“คริสต์มาส”

ต้อนรับเทศกาลคริสต์มาสสุดหรรษากับ 2 ร้านอาหารเครืออิมแพ็ค เมืองทองธานี ได้แก่ “ฟลาน โอเบรียนส์ ไอริชผับ” ร้านอาหารและผับสไตล์ไอริช ณ อาคารชาเลนเจอร์ กับเซตเมนูสุดคุ้ม ราคา 999 บาท ต่อ 1 ท่าน และ “อิมแพ็ค เลคฟร้อนท์” ร้านอาหารบรรยากาศกาศดีริมทะเลสาบเมืองทองธานี กับ 3 เมนูเค้กพิเศษ ในราคา 189++ บาท พร้อมให้บริการในวันที่ 24 – 25 ธันวาคม ศกนี้

เริ่มที่ร้าน “ฟลาน โอเบรียนส์ ไอริชผับ” กับเซตเมนูแนะนำ “Christmas Set Menu Celebration” ราคา 999 บาท ต่อ 1 ท่าน เริ่มต้นด้วย Starter กับเมนู “Irish Leek Soup” ซุปต้นกระเทียมสไตล์ไอริชหอมๆ และ “Baked Scallops Spinach & Cheese” หอยเชลล์อบกับผักโขมและชีส ต่อด้วย Main Course ที่สามารถเลือกได้ 1 เมนูจาก 3 เมนูขายดี ได้แก่ “Premium Grilled Striploin Steak” สเต็กเนื้อคุณภาพดี เสิร์ฟพร้อมซอสพริกไทยดำและผักผัดเนย หรือ “Grilled Chicken Breast” ไก่อบยัดไส้ พร้อมซอสไวน์แดง และผักผัดเนย หรือเมนูปลา “Grilled Snow Fish” ปลาหิมะย่าง เสิร์ฟคู่กับซอสไวน์ขาว และผักผัดเนย ปิดท้ายด้วยเมนูของหวานขายดีอย่าง “Tartufo Ferrero Rocher” หรือ “Tartufo Tiramisu” นอกจากนี้ ในเซตยังมีเครื่องดื่มที่เลือกได้ระหว่างกาแฟหรือชาอีกด้วย อิ่มอร่อยกับเซตเมนูพิเศษนี้ได้ที่ร้าน ฟลาน โอเบรียนส์ ไอริชผับ ณ ล็อบบี้ อาคารชาเลนเจอร์ 3 อิมแพ็ค เมืองทองธานี เปิดบริการทุกวัน เวลา 10.00 – 24.00 น. สำรองความอร่อย โทร. 02-833-4288 ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ www.flann-obriens.com และเฟซบุ๊ก: Flann O’Brien’s Irish Pub

และร้านที่ 2 “อิมแพ็ค เลคฟร้อนท์” แลนด์มาร์คริมทะเลสาบเมืองทองธานีที่รวมร้านอาหารนานาชาติพร้อมวิวสวยๆ จัดเต็มความอร่อยกับ 3 เมนูเค้ก “Christmas Treats” ในราคาเพียง 189++ บาท ทุกเมนู ได้แก่ “Christmas Log Cake” เค้กแครอทรูปทรงขอนไม้ “Christmas Bell” เรดเวลเวทชีสเค้กที่ดีไซน์เป็นกระดิ่งคริสต์มาส และ “Secret Santa Gift” เค้กช็อกโกแลตผสมอัลมอนด์รูปทรงกล่องของขวัญ ฉลองคริสต์มาสกับเค้กสุดพิเศษ พร้อมสนุกไปกับกิจกรรมล่องเรือชมวิวทะเลสาบและขับโกคาร์ทได้ที่ “อิมแพ็ค เลคฟร้อนท์” เปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 11.30 – 24.00 น. สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมและสั่งจองความอร่อยได้ที่ โทร. 02-033-1851 เฟซบุ๊ก: IMPACT Lakefront ไลน์ ออฟฟิเชียล: @impactlakefront

“Premium Grilled Striploin Steak” ร้านฟลาน โอเบรียนส์ ไอริชผับ
“Irish Leek Soup” ร้านฟลาน โอเบรียนส์ ไอริชผับ

ในช่วงที่เทรนด์เฮลท์ตี้กำลังมาแรงแบบนี้ เราขอแนะนำ 5 เมนูเด็ดเพิ่มโปรตีน ที่ทั้งทานง่าย ทำเองได้ไม่ยาก ที่สำคัญยังเพิ่มโปรตีน สุขภาพดี แถมได้หุ่นฟิตเป็นของแถมอีกด้วย

1. สลัดไข่ต้ม

เมนูง่ายๆ เมนูแรกที่ได้โปรตีนเน้นๆ จากไข่ เพราะในไข่ 1 ใบนั้น มีโปรตีนมากถึง 6 กรัม แนะนำว่าให้เน้นทานไข่ขาวเป็นหลัก หลีกเลี่ยงไข่แดง เพราะในไข่แดงมีคอเลสเตอรอลสูง จึงควรจำกัดปริมาณการทานในแต่ละวัน

2. สเต๊กอกไก่

เมนูยอดฮิตที่ถือว่าเป็นแหล่งโปรตีนเลยก็ว่าได้ เพราะในอกไก่ลอกหนัง 1 ชิ้นมีโปรตีนมากถึง 28 กรัม ที่สำคัญยังหาซื้อได้ง่ายและราคาไม่สูงอีกด้วย

3. ปลาแซลมอนย่างราดน้ำจิ้มซีฟู้ด

ใครที่มองหาเมนูรสจัดจ้านแนะนำเป็นเมนูนี้เลย ในเนื้อปลาแซลมอนนั้นขึ้นชื่อว่ามีโปรตีนสูง แต่ราคาก็ค่อนข้างสูงเช่นกัน 1 ชิ้นขนาด 100 กรัม มีโปรตีนมากถึง 20 กรัม เมื่อทานคู่กับน้ำจิ้มซีฟู้ดก็ต้องระวังเรื่องโซเดียมเหมือนกันนะ

4. สลัดปลาทูน่ายำ

อีกหนึ่งเมนูยอดฮิต ที่ได้โปรตีนเน้นๆ จากปลาทูน่า ปลาทูน่าในน้ำแร่ 1 กระป๋อง (56 กรัมเฉพาะเนื้อ) มีโปรตีนมากถึง 16 กรัมเลยเชียวนะ เมื่อนำมายำคลุกเคล้ากับสลัดแล้ว เติมพริกนิดๆ รับรองว่าอร่อยถูกใจอย่างแน่นอน

5. เต้าหู้ทรงเครื่อง

ปิดท้ายด้วยเมนูเบาๆ เอาใจสาวๆ ที่โปรตีนสูงไม่แพ้เมนูอื่นๆ เลย เพราะในเต้าหู้หลอด มีโปรตีนมากถึง 13 กรัมเชียว แนะนำว่าถ้าอยากให้อิ่มอยู่ท้องทานคู่กับข้าวไรซ์เบอร์รี่ร้อนๆ สิ ลองดู!

อิ่มอร่อยกับ 5 เมนูเด็ดแล้ว ก็อย่าลืมหาเวลาออกกำลังกายกันบ้างนะ

ที่มา : บล็อกเล่าเก้าสิบ

อาหารอุดมไขมันแม้จะมีรสชาติอร่อยถูกปาก แต่ส่งผลเสียต่อสุขภาพร่างกายหลายเรื่องในระยะยาว โดยเฉพาะอย่างยิ่งของกินที่มีไขมันอิ่มตัว (saturated fat) ในปริมาณสูง ซึ่งล่าสุดมีการศึกษาวิจัยพบว่า การกินอาหารประเภทนี้แม้เพียงมื้อเดียว ยังส่งผลให้ความสามารถในการตั้งใจจดจ่อเป็นสมาธิลดลงอย่างมากด้วย

ทีมนักวิจัยด้านจิตวิทยาคลินิกจากมหาวิทยาลัยโอไฮโอสเตต (OSU) ของสหรัฐฯ ตีพิมพ์ผลการศึกษาข้างต้นลงในวารสาร “โภชนาการทางคลินิกอเมริกัน” (The American Journal of Clinical Nutrition) โดยระบุว่าผลของการการบริโภคอาหารอุดมไขมันในระยะสั้น เช่นภาวะบางอย่างที่เกิดขึ้นกับร่างกายและจิตใจหลังการกินอาหารไขมันสูงเพียงมื้อเดียว ยังไม่เคยได้รับความสนใจศึกษาในเชิงลึกกันมาก่อน

ทีมผู้วิจัยจึงทำการทดลองกับกลุ่มตัวอย่างหญิง 51 คน โดยให้ทำแบบทดสอบวัดความสามารถในการตั้งใจจดจ่อเป็นสมาธินาน 10 นาที หลังได้รับประทานอาหารไขมันสูงเข้าไปแล้ว 5 ชั่วโมง โดยเปรียบเทียบผลคะแนนจากการทำแบบทดสอบหลังกินอาหารที่ปรุงด้วยไขมันอิ่มตัว กับผลคะแนนหลังกินอาหารชนิดเดียวกันที่ปรุงด้วยน้ำมันเมล็ดดอกทานตะวันซึ่งเป็นไขมันชนิดไม่อิ่มตัว

การทดลองเริ่มต้นขึ้นในตอนเช้า โดยกลุ่มตัวอย่างซึ่งอดอาหารและน้ำมาเป็นเวลา 12 ชั่วโมง จะทำแบบทดสอบวัดระดับความมีสมาธิในขั้นพื้นฐานของแต่ละคนเสียก่อน จากนั้นจะกินอาหารที่ปรุงด้วยไขมันชนิดใดชนิดหนึ่งและลงมือทำแบบทดสอบอีกครั้ง กระบวนการทั้งหมดจะถูกทำซ้ำใหม่เมื่ออาสาสมัครกลับมาในสัปดาห์ถัดไป แต่จะเปลี่ยนชนิดอาหารที่ให้รับประทานเป็นไขมันชนิดตรงข้าม

