทอัพสัญชาติอเมริกา กำลังทดลองการผลิตอาหารสัตว์ด้วยการสร้างโปรตีนสกัดขึ้นมา

ก่อนหน้านี้เราอาจได้ยินกันมาบ้างที่มีสตาร์ทอัพ Perfect Day ผลิตนมโดยไม่ต้องมีวัวหรือเลี้ยงวัว แต่เป็นการทำโปรตีนสกัดและเพิ่มคุณค่าทางสารอาหาร

ล่าสุดมีความเคลื่อนไหวกับอาหารสัตว์เช่นกัน โดยในสหรัฐอเมริกาผู้คนใช้จ่ายถึงปีละกว่า 3,000 ล้านเหรียญสหรัฐ เกี่ยวกับค่าอาหารของสัตว์เลี้ยง และถือว่าเนื้อที่ใช้ผลิตอาหารสัตว์ในสหรัฐมีการใช้ในปริมาณที่สูงมาก

ปัจจุบันมีบริษัทสตาร์ทอัพผลิตอาหารสุนัขและแมวในแบบมังสวิรัติโดยหล่อเลี้ยงสุนัขและแมวกว่า 184 ล้านตัวในสหรัฐ

ทั้งนี้ มีการระบุว่า หากสามารถผลิตอาหารเลี้ยงสัตว์แบบที่ลดการใช้เนื้อจริงลงได้จะช่วยลดปัญหาปรากฎการณ์ก๊าซเรือนกระจก โดยรายงานอ้างว่า ปัจจุบันนี้อุตสาหกรรมผลิตอาหารสุนัขและแมว มีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสูงถึง 64 ล้านตันในแต่ลปี และวิธีนี้ยังช่วยลดปัญหาสิ่งแวดล้อมที่มาจากกระบวนการทำปศุสัตว์

“นี่เป็นโอกาสที่เรากำลังจะสร้างบางอย่างที่ปลอดภัยและยั่งยืน” รอน ชิเกต้า หนึ่งในผู้ก่อตั้ง Wild Earth กล่าว และว่า อาหารสัตว์รูปแบบนี้ยังสามารถควบคุมคุณภาพหลีกเลี่ยงสารปนเปื้อน

สำหรับ Wild Eart ได้ลองวางจำหน่ายผลิตภัณฑ์อาหารมังสวิรัติให้สุนัขและแมวแล้วผ่านเว็บไซต์