มันน่าทึ่งมาก ที่ครอบครัวหนึ่งจะเลี้ยงลูกๆทั้ง3คนของพวกเขา ให้เข้าเรียนมหาวิทยาลัยระดับเวิลด์คลาส อย่างสแตนฟอร์ด สหรัฐอเมริกา ได้

คำถามในใจของพ่อแม่หลายๆคนคือ เขาเคี่ยวเข็ญลูกๆยังไงให้เรียนเก่ง จนสอบเข้ามหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ดได้?

แต่แค่ตั้งคำถามก็ผิดแล้ว เชื่อหรือไม่ว่าเบื้องหลังความสำเร็จด้านการศึกษา พวกเขาไม่เคยเคี่ยวเข็ญ บังคับ ดุ และตีลูกๆเลย ตรงกันข้ามเขาปลูกฝังความคิด ความรัก แทรกอยู่ในชีวิตประจำวันของลูกๆทุกๆวัน จนกลายเป็นความคิดและพัฒนาการเชิงบวก จากเด็กเล็ก เด็กโต สู่วัยรุ่น วัยเรียน และวัยทำงาน

คุณแม่ยอดอึด หญิงแกร่ง ที่ใจดีโคตร ไม่ใช่ใครที่ไหน เธอคือ แอกเนส ชาน ไอดอลเกาะฮ่องกง คนดังในยุค 70 กระแสแอกเนส ชาน ดังไกลถึงเมืองไทย เธอกลายเป็นไอดอลขวัญใจวัยรุ่นไทยยุคเบบี้บูมเมอร์ เป็นแรงบันดาลใจให้สาวๆพากันฮิตจับกีตาร์เล่นเพลงโฟล์คซอง

ความโด่งดังของเธอ ทำให้ค่ายใหญ่อย่างชอว์บราเดอร์ส ชวนไปเล่นภาพยนตร์คู่กับเดวิด เจียง และตี้หลุง

นอกจากจะเป็นซุปตาร์แล้ว แอกเนส ชาน ยังมุ่งศึกษาด้านจิตวิทยาเด็กและด้านการศึกษา  เธอจบปริญญาตรี ด้านจิตวิทยาเด็ก ที่มหาวิทยาลัยโทรอนโต ประเทศแคนนาดา และปริญญาเอก คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด สหรัฐอเมริกา เท่ากับครอบครัวของเธอเรียนที่มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ดถึง 4 คน อีกทั้งเธอยังมุ่งมั่นทำงานอาสาช่วยเหลือเด็กยากไร้ในหลายประเทศจนได้รับเชิญให้เป็นทูตสันถวไมตรีขององค์การยูนิเซฟ (UNICEF)ด้วย

แอกเนส ชาน ใช้ความรู้ที่สั่งสมมาเรื่อยๆ บวกกับสัญชาตญาณของตัวเอง และสิ่งพี่พ่อแม่สอนมา กลั่นออกมาเป็นวิธีการสอนแบบแอกเนส มาเลี้ยงดูลูกๆของเธอด้วยความรัก ความตั้งใจและความเอาใจใส่ ที่เธอบอกว่าท้าทายและสนุกในทุกๆวัน

เส้นทางชีวิตของเธอมาถึงจุดนี้ได้ยังไง เป็นจุดที่ต้องยกนิ้วให้กับหญิงเก่งและแกร่งคนนี้ กลายเป็นที่มาของหนังสือดีๆน่าอ่าน2เล่ม ตีพิมพ์โดยสำนักพิมพ์ประพันธ์สาส์น เล่มแรก อัตชีวประวัติ แอกเนส ชาน และเล่มที่สอง 50วิธีสอนลูกทั้งสามเข้าเรียนสแตนฟอร์ด

แอกเนส ชาน และอาเธอร์ ลูกชายคนโตของเธอ บินตรงมาจากประเทศญี่ปุ่น และสหรัฐอเมริกา เพื่อแถลงเปิดตัวหนังสือ2เล่มนี้ เมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2562 ที่มติชนอคาเดมี การบินมาเมืองไทยของเธอครั้งนี้ ถือโอกาสมีตติ้งกับแฟนคลับชาวไทย ร่วมกันย้อนวันวาน“แอกเนส ชาน ยอดรัก”เป็นชื่อที่ติ่งชาวไทยใช้เรียกเธอ