ผลปรากฏว่ากลุ่มตัวอย่างทั้งหมดทำคะแนนได้ย่ำแย่ลงอย่างมาก หลังรับประทานอาหารที่ปรุงด้วยไขมันอิ่มตัวในปริมาณสูงเข้าไป โดยกลุ่มตัวอย่างมีความสามารถในการตั้งใจจดจ่อและติดตามสิ่งเร้าในแบบทดสอบลดลงโดยเฉลี่ย 11%

แม้ทีมผู้วิจัยจะไม่ได้ตรวจสอบหาความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในสมองหลังกินอาหารไขมันอิ่มตัวสูง แต่ ดร.อันเนลีส แมดิสัน ผู้นำทีมวิจัยบอกว่า ไขมันไม่อิ่มตัวอาจทำให้เกิดภาวะอักเสบสูงขึ้นทั่วร่างกายรวมไปถึงสมอง ซึ่งกรดไขมันอิ่มตัวอาจข้ามส่วนเชื่อมต่อที่กั้นระหว่างกระแสเลือดกับเซลล์สมอง (blood-brain barrier) เข้าไปมีปฏิกิริยาโดยตรงบางอย่างกับเซลล์สมองได้

ทีมผู้วิจัยยังพบว่าภาวะที่ความสามารถในการมีสมาธิตั้งมั่นลดลง เกิดขึ้นกับผู้ที่มีอาการลำไส้ดูดซึมผิดปกติหรือลำไส้รั่ว (leaky gut) อีกด้วย โดยในกรณีนี้แบคทีเรียในลำไส้และโมเลกุลของสารพิษบางอย่างอาจหลุดลอดเข้าไปในกระแสเลือด และทำให้เกิดผลกระทบต่อสมองได้

ที่มา : ข่าวสด

ในปัจจุบันโรคซึมเศร้าเป็นอีกหนึ่งโรคที่หลายคนอาจกำลังเผชิญแบบไม่รู้ตัว ซึ่งวิธีการบำบัดอาการโรคซึมเศร้าให้ดีขึ้น นอกจากการปรึกษากับจิตแพทย์แล้ว ยังมีอีกหลายวิธีที่ช่วยบรรเทาอาการซึมเศร้าได้ หนึ่งในนั้น ก็คือการเลือกรับประทานอาหารที่มีผลกับการรักษาโรคค่ะ เรามาศึกษากันว่าอาหารชนิดใดบ้าง ที่มีส่วนช่วยในการบรรเทาอาการซึมเศร้า และช่วยฮีลให้คุณรู้สึกดีขึ้นได้

อารมณ์ดีด้วย “ช็อกโกแลต”
ข้อนี้หลายคนน่าจะทราบกันดีอยู่แล้วว่า เวลาที่เรารับประทานโกโก้หรือช็อกโกแลต จะช่วยให้เราอารมณ์ดีขึ้นได้จริงๆ ซึ่งไม่ได้รู้สึกหรืออุปทานไปเองแน่นอนค่ะ เพราะว่ามีงานวิจัยหลายชิ้นที่ยืนยันว่า การรับประทานโกโก้หรือช็อกโกแลต จะช่วยให้สมองหลั่งสารเอ็นโดรฟินออกมา ซึ่งสารเอ็นโดรฟินจะเป็นตัวช่วยให้เรามีความสุขมากขึ้น ช่วยสร้างความผ่อนคลาย และลดความเจ็บปวดได้ ช็อกโกแลตจึงกลายเป็นของหวานสุดโปรดที่สามารถฮีลคุณได้จริงๆ

เรื่องกล้วยๆ ที่ช่วยให้เราหายซึม
การรับประทานกล้วย สามารถบรรเทาอาการซึมเศร้าได้จริงๆ ค่ะ นั่นก็เพราะในกล้วยมีกรดอะมิโน โพรไบโอติก ซึ่งกรดอะมิโนตัวนี้เอง ที่ช่วยเข้าไปกระตุ้นการทำงานของ ฮอร์โมนเซโรโทนิน ทำให้เกิดการสร้างสารสื่อประสาท ที่ชื่อว่า โมโนเอมีน โดยสารสื่อประสาทตัวนี้ จะทำให้ผู้ที่ตกอยู่ในภาวะซึมเศร้ารู้สึกมีความสุข และมีพลังงานมากขึ้น ดังนั้นกล้วยจึงเป็นผลไม้ที่ได้รับการยอมรับว่าสามารถช่วยให้ผู้ป่วยโรคซึมเศร้าดีขึ้นได้ค่ะ

ถั่วและธัญพืช ช่วยให้ผ่อนคลาย
อาหารจำพวกถั่วและธัญพืช มีประโยชน์อยู่มากมายหลายด้าน แต่หนึ่งในข้อดีของอาหารประเภทนี้ ก็คือช่วยให้เราอารมณ์ดี ผ่อนคลายมากขึ้น เพราะธัญพืชต่างๆ มักอุดมไปด้วยเซโรโทนิน อย่างเช่น ข้าวโพด อัลมอนด์ เป็นต้น ซึ่งนอกจากเซโรโทนินแล้ว ธัญพืชทั้งหลายยังมีสารอาหารที่มีประโยชน์มากมาย เช่น แมกนีเซียม โพแทสเซียม แคลเซียม โปรตีนและไฟเบอร์ ซึ่งจะช่วยผ่อนคลายร่างกาย และทำให้จิตใจสงบอีกด้วยนะคะ

กินปลาเข้าไว้ ให้อารมณ์ดีขึ้น
การรับประทานเนื้อปลา มีส่วนช่วยในการบรรเทาความเครียดได้ดีทีเดียว เพราะเนื้อปลานั้นอุดมไปด้วยวิตามินบี 6 และ บี 12 ซึ่งช่วยให้ร่างกายการหลั่งสารแห่งความสุขออกมา อีกทั้งยังมีส่วนช่วยในการเพิ่มระดับเซโรโทนินอีกด้วย และสำหรับจำพวกปลาทะเล อย่างเช่น ปลาแซลมอน ปลาทูน่า ปลาซาร์ดีน ฯลฯ ก็มีประโยชน์มากๆ อุดมไปด้วยกรดไขมันโอเมก้า-3 และกรดไขมัน DHA ซึ่งเป็นสารอาหารที่มีผลกับการทำงานของสารสื่อประสาท หากร่างกายขาดสารอาหารเหล่านี้ อาจทำให้เกิดความเสี่ยงในการเป็นโรคซึมเศร้าได้นะคะ เพราะสมองของคนเรามีไขมันอยู่มากถึง 60% ซึ่งการขาดไขมันมากๆ อาจทำให้สมองทำงานไม่ดีเท่าที่ควรค่ะ

เป็นอย่างไรบ้างคะกับอาหารที่ช่วยบรรเทาอาการโรคซึมเศร้า ตามที่เรานำมาฝากกัน ถึงแม้ว่าภาวะความเครียดหรือการซึมเศร้าต่างๆ ไม่ได้เกิดจากอาหาร แต่การบริโภคอาหารนั้นก็เป็นส่วนหนึ่ง ที่สามารถช่วยต้านและบรรเทาได้ นอกจากนี้ใครที่เกิดความเครียด หรือรู้สึกหดหู่อยู่ ให้ลองงดอาหารที่มีส่วนกระตุ้นให้เกิดความเครียดอย่างเช่น กาแฟ อาหารทอด อาหารรสจัด และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ กันด้วยนะคะ

ที่มา : บล็อกเล่าเก้าสิบ

ซาลาเปาอันละห้าสิบตังค์  เติมพลังให้เราซะทีเถอะน่า

มาเร็วไวให้รีบอย่ามัวช้า     มาเถิดเรามา..มากินซาลาเปากัน

เป็นเพลงที่ร้องกันเล่นๆ สมัยเป็นเด็กชั้นประถม ซึ่งตอนนั้น “ซาลาเปา” เป็นของชอบกินของเด็กๆ มากที่สุดชนิดหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นไส้คาว หรือไส้หวาน หรือไส้ครีม

ประวัติความเป็นมาของซาลาเปา อย่างที่รู้กันว่าเป็นอาหารเช้าของชาวจีน ทำมาจากแป้งสาลีและยีสต์ ผ่านขบวนการนึ่งร้อนๆ ออกมาเป็นแป้งนุ่มนิ่มกินได้กินดี  การเกิดขึ้นของซาลาเปาเชื่อกันว่ามีมาตั้งแต่สมัยราชวงศ์ซ้อง (ค.ศ.960-1279) ต้นกำเนิดของซาลาเปามาจากก้อนแป้งนึ่งที่เรียกว่า “หม่านโถว”  นานเข้าก็แผลงเป็น “หมั่นโถว” และมีการทำสืบทอดกันมาจนแพร่หลาย โดยเฉพาะทางภาคเหนือของจีน ซึ่งตอนนั้นเป็นเพียงแป้งนึ่งแบบไม่มีไส้ ต่อมาได้กลายมาเป็นอาหารที่ชาวจีนทางภาคเหนือนิยมรับประทานเป็นอาหารเช้าหรืออาหารว่าง  โดยการเพิ่มไส้เข้าไปด้วยเป็นเนื้อหรือผัก

ต่อมาได้แพร่จากจีนไปสู่ตุรกี เปอร์เซีย เอเชียกลาง เกาหลี และญี่ปุ่น หมั่นโถวมีรูปร่างลักษณะและรสชาติคล้ายซาลาเปา  ต่างกันที่ซาลาเปาเป็นแป้งสาลีนึ่งทรงกลม ๆ ทำไส้สอดไว้ข้างใน ส่วนหมั่นโถวอาจทำแบบมีไส้หรือไม่มีไส้ก็ได้  ซาลาเปามักจับเป็นรูปจีบด้านบน ส่วนหมั่นโถวทำผิวด้านบนให้เรียบและเนียนคล้ายกับผิวหน้าของคน  โดยเหตุที่ซาลาเปาต้องมีไส้เสมอ ในสมัยหลัง ๆ หมั่นโถวจึงมักทำเป็นแบบไม่มีไส้เพื่อให้ต่างออกไป  หมั่นโถวที่ทำขายในประเทศไทยก็ล้วนแต่เป็นแบบไม่มีไส้  คนฟิลิปปินส์ก็นิยมรับประทานซาลาเปาเช่นเดียวกัน โดยเรียกว่า “ซัวเปา”

ชาวจีนทางภาคเหนือนิยมเรียกแป้งมีไส้แบบนี้ว่า “เปาจึ” หรือ “ซาลาเปา”  ส่วนที่นิยมนำมารับประทานได้แก่ “ซาลาเปาไส้หมู” และ “ซาลาเปาไส้ครีม” ถือว่าเป็นส่วนหนึ่งในชุดอาหารติ่มซำในวัฒนธรรมจีน  ซาลาเปาสามารถนำมารับประทานได้ในทุกมื้ออาหาร แต่นิยมมากในมื้ออาหารเช้า  ส่วน “จุดสีแดง” ที่อยู่บนแป้งซาลาเปานั้น เพราะคนจีนเชื่อว่าสีขาวล้วนซึ่งเป็นสีของแป้งซาลาเปาไม่เป็นมงคล เพราะสีขาวล้วนเป็นสีของการไว้ทุกข์ ดังนั้น จึงมีการแต้มจุดสีแดงซึ่งเป็นสีของความมงคลตามความเชื่อของคนจีนลงไปบนลูกซาลาเปา  ปัจจุบันจะเห็นว่ามีการนำซาลาเปามาดัดแปลงให้ทันสมัยมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นไส้ใหม่ๆ รวมถึงรูปลักษณ์ที่ถูกปรับเปลี่ยนไปตามยุคสมัย ดังนั้น เรื่องของซาลาเปา นอกจากเป็นอาหารเช้าหรืออาหารว่างแสนอร่อยแล้ว ยังเป็นของมงคลที่สามารถเสริมเพิ่มเติมรายได้สร้างอาชีพให้กับคนทั่วไปได้เช่นกัน

อีกประเด็นหนึ่งเรามักได้ยินคำว่า “เสี่ยวหลงเปา” ซึ่งก็เป็นอาหารอีกชนิดหนึ่งตามร้านอาหารจีนเช่นเดียวกัน คราวนี้มาดูว่า “ซาลาเปา” และ “เสี่ยวหลงเปา” ต่างกันอย่างไร เพราะจะว่าไปอาหารทั้งสองอย่างนี้ก็จัดอยู่ในประเภทใกล้เคียงกัน มีหน้าตาที่คล้ายๆ กัน แต่มีรายละเอียดต่างกันอยู่ โดย “เสี่ยวหลงเปา” ก็คือติ่มซำ เป็นอาหารเซี่ยงไฮ้ที่ฮิตมากในทางตอนใต้ของจีน ต่างกับซาลาเปาที่นิยมกินอยู่ทางตอนเหนือของจีน  เสี่ยวหลงเปาจะมีขนาดเล็กเสิร์ฟในเข่ง ข้างในของเสี่ยวหลงเปาจะมีน้ำซุปอยู่  แต่เดิมเสี่ยวหลงเปาจะเป็นซาลาเปาลูกใหญ่ มีน้ำซุปอยู่ข้างใน เสี่ยวหลงเปาทำจากแป้งขนมปัง ผสมแป้งสาลีอเนกประสงค์ ไม่ใส่ผงฟูหรือยีสต์ จับจีบให้ได้ 18 จีบ  ส่วนซาลาเปาจะลูกใหญ่กว่า ทำมาจากแป้งสาลีหมักยีสต์หรือผงฟู ปั้นเป็นลูกกลมแบน ข้างในจะใส่ไส้ หมูสับ หมูแดงครีม เป็นต้น

ทีนี้มาเข้าประเด็นกันว่าถ้ายามวิกฤตโควิด-19 เช่นที่เป็นอยู่นี้ นอกจากการสั่งอาหารที่เป็นข้าวกล่องหรือเดลิเวอรี่มารับประทานแล้ว ยังมีซาลาเปา เสี่ยวหลงเปา พวกนี้ด้วย เมื่อต้องรับประทานจะมีคุณค่าทางโภชนาการ หรือเกิดประโยชน์ต่อร่างกายหรือไม่ อย่างไร?  เริ่มตั้งแต่วิธีการทำเริ่มต้นในการทำซาลาเปาและเสี่ยวหลงเปา จะเป็นการปรุงให้สุกด้วย “วิธีนึ่ง” ซึ่งวิธีนึ่งนั้นเป็นการใช้ไอน้ำทำให้อาหารสุก ทั้งนี้ อาหารจะไม่มีการสัมผัสโดยตรงกับน้ำที่ต้ม ซึ่งจะส่งผลให้คุณค่าของสารอาหารยังคงอยู่กับอาหารอย่างครบถ้วน  และที่สำคัญในการนึ่งนั้นแทบจะไม่ต้องเติมน้ำมันลงไปในการนึ่งเลย จึงเป็นวิธีการปรุงอาหารที่ดีต่อสุขภาพเป็นอย่างมาก  แต่เคล็ดลับที่สำคัญสำหรับการนึ่งอาหารให้รสชาติดีนั้น วัตถุดิบที่ใช้จะต้องสดมากๆ การนึ่งอาหารจะต้องใส่น้ำต้มให้เดือด และนำอาหารที่ต้องการนึ่งวางบนจานทนความร้อนและใส่เข้าไปในซึ้งจากนั้นปิดฝาให้สนิท

เมื่อนึ่งสุกแล้ว ซาลาเปาแต่ละชนิดก็มีคุณค่าแตกต่างกัน อาทิ ซาลาเปาไส้หมูสับและไส้หมูแดง เป็นไส้ที่มีส่วนผสมของหอม กระเทียม และพริกไทยดำ ถือเป็นสมุนไพรที่มีกลิ่นฉุนเแต่ก็มีประโยชน์หลายอย่าง เช่น กระเทียมช่วยทำให้เลือดไหลเวียนได้ดี ช่วยลดคลอเลสเตอรอลในเลือด ซึ่งถ้าใครที่รับประทานกระเทียมบ่อยๆ จะช่วยไม่ให้เส้นเลือดอุดตันได้ ส่วนซาลาเปาไส้ครีม เป็นไส้ที่มีส่วนผสมหลากหลาย แต่ก็มีประโยชน์ต่อร่างกาย ทั้งนมข้น นมจืด นมผง เนยเค็ม เนยจืด และไข่ไก่สด ฯลฯ ซึ่งมีสารอาหารบำรุงร่างกายได้แก่ วิตามิน A วิตามิน D วิตามิน B1 วิตามิน B2 วิตามิน B6 วิตามิน B12 แร่ธาตุแคลเซียม แร่ธาตุฟอสฟอรัส แร่ธาตุโพแทสเซียม แร่ธาตุเหล็ก แร่ธาตุไอโอดีน แร่ธาตุโซเดียม แร่ธาตุแมกนีเซียม แร่ธาตุกำมะถัน เป็นต้น  

ซาลาเปาไส้สังขยาใบเตย  คุณค่าก็มีตั้งแต่ใบเตยสด มีน้ำมันหอมระเหย รสหวาน กลิ่นหอม และมีสีเขียวซึ่งเป็นสารคลอโรฟีลล์ ช่วยลดอาการกระหายน้ำ บำรุงหัวใจ และช่วยทำให้สดชื่น อีกทั้งมีเกลือแร่ แคลเซียม และฟอสฟอรัส  ซาลาเปาไส้ถั่วดำ ก็มีแร่ธาตุอาหารสำคัญในทางบำรุงเลือด ขับสารพิษ ขับปัสสาวะ ทำให้เลือดลมไหลเวียนสะดวก และนอกจากนี้คุณสมบัติที่โดดเด่นของถั่วดำ คือ ช่วยบำรุงผมให้ดกดำ แข็งแรง และไม่หลุดร่วงง่าย  ซาลาเปาไส้เผือก เป็นซาลาเปาที่คิดค้นขึ้นมาใหม่ เผือกเป็นผักที่จัดอยู่ในอาหารหมู่ที่ 1 นั่นคือแป้ง แต่ไม่ได้หมายความว่าในเผือกมีแต่คาร์โบไฮเดรตอย่างเดียว ยังมีวิตามินต่างๆ มากมาย และยังมีโปรตีน แร่ธาตุ รวมไปถึงธาตุฟลูออไรด์ ที่ช่วยเพิ่มพละกำลัง บำรุงสุขภาพ นอกจากนี้เผือกยังมีคุณสมบัติพิเศษอีกอย่างคือ ช่วยป้องกันฟันผุได้

ยังมีซาลาเปาไส้ผักรวม ซึ่งแต่ละเจ้าที่ขายอาจจะใช้ผักแตกต่างกัน อย่่างไรก็ตามถือว่าผักนั้นมีประโยชน์ ไม่ว่าจะเป็นประกอบด้วย ถั่วพู ที่มีสารอาหารที่ให้พลังงานสูงรวมถึงพวกวิตามินเอ  ซี และ อี แครอท เป็นผักที่มีวิตามินเอ ช่วยป้องกันโรคมะเร็ง ลดความดันเลือด และยังทำให้อายุยืน นอกจากนี้ยังช่วยรักษาอาการตาพร่า ตาฟาง ให้กลับสว่างสดใสด้วย  เห็ด มีค่ากรดอะมิโนที่สามารถลดอัตราการเติบโตของเซลล์มะเร็งได้ ทั้งยังช่วยล้างพิษที่สะสมในตับที่เกิดจากอาหารและสารพิษจากสุรา สารตกค้างในเนื้อสัตว์ สารเคมีจากเครื่องสำอาง และพิษจากสารอนุมูลอิสระ