เนื้อหาในหนังสือ “อัตชีวประวัติ แอกเนส ชาน” ไม่ใช่แค่บอกเล่าความสำเร็จของเธอ แต่ได้บอกเล่าถึงปัญหาอุปสรรคที่มักยิ่งใหญ่กว่าความสำเร็จเสมอ กว่าจะมาถึงจุดนี้ซุปเปอร์สตาร์คนดังต้องฟันฝ่าอุปสรรคอะไรบ้าง และผ่านความยากลำบากมาได้อย่างไร

เมื่อตอนคลอดลูกชายคนโต แอกเนส ชาน พาลูกไปทำงานด้วย ในปี 1987 เกิดประเด็น “ข้อวิพากษ์แอกเนส”หรือ“ข้อวิพากษ์เหม่ยหลิง”ขึ้น โดย เหม่ยหลิง เป็นอีกชื่อหนึ่งของเธอ ครั้งนั้นเธอถูกนักข่าวถ่ายรูปขณะพาลูกชายที่ยังแบเบาะมาทำงานอัดรายการโทรทัศน์ด้วย ในตอนนั้นญี่ปุ่นถือว่าการเอาลูกไปเลี้ยงที่ทำงาน เป็นสิ่งผิดประเพณีอย่างแรง คนญี่ปุ่นประณามเธอว่าผู้หญิงคนนี้ทำตัวไม่เหมาะสม

เธอต้องอดทนกับคำประณามและการต่อว่าอย่างหนักนานกว่า2ปี จนกระทั่งรัฐสภาเอาเรื่องนี้ไปอภิปรายและเป็นข่าวไปทั่วโลก จนมีการออกกฎหมายว่าผู้หญิงสามารถเอาลูกไปเลี้ยงที่ทำงานได้

แต่ท่ามกลางมรสุมชีวิต ก็มีเรื่องดีๆผ่านเข้ามาในชีวิต เมื่อนิตยสารไทม์ หยิบยกเรื่องนี้ขึ้นตีพิมพ์ และไปเข้าตา ดร.ไมรา สโตรเบอร์ นักวิชาการด้านเศรษฐศาสตร์การศึกษาแห่งมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด จนแอกเนส ชานได้รับเชิญให้เข้าพบ เธอได้รับคำแนะนำให้เข้าศึกษาต่อ ปริญญาโท และทำวิจัยวิเคราะห์มุมมองด้านเศรษฐศาสตร์อย่างเป็นรูปธรรมจาก”ข้อวิพากษ์แอกเนส” จนกระทั่งสอบเอนทรานซ์เข้าเรียน และเรียนต่อจนจบปริญญาเอกคณะศึกษาศาสตร์ ที่มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด

อีกเล่มที่ เหล่าแม่ๆและครอบครัวที่มีลูกวัยเรียนหรือวัยก่อนเข้าเรียนควรอ่าน คือ หนังสือ“50 วิธีสอนลูกทั้งสามเข้าเรียนสแตนฟอร์ด” แม้ว่าแอกเนส ชาน ไม่ได้มีเป้าหมายเลี้ยงลูกเพราะอยากให้เข้าเรียนที่สแตนฟอร์ด แต่มันกลายเป็นผลลัพธ์ของการเลี้ยงลูกทั้ง3คนของเธอ การสอนลูกให้เป็นคนใฝ่เรียน รักการเรียนรู้ และนำสิ่งที่เรียนรู้มาใช้กับชีวิตประจำวันได้อย่างประสบความสำเร็จ สอนให้เป็นคนดี มีจิตใจเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ รักตัวเอง เชื่อมั่นในตัวเอง รู้ว่าตัวเรามีดีแต่ก็ต้องยอมรับและเข้าใจในจุดด้อยของตัวเอง แล้วเราจะเข้าใจคนอื่น มีกำลังใจในการมีชีวิตอยู่