เมื่อรู้อย่างนี้แล้ว การจะหาของรับประทานในยามที่ต้องกักตัวในบ้าน ไม่สามารถออกเดินทางไปหาซื้อข้าวของได้เช่นในเวลานี้ ซาลาเปา เสี่ยวหลงเปา รวมถึงหมั่นโถว นับเป็นอีกทางเลือกหนึ่งของชีวิตที่ทำให้ไม่เบื่อ ที่สำคัญต้องเลือกเจ้าที่สะอาดและแพ็กเกจจิ้งที่ดีด้วย

เพื่อเป็นการรำลึกถึงครั้งสุดท้าย “คุณชาย-ม.ร.ว.ถนัดศรี สวัสดิวัตน์” เทพแห่งการบริโภคที่ได้จากลาไป  ด้วยความเคารพรักและอาลัยยิ่ง “มติชนอคาเดมี” ได้รวบรวมความอร่อยที่กระจายอยู่ตามจังหวัดต่างๆ ทั้ง 4 ภาคของประเทศไทย เป็นเสมือนคู่มือผู้นิยมบริโภคของดี ทั้งหลาย ซึ่งคุณชายถนัดศรีได้ “ชวนชิม” ไว้ ให้เป็นลายแทงสำหรับนักล่าความอร่อย เป็นที่ไหน อย่างไร ต้องติดตาม…

ภาพจาก : มติชนสุดสัปดาห์

1.ร้าน “ภูไทไก่ย่าง” จ.เชียงราย

ห่างจากสนามบินเชียงราย 2 กิโลเมตร ทางจะไป อ.แม่จัน ร้านอยู่ริมถนนซ้ายมือ (โทร 053-793-080) เจ้าของคือ “มาลินี        โคตระวีระ” ชาวผู้ไท อ.วาริชภูมิ จ.สกลนคร

ทำกิจการร้านอาหารมานานหลายปี มีช่วงหนึ่งที่หยุดพัก ไปใช้ชีวิตอยู่ต่างประเทศกับลูก  หลังจากนั้น ได้เข้ามาเปิดร้านในกรุงเทพฯ และที่ จ.สมุทรปราการ โดย “หนึ่ง-ปรัชญา โคตระวีระ” ลูกชายเป็นผู้บริหารงาน ใช้ชื่อร้านว่า “มา เด้อ หล่า by ภูไทไก่ย่าง1971”  มีทั้งหมด 5 สาขา ได้แก่ สาขามาร์เก็ตวิลเลจ สุวรรณภูมิ ชั้น 2 (โทร. 0-2002-3039) สาขา Food Patio เซ็นทรัลบางนา สาขาอาคาร G Tower พระราม 9 ชั้น B (โทร. 0-2118-2642) สาขาสนามไดรฟ์กอล์ฟวินด์มิลล์ ถ.กิ่งแก้ว (โทร. 0-2061-1665) และสาขา Icon Siam ชั้น G โซนภาคอีสาน (โทร. 0-2005-5850)

ของอร่อยเมนูแนะนำ  มีหลายอย่าง ได้แก่ ไก่ย่างหอมหวนชวนกิน, แกงอ่อมไซแตก, ปลาส้มปลาตะเพียนทอด เสิร์ฟพร้อมสมุนไพร, ส้มตำสารพัดอย่าง เช่น ตำไทย ตำลาว ตำปู ตำปูปลาร้า ตำหลวงพระบาง ตำกุ้งสดไข่แดงเค็ม ตำหอยแครง, แกงคั่วหอยขม, แกงเห็ดเผาะไข่มดแดง และ ปีกไก่สวรรค์เสิร์ฟพร้อมแจ่วบอง

2.ร้าน “น้องเบียร์” เมืองปาย จ.แม่ฮ่องสอน

จากตัวเมืองแม่ฮ่องสอน ตรงเข้าอำเภอปาย ต.เวียงใต้  ใช้ถนนชัยสงคราม  เป็นร้านอาหารเรือนไม้สองชั้น ตั้งอยู่ใจกลางเมืองปาย แถวสี่แยกปายหนาว  จ.แม่ฮ่องสอน เจ้าของร้านชื่อ “มาลี สุนันตา” มีลูกสาวชื่อ “น้องเบียร์” เพราะพ่อชอบดื่มเบียร์ เริ่มขายอาหารมาตั้งแต่ปี 2484 โดยคุณยายเริ่มต้นก่อนขายกับข้าวคนเมือง แล้วถ่ายทอดให้ลูกสาวทำต่อมาจนถึงทุกวันนี้ เมื่อฝรั่งมาเที่ยวปายมากขึ้น เจ้าของร้านจึงดัดแปลงรสชาติอาหารให้เข้ากับปากฝรั่งจนได้รับการแนะนำในหนังสือท่องเที่ยวของฝรั่ง

เมนูแนะนำ เริ่มด้วยหมูสะเต๊ะ ปิ้งใหม่ๆ หอมยั่วน้ำลาย ตามด้วยข้าวซอย มีทั้งข้าวซอยเนื้อ ข้าวซอยไก่ และหากจะกินเป็นกับข้าว มีแกงฮังเล หน่อไม้ผัดหมู ต้มข่าไก่ แกงเขียวหวานไก่ รสมือดีสั่งได้ตามใจชอบ (โทร 053-699-103)

ภาพจาก : eataroi.com
ภาพจาก : th.tripadvisor.com

3.ร้าน “เลมอน ทรี” จ.เชียงใหม่

เริ่มต้นเปิดร้านขายในคอนโดมิเนียมแห่งหนึ่งใน จ.เชียงใหม่  พ่อครัวเอกชื่อ “อานนท์ จันทระเปารยะ” หรือ “หนุ่ม”  เรียนจบด้านดนตรีจากมหาวิทยาลัยพายัพ แล้วไปเรียนต่อที่เมล์เบิร์น ประเทศออสเตรเลีย ช่วงเรียนที่เมลเบิร์นได้ทำงานพิเศษในร้านอาหารไทย จึงได้วิชาการทำอาหารแถมกลับมาด้วย  รสมือในการทำอาหารถือว่ายอดเยี่ยม โดยเฉพาะผัดวุ้นเส้นของร้านถือว่าไม่ธรรมดา ไม่แฉะเต็มไปด้วยน้ำมัน แต่ผัดค่อนข้างแห้ง เส้นนุ่มกำลังดี ไม่เหนียวหรือแข็งกระด้าง  ใส่หมูสับ ไก่ ไข่เค็มเอาแต่ไข่แดงลงไปผัด อาหารจานนี้ลูกค้าทุกโต๊ะต้องสั่ง

สำหรับอาหารแนะนำ กบผัดเผ็ด  แกงคั่วหอยขม  ยำยอดตำลึง  ปลาแข้ลวกกับน้ำจิ้มอร่อยเด็ด  ยำผักบุ้งกรอบ  ฉู่ฉี่ปลาหมึก  ส่วนอาหารจานเดียว ก็มีข้าวหมูทอดญี่ปุ่น  ข้าวผัดแหนม  ของหวานมีไอศกรีมไขมันต่ำหลากรส และทีรามิซู  ปัจจุบันร้านเลมอน ทรี มี 2 สาขา  ที่ถนนห้วยแก้ว ตรงข้ามกับปั๊มน้ำมันเชลล์ ไม่ไกลจากกาดสวนแก้ว (โทร 053- 222-009)  และร้านบ้านสวนแม่ริม  ส่วนสาขาสวนสุขภาพปิดไปแล้ว

4.ร้านโควเจ็งเฮง จ.สุโขทัย

อยู่ในอำเภอเมืองสุโขทัย  “โควเจ็งเฮง” ได้รับใบประกาศนียบัตรจากเชลล์ชวนชิมตั้งแต่ปี 2519  สมัยก่อนเป็นรุ่นพ่อที่ทำอยู่ เดี๋ยวนี้กิจการตกทอดมาถึงลูกชายชื่อ “เค่งลัง โฆษิตฤทธิเดช” อาหารยังคงรสชาติอร่อยเหมือนสมัยที่พ่อทำ ซึ่งของอร่อยตั้งแต่รุ่นพ่อ คือ เป็ดพะโล้  ขาหมู นอกจากนี้ ยังมีอาหารตามสั่งอีกหลายอย่าง เช่น มะระผัดไข่  ต้มจืดมะระหมูสับ  สิ่งสำคัญนอกจากเป็ดพะโล้แล้ว “น้ำจิ้มเป็ด” ก็สำคัญพอๆ กัน เป็นน้ำจิ้มที่ทำจากน้ำส้ม พริกขี้หนู กระเทียม เข้ากันดีกับเป็ดเนื้อนุ่ม  ส่วนน้ำจิ้มขาหมูไม่เหมือนที่ไหน เขาทำเป็นน้ำจิ้มผสมข้นคล้าซอสศรีราชา อร่อยต่างจากแบบน้ำส้มพริกตำทั่วไป  ร้านอยู่ที่ถนนเลียบริมฝั่งแม่น้ำยม ชื่อ ถนนนิกรเกษม  หน้าร้านมีตู้กระจกแขวนเป็ดพะโล้ และมีกระเพาะปลาถุงใหญ่ตั้งอยู่ในตู้ด้วย เป็นร้านห้องแถวห้องเดียว ต้องไปชิมเป็ดพะโล้  ขาหมูพะโล้  และยำกระเพาะปลา  (โทร 055-621-347)

ภาพจาก : th.foursquare.com
ภาพจาก : facebook ร้านอาหาร สายชล

5.ร้านสายชล จ.พิษณุโลก

อยู่ปากทางเข้าสนามบินพิษณุโลก ติดใจรสชาติอาหารเอร็ดอร่อย ตั้งแต่ครั้งแรกที่นักบินในกองบิน 46 พาไปกิน เจ้าของร้านเป็นทหารอากาศ “พันจ่าอากาศเอกชล พันธุ์เมฆ” กับภรรยา “สมลักษณ์”  เดิมขายอยู่ในสโมสรกองบิน คนติดใจฝีมือเรียกร้องให้ออกไปขายนอกกองบิน จึงเปิดเป็นร้านอาหารชื่อ “สายชล”  เป็นตึกคูหาเดียว  อาศัยเป็นคนชอบทำอาหารประเภทแกล้มเหล้า และคุณแม่เคยขายข้าวแกงมาก่อน จึงได้รับการถ่ายทอดมาด้วย ถือเป็นร้านอาหารเหมือนทำกินในครอบครัว

อาหารอร่อยที่ขึ้นชื่อ คือ แซ่บแห้ง เป็นเครื่องในวัวที่ล้างสะอาดหมดจด ไม่มีกลิ่นคาว เอาไปเคี่ยวจนเปื่อยได้ที่แต่ละอย่าง จากนั้นตักขึ้นมาหั่นเป็นชิ้นพอคำ จิ้มน้ำจิ้มแบบแจ่วพริกแห้ง คนไม่กินเนื้อหมดสิทธิ์  หรือจะเป็น จานยำกบแบบโบราณ  ยำทั้งเนื้อทั้งหนัง รสจัดถึงใจ  ส่วนลาบหมู  ใส่หนังหมูหั่นบางๆ เคี้ยวกรุบๆ ดีจริง และยังมี ทอดมันปลากราย เป็นทอดมันแบบเดิมที่เหนียวหนึบหอมพริกแกง กบผัดเผ็ด น้ำพริกแกงโขลกเองไม่ใช้สำเร็จรูป  และต้มยำปลากด  (โทร 055-248-073)

6.สวนอาหารบ้านสร้าง อ.บางปะหัน จ.อยุธยา

เป็นของ “หัตถกร  พรหมสุวรรณ”  สวนอาหารบ้านสร้างแห่งเดิมอยู่ที่ถนนโรจนะ มาเปิดร้านใหม่อีกแห่งริมถนนสายเอเชีย เขต อ.บางปะหัน จึงใช้ชื่อว่า “สวนอาหารบ้านสร้าง” สาขาบางปะหัน อยู่ติดริมถนนใหญ่ มีป้ายใหญ่โตมองเห็นชัด  ถ้าไปจากรุงเทพไปตามทางมุ่งหน้าไปนครสวรรค์  คอยมองหลักกิโลเมตรไว้ให้ดี พอถึงกิโลเมตรที่ 90  คือทางแยกต่างระดับบางปะหัน อีกแป๊บเดียวก็ถึงร้าน

เมนูเด็ด ปลาซาบะอบกาแฟ เนื้อปลานุ่มหอมกลิ่นกาแฟจิ้มน้ำจิ้มเปรี้ยวๆ เผ็ดๆ  ยำสามยอด-มียอดกระถิน ยอดมะพร้าวอ่อน และยำหัวปลี จัดมารวมในจานเดียว เป็นที่นิยมของลูกค้าอย่างมาก  แกงป่านกทอด  ไก่บ้านทรงเครื่อง  ยำปลาดุกกรอบ  อาหารชนิดใหม่ที่คิดสูตรขึ้นมาอีกอย่าง คือ ไส้กรอกซี่โครงอ่อน  นอกจากนี้ก็มี กุ้งแช่น้ำปลา ยำตะไคร้กรอบ ยำหูหมู  เป็ดย่างผัดขี้เมา เชิงปลากรายทอดกรอบ ร้านเปิดบริการทุกวัน (โทร 01-989-0936)

ภาพจาก : LINE TODAY
ภาพจาก : sanook.com

7.ร้าน “เรือนแพป้าสร้อย” อ.ศรีประจันต์ จ.สุพรรณบุรี

ถ้าไปจากกรุงเทพฯ ไปตามถนนสาย 340 ตรงไปเรื่อย ผ่าน อ.เมืองสุพรรณบุรี ไปจนถึง อ.ศรีประจันต์  ให้สังเกตธนาคารกรุงเทพ ทางซ้ายมือ เลี้ยวเข้าไปทางที่จะไปที่ว่าการอำเภอศรีประจันต์ไปจอดรถแถวหน้าอำเภอ “เรือนแพป้าสร้อย” จะอยู่ริมแม่น้ำด้านขวามือ เจ้าของร้านเรียกขานกันว่า “ป้าสร้อย”  ชื่อจริง “สร้อยฟ้า สมใจวงษ์” 

อาหารจานเด็ด แนะนำ ทอดมันปลาปราย  ปลาดุกผัดเผ็ด  ห่อหมกปลาช่อน  แกงส้มแป๊ะซะปลาช่อน  ยำปลาดุกฟู  ปลาเนื้ออ่อนราดพริก  ต้มยำปลาตะโกก

จานเด็กอีกอย่าง หมี่กรอบ เป็นแบบโบราณ  และยังมี “แกงบวน”  ซึ่งเป็นแกงเครื่องในหมูแบบโบราณ หากินได้ยากเต็มที เพราะการทำมีขั้นตอนมากและต้องใช้เวลานานในการเตรียม ถ้าไม่รักกันจริงก็ไม่ทำให้กิน เรือนแพป้าสร้อย เปิดทุกวันไปถึงสี่ทุ่ม รับจัดเลี้ยงโต๊ะจีน และอาหารไทยนอกสถานที่ (โทร 035-581-113)

8.ตั้งยู่ฮวด จ.อุทัยธานี

เป็นร้านขายผลไม้แช่อิ่ม ผลไม้ดอง เป็นร้านที่เคยได้รับรางวัลในการประกวดของจังหวัด ตอนได้รางวัลเป็นร้านรุ่นพ่อ ตอนนี้ตกทอดมาถึงรุ่นลูก เป็นผู้ดูแลกิจการ ชื่อ “กัญชดา บุศยารัศมี”  เปิดร้านขายอยู่ในตัวเมืองอุทัยสองแห่ง แห่งแรกที่ถนนท่าช้าง ตรงข้ามธนาคารทหารไทย  อีกแห่งที่ถนนศรีอุทัย ใกล้กับธนาคารไทยพาณิชย์ (โทร 056-511-036)

ผลิตภัณฑ์ของตั้งยู่ฮวด มีหลายอย่าง จำพวกแช่อิ่ม มีมะม่วง กระท้อน มะกอก มะดัน มะขาม จำพวกของแห้ง มีมะม่วง กระท้อน มะกอก มะดัน มะขาม มะเฟือง มะยมหยี มะขามป้อม  มะเขือเทศ จำหน่ายเป็นขีดหรือเป็นกิโลกรัม ราคาแตกต่างไปตามชนิดของผลไม้  นอกจากนี้ ยังมีเห็ดโคนดอง หน่อไม้จากเขาสะแกกรังนำมาต้มบรรจุขวด  มะนาวดอง แตงไทยอ่อนดอง น้ำผึ้งป่าก็มีขาย  ถ้าไปถึงเมืองอุทัยแวะไปร้านนี้จะได้ของฝากมากมาย

ภาพจาก : painaidii.com
ภาพจาก : edtguide.com

9.มัดหมี่ ร้านอาหารลาวพวน จ.ลพบุรี

ที่ จ.ลพบุรี มีร้านอาหารลาวพวนแห่งหนึ่งชื่อ “ร้านมัดหมี่” อยู่ถนนพระศรีมโหสถ ต.ทะเลชุบศร อ.เมือง ลพบุรี  (โทร 036-420-951) และ (036-412-883)  เปิดขาย 10.00-22.00 น. ทุกวัน หยุดวันอาทิตย์  กับข้าวจานเด็ดของที่ร้าน คือ “ปลาร้าสับ”  ที่ใช้ปลาร้าปลากระดี่คัดตัวเท่าๆ กัน ลวกน้ำเดือด แล้วห่อใบตองปิ้งไฟจนสุก เอามาสับหยาบๆ แล้วเอากระชายหั่นฝอย ตะไคร้ซอย หอมแดงซอย ข่าสองแว่น ใบมะกรูด พริกขี้หนู สับรวมกับปลาร้าจนละเอียด เติมน้ำส้มมะขามเปียกสับเคล้าให้เข้ากัน ห้ามเติมมะนาว น้ำปลาเด็ดขาด  ปล่อยให้ปลาร้าเป็นพระเอก  ผักที่เข้ากันดีคือขมิ้นขาว มะเขือกรอบลูกเล็ก ถั่วพูหรือถ้าหาไม่ได้ ผักอื่นก็ได้แต่ต้องเป็นผักสด  ส่วนกับข้าวอื่นของทางร้านก็มี ปลาส้มทอด ไข่เค็ม ผัดพริกขิง เมี่ยงตะไคร้ ปลาช่อนมัดหมี่ แกงอ่อมไก่บ้านแบบพวน ส้มพวนใส่ปลาร้า แกงเขียวหวานปลากราย หมี่กรอบ แต่ที่แซ่บอีหลี คือปลาร้าสับ