เคล็ดลับบางข้อ ที่แอกเนส ยกตัวอย่างในการแถลงข่าว คือ พ่อแม่ต้องไม่เปรียบเทียบลูกกับคนอื่น แต่ต้องมอบความรัก มอบหัวใจให้กับลูก100% ต้องทำให้เขารู้ว่าเรารักเขา เราให้เกียรติเขา รักในความเป็นเขา ในตัวตนของเขา เขาก็จะรักตัวเอง มีความมั่นใจในตัวเองเพิ่มขึ้น

ไม่ตีและไม่เคยดุลูก เพราะไม่ใช่วิธีที่ถูกต้อง สิ่งที่ถูกต้องคือ พูดคุยกันด้วยเหตุผล ให้เข้าใจอะไรคือสิ่งที่ทำผิด พยายามพูดคุยไม่ให้เขาทำสิ่งนี้อีก พ่อแม่หลายคนที่ตีลูก ลูกจะเจ็บปวด ลูกจะกลัวและบอกว่าผมขอโทษๆ แต่เป็นการขอโทษจากใจจริงหรือเปล่า หลายๆครั้งเขาทำสิ่งนั้นอีก รวมทั้งเขาจะคิดว่าทำสิ่งนี้ได้เมื่อแม่ไม่อยู่ จะไม่โดนตี

แอกเนส เล่าว่า เธอเคยเปิดอกคุยกับอาเธอร์นานถึง 8 ชั่วโมง จากสาเหตุโกหกแม่ เขาทำข้อสอบได้ 70 คะแนนจาก 100 คะแนน แล้วแอบไว้ในกระเป๋า พอถามก็บอกว่ายังไม่ได้ข้อสอบกลับมา เมื่อทราบเรื่องมีการถามกัน เขาบอกว่าไม่อยากให้แม่ผิดหวังที่ได้คะแนนน้อย ทำให้เธอต้องกลับมาคิดทบทวนและรู้ตัวว่าเธอได้ทำอะไรผิดไปแล้ว เธอเคยบอกเป็นนัยกับลูกว่าฉันจะมีความสุขถ้าลูกได้คะแนนดี ทำให้อาเธอร์เชื่อว่าเธอจะผิดหวังถ้าได้คะแนนไม่สูง ซึ่งไม่จริง ไม่ว่าจะได้คะแนนน้อยหรือมากแค่ไหน เธอก็ยังรัก จะไม่ได้รักมากขึ้นถ้าได้100คะแนนเต็ม หรือรักน้อยลงถ้าได้0คะแนน ไม่ว่าลูกจะทำอะไรมันเป็นสิ่งที่รับได้เสมอ ขอให้บอก และมาแก้ปัญหาร่วมกัน จึงเป็นที่มาของการเปิดอกคุยกันของแม่ลูกแบบมาราธอน

อยากรู้เคล็ดลับสอนลูกเจ๋งๆมีอะไรบ้าง โดยเฉพาะพ่อแม่ที่ต้องทำงานไปด้วยและเลี้ยงลูกไปด้วย แอกเนส ชาน ได้บอกใบ้ผ่านหนังสือ“50 วิธีสอนลูกทั้งสามเข้าเรียนสแตนฟอร์ด”ไว้อย่างน่าสนใจ

หนังสือทั้ง2เล่ม กลั่นออกมาจากทุกช่วงชีวิตของไอดอลคนดัง แอกเนส ชาน จากนักร้อง นักแสดง นักพูด สู่นักเขียน ขอบอกว่าอ่านเพลินจนวางไม่ลง และยังได้ทั้งข้อคิด แนวทางดีๆ ในการใช้ชีวิตและการสอนลูกให้เติบโตเป็นคนดีที่มีคุณภาพด้วย

วางจำหน่ายแล้วตามร้านหนังสือทั่วไป และที่งานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ ครั้งที่ 47 ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ วันที่ 28 มี.ค.-7เม.ย.62นี้