10.ข้าวหลามเจ๊เล็ก หนองมน ชลบุรี

เคยไหมที่ไปถึงตลาดหนองมนแล้วยืนงง ไม่รู้จะเลือกซื้อข้าวหลามเจ้าไหนดีถึงอร่อย สดใหม่เชื่อถือได้ นี่เลย..คุณชายถนัดศรีแนะนำ “ข้าวหลามเจ๊เล็ก”  ข้าวหลามเจ้านี้อยู่ที่ตลาดหนองมน จ.ชลบุรี  จุดแวะพักของนักท่องเที่ยวที่เดินทางไปภาคตะวันออก ไปถึงหนองมนทีไรข้าวหลามเจ้าอร่อยต้องถามหากันเสมอ ข้ามหลามเจ๊เล็กขายอยู่ตรงหัวมุมใกล้สะพานลอยคนข้าม หน้าตลาดหนองมน “เจ๊เล็ก”  ชื่อจริง “สุคนธ์ มาตรแม้น” นั่งขายข้ามหลามตรงนี้เป็นประจำ มีทั้งข้าวเหนียวขาว ข้าวเหนียวดำ เนื้อข้าวหลามนุ่มกำลังดี ไม่แห้งแข็งให้ระคายคอ ส่วนหน้าข้าวหลามปรุงรสกล่อมกล่อม กะทิมันๆ เค็มๆ กำลังดีอีกเช่นกัน เจ๊เล็กเตรียมข้าวหลามตั้งแต่ตีสี่ เผาด้วยฟืนสำเร็จเรียบร้อยจากที่บ้าน ออกมาขายหน้าตลาด ตั้งแต่แปดโมงเช้าไปเรื่อยๆ  ไม่เกิน      ห้าโมงเย็นหมดเกลี้ยง  นอกจากข้าวหลามยังมีขนมจากมัดละ 20 บาทด้วย

ภาพจาก : wongnai

ทั้ง 10 ร้านนี้ฝากไว้ หิวเมื่อไหร่ หรือผ่านไปที่ไหน ร้านใด แวะลองชิม ฝากไว้ให้ระลึกถึงคุณชายถนัดศรี

หากเอ่ยถึง “brainwake” แน่นอนว่าบรรดานักชิมทั้งหลายต้องนึกถึงร้านอาหารจานเดียว หรือ ก๋วยเตี๋ยวน้ำตก ซึ่งเป็นอาหารขึ้นชื่อของทางร้าน แต่ใครจะรู้ว่าของกินขึ้นชื่ออีกอย่างของ brainwake เป็น “ขนมปัง” และ “เค้ก” ที่นักชิมทั้งหลายต้องยกนิ้วให้ โดยเฉพาะขนมปังนั้น ของเขาไม่ธรรมดาเพราะเป็นสูตรมาจากเมืองโกเบ ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งมีให้เลือกซื้อหารับประทานมากมายหลายรูปแบบ เรียกว่าเป็น “ไฮไลท์” อีกอย่างหนึ่งของร้านก็ว่าได้

“ปุ้ม-สุรนันทน์ เวชชาชีวะ” เจ้าของร้านบอกว่าขนมปังของทางร้านที่วางขายทั้งหมดมาจากปลายนิ้วของเชฟ “คาซุมา ซาโตะ” เป็นสูตรที่เชฟนำมาจากเมืองโกเบ ประเทศญี่ปุ่นรวมทั้งการนำเข้าวัตถุดิบด้วย “ขนมปังของร้าน brainwake รสชาติไม่เหมือนขนมปังของที่อื่นๆ ที่เคยกินมา จุดเด่นเป็นแป้งผสมพิเศษ เป็นแป้งมาจากโรงงานญี่ปุ่นในเมืองไทยช่วยผลิตให้เรา เชฟซาโตะทดลองจนได้ที่ เขาจะมีเคล็ดลับการผสมแป้ง การใส่แป้ง กรรมวิธีการนวดแป้ง ที่ทำให้ขนมปังนุ่มและรสชาติอร่อยแตกต่างจากที่อื่น รวมถึงใช้เนยอย่างดี เป็นเนยฝรั่งเศสทั้งหมด แต่ละสาขาจะเลือกวางชนิดของขนมปังที่แตกต่างกันไป บางสาขาลูกค้าชอบแบบนี้เราก็อาจปรับเปลี่ยน โดยดูจากยอดขายว่าลูกค้าชอบอะไรจากนั้นก็ขยายไลน์จากตรงนั้น”

เจ้าของร้านบอกอีกว่า ขนมปังที่เป็นพระเอกของร้าน ขายดี ป๊อปปูลาร์มาก คือ “อัลมอนด์ครัวซองต์”  มีทุกสาขา เป็นครัวซองต์ที่มีความกรอบนอกนุ่มใน หอมกลิ่นของเนยบางๆ และเป็นขนมปังที่ขายหมดก่อนเป็นลำดับแรกในทุกวัน อีกตัวคือ “มัทฉะถั่วแดง” และ “ขนมปังทูน่า” ก็ขายดี ราคาเริ่มต้นที่ 45 บาท ยิ่งตั้งแต่เวลา 17.00 น.เป็นต้นไป ทางร้านจะลดราคา 50% จากราคาปกติ เพราะเป็นขนมปังที่ทำวันต่อวัน สด ใหม่เสมอ ใครไปช้าบางทีไม่มีเหลือให้ติดมือกลับบ้าน ปัจจุบันร้าน brainwake มีทั้งหมด 8 สาขา คือ สุขุมวิท 33, ทองหล่อ 19, อาคาร G Tower พระราม 9, มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์, สัมมากร, Show DC, โรงแรม shama ซอยนานา และที่ มติชนอคาเดมี ประชานิเวศน์ 1 ร้านเปิดทุกวัน ตั้งแต่เวลา 07.00-19.00 น. แวะชิม ช้อปได้ แบบสบายใจ เพราะเป็นขนมปังไร้สารกันบูด และไขมันทรานส์

ถึงแม้ปัญหาฝุ่นละอองจิ๋ว PM 2.5 เริ่มเบาบางลงแล้ว แต่อากาศในกรุงเทพฯ ก็ยังมีมลพิษให้สูดดมกันทุกวี่วัน แน่นอนว่าเราต่างได้รับผลกระทบนี้กันไปเต็มๆ แต่หนึ่งในวิธีที่จะดูแลตัวเองให้มีสุขภาพดีได้ นั่นคือ การกินอาหารที่มีประโยชน์ช่วยเสริมภูมิร่างกายให้แข็งแรงเพื่อต้านฤทธิ์มลพิษที่กำลังครองเมือง มาดูกันเลยดีกว่าค่ะว่าอาหารที่ว่านี้มีอะไรบ้าง

1.ผักตระกูลกะหล่ำ ได้แก่ บร็อกโคลี กะหล่ำปลี กะหล่ำดอก คะน้า กวางตุ้ง ผักกาดขาว ล้วนอุดมด้วยสารอาหารและวิตามินหลายชนิด โดยเฉพาะสารชัลโฟราเฟนที่ช่วยขับสารพิษออกจากร่างกาย จึงลดความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งปอดจากฝุ่นพิษ และยังช่วยเสริมระบบภูมิคุ้มกันให้แข็งแรงด้วย

2.ผลไม้มากวิตามินซี นอกจากช่วยบำรุงผิวพรรณให้สดใสในแบบที่สาวๆ ชอบแล้ว ผลไม้ยังมีสารต้านอนุมูลอิสระสูง เสริมภูมิร่างกายให้แข็งแรง และยังช่วยขับสิ่งแปลกปลอมออกจากร่างกายที่อาจได้รับจากปัญหามลพิษ บรรเทาอาการภูมิแพ้และทำให้ปอดแข็งแรงขึ้น พบมากในผลไม้จำพวกฝรั่ง กีวี มะขามป้อม ส้มโอ มะละกอสุก มะนาว ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ ฯลฯ

3.ปลาและอาหารทะเล เป็นอาหารที่มีกรดไขมันโอเมก้า 3 สูง ช่วยเสริมสร้างผนังเซลล์ในร่างกายจึงอาจมีส่วนช่วยดูแลสุขภาพจากผลกระทบของฝุ่นพิษได้ พบได้ในปลาทะเลและปลาน้ำจืดบางชนิด เช่น ปลาแซลมอน ปลาซาร์ดีน ปลาทู ปลากะพงขาว ปลาดุก ปลาช่อน กุ้ง หอย รวมถึงน้ำมันปลา ซึ่งการกินปลาด้วยวิธีต้ม แกง หรือนึ่งจะได้ประโยชน์ที่สุดเพราะโอเมก้า 3 จะสูญสลายหากผ่านความร้อนสูงๆ เช่นการทอด

4.ผักผลไม้สีส้ม-เหลือง-แดง เต็มไปด้วยวิตามินเอและเบต้าแคโรทีนสูง ช่วยเสริมระบบทางเดินหายใจและระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายให้แข็งแรง โดยเฉพาะเสริมประสิทธิภาพการทำงานของปอดให้ดีขึ้น พบมากในกลุ่มผักผลไม้ที่มีสีส้ม สีเหลือง และสีแดง เช่น ฟักทอง มะเขือเทศ แครอท มันเทศ มันหวาน มะละกอข้าวโพด รวมถึงผักใบเขียวเข้มอย่างผักบุ้งและตำลึงก็ช่วยต้านฤทธิ์ฝุ่นจิ๋วได้

5.ธัญพืชต่างๆ เช่น ถั่ว งา เมล็ดทานตะวัน เมล็ดฟักทอง เม็ดแมงลัก เรื่อยไปถึงขนมปังโฮลวีต ซีเรียลชนิดโฮลเกรน ล้วนมีส่วนช่วยดูแลสุขภาพได้เช่นกันเพราะมีคุณค่าทางอาหารสูง บางชนิดนอกจากจะให้กรดโอเมก้า 3 เช่นเดียวกับเนื้อปลาแล้ว ยังมีวิตามินอีซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระชั้นเยี่ยม ที่ช่วยชะลอการเสื่อมสมรรถภาพของเซลส์และปกป้องปอดจากมลพิษได้

สำหรับคนเมืองที่ชีวิตเร่งรีบ แต่อยากกินอาหารที่ปรุงด้วยวัตถุดิบเหล่านี้เพื่อเติมเต็มประโยชน์ให้ร่างกาย ร้านฌานา สยามเซ็นเตอร์ ชั้น 2 ถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกของคนรักสุขภาพที่กำลังมองหาความมั่นใจ และความหลากหลายของเมนูที่กินแล้วดีต่อกาย ดีต่อใจ อร่อย ที่สำคัญช่วยต้านภัยฝุ่นจิ๋วได้

และนอกจากดูแลตัวเองด้วยการกินอาหารเสริมสร้างภูมิต้านทานให้แข็งแรงแล้ว ก็ต้องออกกำลังกายสม่ำเสมอ นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ อย่าลืมติดแว่นกันแดดและหน้ากากเพื่อป้องกันตัวเองจากฝุ่นละอองเมื่อต้องออกจากบ้าน หรือหลีกเลี่ยงสถานที่ที่มีฝุ่นควันพิษเยอะๆ อย่างน้อยก็จะเป็นเกราะกำบังช่วยลดผลกระทบจากมลพิษได้

ตามไปดูอาหาร 10 ชนิด ที่ช่วยเสริมกำลังให้กับผู้ที่ต้องใช้แรงงานกัน

1.ขนมปังโฮลวีต

ผู้ใช้แรงงานต้องการพลังงานเพื่อเสริมกำลังให้แก่ร่างกาย จึงควรกินอาหารจำพวกแป้ง เช่น ขนมปังโฮลวีต

โดยในขนมปังโฮลวีตมีสารอาหารประเภทโปรตีน ไขมัน คาร์โบไฮเดรต เส้นใยอาหาร วิตามินกลุ่มบี วิตามินอี โซเดียม โพแทสเซียม ฟอสฟอรัส

ประโยชน์ต่อร่างกายคือ ฟื้นฟูกำลัง ทำให้จิตใจแจ่มใส กระตุ้นเมแทบอลิซึม

2.มันฝรั่ง

โพแทสเซียมในมันฝรั่งช่วยเสริมกล้ามเนื้อ ซึ่งในมันฝรั่งเองยังมีสารอรหารประเภทโปรตีน คาร์โบไฮเดรต เส้นใยอาหาร วิตามินซี กรดนิโคทินิก (วิตามินบี 3) โพแทสเซียม

ประโยชน์ของมันฝรั่งคือ แก้กระหาย คลายความเมื่อยล้า รักษาสมดุลของความเป็นกรดและด่างในร่างกาย ควบคุมความดันโลหิต

3.มะระ

วิตามินซีในมะระช่วยลดความเครียด ความเมื่อยล้า

ในมะระยังมีเส้นใยอาหาร วิตามินซี โพแทสเซียม แคลเซียม สารมอร์ดิซีน

มะระยังช่วยรักษาสมดุลของความเป็นกรดและด่างในร่างกาย เพิ่มภูมิคุ้มกัน

4.องุ่น

น้ำตาลกลูโคสในองุ่นช่วยให้อาหารถูกย่อยและดูดซึมสารอาหารไปใช้ได้รวดเร็ว อีกทั้งยังให้พลังงานและทำให้มีกำลัง

ในองุ่นมีสารอาหารประเภทคาร์โบไฮเดรต โพแทสเซียม สารฟลาโวนอยด์ กรดอินทรีย์ ซึ่งมีประโยชน์คือช่วยในเรื่องความเมื่อยล้า เพิ่มภูมิคุ้มกัน

5.ส้มเช้ง

วิตามินซีในส้มเช้งช่วยกำจัดกรดแล็กติกที่เป็นสาเหตุให้เกิดอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ เป็นอาหารที่เหมาะสำหรับผู้ใช้แรงงาน

ในส้มเช้งมีสารอาหารประเภทคาร์โบไฮเดรต เส้นใยอาหาร วิตามินซี แคโรทีน โพแทสเซียม แคลเซียม สารฟลาโวนอยด์ กรดอินทรีย์

ประโยชน์ต่อร่างกายคือ คลายความเมื่อยล้า รักษาสมดุลของความเป็นกรดและด่างในร่างกาย

6.ถั่วแดง

ถั่วแดงอุดมไปด้วยโพแทสเซียม ซึ่งมีคุณสมบัติชดเชยน้ำที่ร่างกายสูญเสียมีส่วนช่วยในการรักษาสมดุลของอิเล็กโทรไลต์ในร่างกาย

ในถั่วแดงมีสารอาหารประเภทโปรตีน คาร์โบไฮเดรต เส้นใยอาหาร วิตามินกลุ่มบี โพแทสเซียม แคลเซียม แมกนีเซียม ฟอสฟอรัส ธาตุเหล็ก สังกะสี

ประโยชน์ต่อร่างกายคือ ช่วยรักษาสมดุลของความเป็นกรดและด่างในร่างกาย คลายความเมื่อยล้า

7.เนื้อไก่

เนื้อไก่อุดมไปด้วยโปรตีนซึ่งเป็นสารสำคัญของโครงสร้างกล้ามเนื้อช่วยให้ผู้ใช้แรงงานมีกำลัง

ในเนื้อไก่มีสารอาหารประเภทโปรตีน ไขมัน คาร์โบไฮเดรต วิตามินเอ วิตามินกลุ่มบี โพแทสเซียม

เนื้อไก่มีประโยชน์คือ ช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกัน บรรเทาอาการปวดกล้ามเนื้อ

8.เนื้อเป็ด

เนื้อเป็ดอุดมไปด้วยวิตามินกลุ่มบี ซึ่งช่วยกระตุ้นเมแทบอลิซึมฟื้นฟูกำลังวังชา

สารอาหารที่พบในเนื้อเป็ด ได้แก่ โปรตีน ไขมัน วิตามินเอ วิตามินกลุ่มบี โพแทสเซียม ฟอสฟอรัส ธาตุเหล็ก สังกะสี

ประโยชน์ของเนื้อเป็ด คือ บำรุงตับ ทำให้อารมณ์ดีทำให้จิตใจแจ่มใส

9.หอยเชลล์

หอยเชลล์มีแมกนีเซียม ซึ่งช่วยบำรุงร่างกาย นอกจากนี้ ในหอยเชลล์ยังพบสารอาหารประเภทโปรตีน คาร์โบไฮเดรต วิตามินกลุ่มบี วิตามินเอ โซเดียม โพแทสเซียม แคลเซียม แคลเซียม ฟอสฟอรัส ธาตุเหล็ก สังกะสี

10.หอยนางรม

หอยนางรมอุดมไปด้วยสังกะสี ช่วยคลายความเมื่อยล้า

ในหอยนางรมยังมีสารอาหารประเภทโปรตีน วิตามินเอ วิตามินกลุ่มบี โซเดียม โพแทสเซียม แคลเซียม ฟอสฟอรัส ธาตุเหล็ก สังกะสี

ประโยชน์ของหอยนางรมคือ ทำให้อารมณ์ดี ช่วยให้อวัยวะต่างๆ ทำงานตามปกติ รักษาสมดุลของความเป็นกรดและด่างในร่างกาย

กำลังจะผ่านพ้นปี 2018 ไปแล้ว เชื่อว่าเรื่องของปากท้องเป็นสิ่งสำคัญกับทุกคน ภายในปี 2018 มีเมนูเด็ดๆมาแรงให้เลือกลองกินกันอย่างมากมาย ไม่ว่าจะอาหารคาวหรืออาหารหวาน มติชนอคาเดมี ก็ไม่พลาด รวบรวม 12 เมนูฮิตติดกระแสในปีนี้มาฝากกัน ไปดูกันเลยว่ามีเมนูอะไรบ้าง

ชาไข่มุก

เมนูเครื่องดื่มสุดฮิต กำลังเป็นที่นิยมอย่างมากในประเทศไทย หรือจะเรียกได้ว่า ยุคของชาไข่มุก เลยก็ว่าได้ ชาไข่มุกมีต้นตำรับเดิมมาจากประเทศไต้หวัน ซึ่งตัวชาเองมีความอร่อยหวานมัน บวกกับไข่มุกที่ทำมาจากแป้งมันสำปะหลัง มีรสชาติหวาน มันให้ความหนึบหนับ เคี้ยวเพลิน ทั้ง อย่างมารวมอยู่ในแก้วเดียวกัน บอกได้เลยว่าอร่อยฟินลืม โดยเฉพาะอากาศร้อนๆ แบบเมืองไทยก็ต้องชาไข่มุกนี้แหละลงตัวที่สุด

ความฮิตของไข่มุกไม่ได้อยู่แค่ในชาเท่านั้น แต่ยังมีการนำเอาไข่มุกใส่ลงไปในอาหารคาว ไม่ว่าเป็น คั่วไก่ไข่มุก ก๋วยเตี๋ยวเรือไข่มุก ถือว่าเป็นความแปลกใหม่บวกกับความคิดสร้างสรรค์ของคนไทย จึงเกิดเมนูใหม่ๆ ขึ้นมา

แพนเค้กซูเฟล่

แพนเค้กเด้งดึ๋งอ้วนกลมสัญชาติฝรั่งเศสที่เคยฮิตมากในญี่ปุ่น ใครไปญี่ปุ่นต้องไปลองแพนเค้กซูเฟล่สักครั้ง โดยเฉพาะร้าน Gram Pancakes ที่ถูกจัดอันดับให้เป็น 1 ใน 11 ร้านแพนเค้กที่อร่อยที่สุดในโตเกียว ซึ่งในปีนี้เป็นครั้งแรกที่แพนเค้กแกรมได้เดินทางมาถึงเมืองไทย ด้วยความที่ตัวแพนเค้กซูเฟล่มีความหนานุ่มกว่าแพนเค้กธรรมดา รสสัมผัสนุ่มนวล ละลายในปาก จึงทำให้เป็นที่ถูกใจของใครหลายคน

ปูไข่ดอง

ปูไข่ดอง” เมนูอร่อยจากประเทศเกาหลีใต้ กลายมาเป็นอาหารจานแซ่บที่กำลังมาแรงในปีนี้  จากการรีวิวของเหล่าคนมีชื่อเสียงและยูทูเบอร์ทั้งหลายที่ถ่ายรูปถ่ายวิดีโอโชว์ความแซ่บผ่านโลกโซเชียลให้คนที่ติดตามได้น้ำลายสอ จนทนไม่ไหวต้องรีบไปหาซื้อทานตามกระแสความฮิต ได้ลิ้มรสชาติความหอมอร่อยของปูไข่ดอง ที่นำปูไข่หลังจากทำความสะอาดและลดกลิ่นคาวด้วยโซดาแล้วมาดองกับน้ำปลาเคี่ยว หากยิ่งดองไว้นานก็ยิ่งเพิ่มระดับความอร่อยเข้าไปอีก จากนั้นก็เสิร์ฟพร้อมน้ำจิ้มซีฟู้ดรสแซ่บ รับประกันความฟิน

เกี๊ยวน้ำ

ที่มา https://pantip.com/topic/37895160

เกี๊ยวน้ำเป็นที่ฮิตกันอย่างมากในช่วงที่ละครเรื่องเมีย 2018” กำลังออนแอร์ มีหลายคนที่อินกับละครจนต้องลุกขึ้นมาทำเกี๊ยวน้ำเอาใจเหล่าบรรดาสามีกันยกใหญ่ โดยเกี๊ยวน้ำนั้นเป็นอาหารที่ทำง่าย ไม่ยุ่งยาก ไม่ใช่อรุณาก็ทำอร่อยได้ขอบอก เพียงแค่มีเนื้อหมูบด แผ่นเกี๊ยวสำหรับต้ม แล้วนำแผ่นเกี๊ยวมาห่อหมูบดที่หมักไว้ ต้มลงในน้ำซุปกระดูกหมู ปรุงรสตามใจชอบ โรยหน้าด้วยหอมผักชีเพื่อความหอมและสวยงาม เพียงแค่นี้ก็จะได้เกี๊ยวน้ำที่มีรสชาติกลมกล่อมหอมละมุนพร้อมเสิร์ฟ 

ไก่เผ็ดเคเอฟซี

อีกหนึ่งเมนูที่ฮิตฮอตมาแรงในปีนี้ ที่จะไม่พูดถึงเห็นทีว่าจะไม่ได้ สำหรับเมนู ไก่เผ็ดเคเอฟซี ความฮิตของไก่เผ็ดมาจากการรีวิวของคนที่ได้ลองทานมาแล้ว ทำให้คนที่ยังไม่ลองทานอยากรู้ว่าจะเผ็ดสมคำร่ำลือจริงหรือเปล่า จนเกิดกระแสซื้อไก่เผ็ดจนแถวยาวเหยียด โดยเมนูนี้มีความพิเศษอยู่ที่ตัวซอส ที่ใช้ราดบนไก่ทอดร้อนๆ มีซอส 2 แบบให้เลือกทาน คือเผ็ดเด็กเด็กและเผ็ดดุดัน” ที่เผ็ดร้อนแรงสุดขั้ว

ไก่กรอบชีสซี่ เคเอฟซี

และที่มาแรงไม่แพ้เมนูอื่นๆ สำหรับเมนูไก่กรอบชีสของเคเอฟซี ที่มีกระแสรีวิวในโซเซียลและติดแฮซแท็กในทวิตเตอร์มากมาย เป็นอีกเมนูหนึ่งที่ไม่ควรพลาดและต้องลองแวะไปทานดู สำหรับคนรักชีส เพื่อเอาใจสาวกคนชอบทานชีส ที่เคเอฟซีจัดหนักจัดเต็มราดชีสเยิ้มๆบนไก่กรอบเน้นๆทุกชิ้น พอทานชีสคู่กันกับไก่กรอบแล้วไม่น่าเชื่อเลยว่าจะเป็นส่วนผสมที่ลงตัวได้ดีขนาดนี้ รสชาติก็ต้องขอบอกไว้ตรงนี้เลยว่าอร่อยชีสฟินไก่

มะม่วงน้ำปลาหวาน

กระแสละครเรื่องบุพเพสันวาสที่มาแรงในปีนี้ ทำให้มีอาหารหลายอย่างเป็นที่ยอดฮิตขึ้นมา และหนึ่งในนั้นก็คือมะม่วงน้ำปลาหวาน ฉากที่แม่การะเกดอยากกินมะม่วงน้ำปลาหวาน จึงใช้บ่าวไปเก็บมะม่วง และนำวัตถุดิบที่จะทำน้ำปลาหวานมาให้ ไม่ว่าจะเป็น หอมแดง พริก ปลาย่าง น้ำตาลปึก และน้ำปลา ซึ่งในฉากนั้นก็ทำให้ผู้ชมน้ำลายสอไปตามๆ กัน จนเกิดกระแสกินมะม่วงน้ำปลาหวานกันไปช่วงหนึ่งเลย

หมูสร่ง

อาหารว่างโบราณที่ฟินคืนชีพมาพร้อมกับละครบุพเพสันนิวาส ในฉากที่แม่การะเกดตั้งใจทำให้คุณพี่หมื่นทาน หลังจากละครได้ออกอากาศไปก็ทำให้สาวๆหลายคนสวมบทเป็นแม่การะเกด ลุกขึ้นมาทำหมูสร่ง ซึ่งหมูสร่งฟังดูเหมือนเป็นเมนูที่ทำง่าย เพียงแค่นำหมูบดปรุงรสมาปั้นเป็นก้อนกลม แล้วพันด้วยเส้นหมี่ซั่ว จากนั้นจึงนำไปทอด แต่ความจริงแล้วเป็นเมนูที่มีความพิถีพิถัน การทอดต้องใช้ไฟกลางเพื่อไม่ให้เส้นหมี่ไหม้ก่อนที่หมูจะสุก และต้องทอดทีละด้านเพื่อไม่ให้เส้นหมี่ที่พันไว้กระจายตัว

กุ้งเผา

อีกหนึ่งเมนูที่เป็นเมนูยอดนิยมมานานกุ้งเผาที่กลับมาเป็นกระแสอีกครั้งจากละครเรื่องบุพเพสันนิวาสที่หลายคนดูแล้วท้องร้องไปตามๆ กัน จนต้องรีบหาเวลาว่างไปทาน ความพิเศษของเมนูนี้คือการนำกุ้งสดตัวใหญ่ๆ ไปเผาจนได้ที่ ไม่แห้งจนเกินไป เสิร์ฟพร้อมกับน้ำจิ้มซีฟู้ดรสเด็ด ที่ไม่ว่าใครได้ทานแล้วต้องติดใจ กับความเด้งและความหวานของเนื้อกุ้งเผาและมันกุ้งที่ไหลเยิ้ม บอกได้คำเดียวว่าฟินแน่นอน

หมูปลาร้า สี่แยกคอกวัว

ที่มา https://pantip.com/topic/37709489

โซเซียลแชร์กันกระหน่ำสำหรับเมนูหมูปลาร้าที่เรียกได้ว่าไปทางไหนก็มีแต่คนพูดถึง มีเหล่าคนดังมากมายได้ลองไปกินยั่วน้ำลายคนดู ซึ่งเป็นเมนูอาหารหมูปิ้งเนื้อนุ่มที่เสิร์ฟพร้อมปลาร้าสับหรือทานกับน้ำพริกต่างๆ เพื่อเพิ่มรสชาติความอร่อยให้กับหมูปิ้งยิ่งขึ้น นอกจากนี้หากทานควบคู่ไปกับข้าวเหนียวร้อนๆ หอมๆ รับรองได้เลยว่าอร่อยเหาะ

ร้านกาแฟชายทุ่ง

นาทีนี้ถ้าไม่พูดถึงก็คงจะเป็นไปไม่ได้เลยสำหรับร้านกาแฟชายทุ่งที่มาจากพระเมตตาของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้จัดสร้างขึ้นสนับสนุนการปลูกเมล็ดกาแฟชาวเขาจาก 9 ดอยของภาคเหนือ เพื่อสืบทอดปณิธานในหลวงรัชกาลที่ 9 ซึ่งภายในร้านไม่ได้มีแค่เมนูน้ำอย่างเดียวเท่านั้น แต่ยังมีเมนูขนมอีกมากมายให้เลือกทานกันด้วย ซึ่งหลังจากเปิดร้านเพียงไม่นาน หลายคนก็ไม่พลาดแวะเวียนไปชิมกันเพียบ

ไอศกรีมอะโวคาโด โครงการหลวง

เรียกได้ว่าเป็นไอศกรีมที่คิวยาวที่สุดในตอนนี้ หลายคนเฝ้ารองานโครงการหลวงเพียงเพื่อที่จะได้กิรไอศกรีมกะทิสดน้ำตาลโตนดรสชาติหอมหวาน โปะลงบนอะโวคาโดสดหั่นชิ้น จากโครงการหลวง ที่เนื้อเนียนนุ่มและมัน เข้ากันได้อย่างลงตัว ซึ่งถือเป็นแรร์ไอเทมเลยก็ว่าได้ แต่ตอนนี้ไม่ต้องรอแล้ว อยากทานวันไหนก็สามารถไปทานได้เลยที่ ร้านดอยคำ สาขาราชเทวี

ตลอดทั้งปี 2018 มีอาหารสุดฮิตเกิดขึ้นมามากมาย แต่ที่เด็ดๆ ก็คงต้องยกให้ 12 เมนูนี้เลย อร่อย ฟิน แน่นอน ใครที่ยังไม่เคยลองเมนูไหนก็ไปลองกันเลย อย่าปล่อยให้ข้ามปี ไม่อย่างนั้นจะถือว่าพลาดอย่างแรง ส่วนปีหน้าอาหารอะไรจะฮิตติดกระแส ต้องรอติดตามกันต่อไป!!