ช่วงหน้าฝนไม่ใช่แค่คนที่ป่วยง่ายนะคะ แต่ “สัตว์เลี้ยง” ภายในบ้านนี่แหละค่ะที่พวกเขาก็สามารถเจ็บป่วยได้ง่ายๆ ไม่แพ้มนุษย์อย่างเรา ยิ่งช่วงหน้าฝนแบบนี้ ด้วยความที่อากาศเปลี่ยน ทั้งฝนตกและความชื้นต่างๆ บางทีร่างกายของสัตว์เลี้ยงอาจปรับตัวไม่ทัน ทำให้เจ็บป่วยได้ง่ายเช่นกัน วันนี้เรามาดูวิธีการดูแลพวกเขากันดีกว่าค่ะ

ฉีดวัคซีนป้องกันโรคติดต่อ
การพาสัตว์เลี้ยงไปฉีดวัคซีนป้องกันโรคติดต่อ จะช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันมากขึ้น โดยเฉพาะถ้าใครที่มีสัตว์เลี้ยงที่อายุน้อยหรือสูงอายุ ควรดูแลพวกเขาให้ดี โดยหากใครที่เลี้ยงสุนัข ควรพาไปฉีดวัคซีนรวมไข้หัดสุนัข ลำไส้อักเสบ และ หลอดลมอักเสบติดต่อ ส่วนใครที่เลี้ยงแมว ควรพาไปฉีดวัคซีนป้องกันหัดแมวและไข้หวัดแมวค่ะ

ดูแลเรื่องอาหารและน้ำของสัตว์เลี้ยง
หากใครที่ให้อาหารเม็ด ก่อนจะซื้อควรตรวจเช็คให้เรียบร้อยว่าอาหารเม็ดไม่เก่า ไม่ขึ้นรา หรือใครที่ให้อาหารเป็นแบบปรุงเอง ก็ควรทำให้สุกสะอาด ไม่ปล่อยค้างคืนนะคะ หากสัตว์เลี้ยงที่บ้านเกิดอาการ อาเจียน ท้องเสีย เซื่องซึม ก็ควรพาไปพบแพทย์โดยด่วนเลยค่ะ

ระวังอย่าให้สัตว์เลี้ยงตากฝน
สัตว์เลี้ยงบางชนิดอาจมีอุปนิสัยซุกซนโดยบางตัวอาจชอบเล่นน้ำฝนหรือเล่นน้ำเป็นประจำ โดยเฉพาะเจ้าตูบแสนซน ซึ่งถ้าใครเลี้ยงสุนัขก็ควรระมัดระวังไม่ให้ตากฝนด้วยนะคะ เพราะอาจทำให้สุนัขไม่สบายนะคะ และหากสัตว์เลี้ยงของใครที่มักจะขี้หนาวก็อย่าลืมหาเสื้อผ้า หรือที่นอนอุ่นๆ เตรียมไว้ด้วยค่ะ

ดูแลผิวหนังของสัตว์เลี้ยงให้ดี
ช่วงหน้าฝนทำให้เกิดสภาวะอับชื้นได้ง่ายค่ะ ซึ่งนี่แหละที่เป็นตัวการทำให้สัตว์เลี้ยงของเราเกิดโรคผิวหนังได้นะคะ โดยส่วนใหญ่เราจะพบอาการผิดปกติได้บริเวณใบหูด้านใน รอบจมูก รอบตา และง่ามนิ้วเท้าค่ะ ทั้งนี้สาเหตุโรคผิวหนังในสัตว์เลี้ยงอาจจะมีหลายอย่าง เช่น เชื้อรา ติดเชื้อแบคทีเรีย หรือขี้เรื้อนรูขุมขนร่วมด้วย เราจึงควรหมั่นดูแลทำความสะอาดสัตว์เลี้ยงเป็นประจำ ทำขนให้แห้ง ไม่ปล่อยให้เปียกชื้นนะคะ

ระวังเห็บและหมัด
อีกปัจจัยสำคัญที่ทำให้สุนัขและแมวป่วย ก็มาจากเจ้าพวกนี้แหละค่ะ เพราะเห็บเป็นพาหะนำโรคต่างๆ มากมาย เช่น พยาธิในเม็ดเลือดหรือไข้เห็บ โลหิตจาง และ ทำให้ภูมิคุ้มกันลดลง ยิ่งภูมิอากาศบ้านเราในช่วงหน้าฝน ที่มีทั้งความร้อน ความชื้น ยังเป็นตัวการแพร่พันธุ์เห็บอย่างดี ดังนั้นจึงควรดูแลรักษาความสะอาดของสัตว์เลี้ยงให้ดีนะคะ หากพบว่าสัตว์เลี้ยงของเรามีเห็บหรือหมัด ควรหายากำจัดเห็บหมัดมาใช้ หรือพบแพทย์เพื่อขอคำแนะนำในการใช้ยาค่ะ

ลดความเครียดให้สัตว์เลี้ยง
เมื่อฝนตก ฟ้าร้อง หรือ ฟ้าฝ่า เราควรพาสัตว์เลี้ยงมาไว้ใกล้ตัว เพื่อสร้างความอุ่นใจให้พวกเขาค่ะ เพราะเวลาฝนฟ้าคะนองเสียงดัง อาจทำให้สัตว์เลี้ยงของเราเกิดอาการเครียด และกลัวเสียงดังกล่าว เราจึงควรพาเขามาอยู่ใกล้ๆ หรือ เปิดทีวีเพื่อช่วยเบี่ยงเบนความสนใจก็ได้ค่ะ

เมื่อรู้แบบนี้แล้วใครที่มีสัตว์เลี้ยงอยู่ที่บ้าน ก็ควรดูแลสุขภาพและรักษาความสะอาดของสัตว์เลี้ยงกันให้ดีนะคะ ฝนตกบ่อยๆ แบบนี้ อย่าลืมเตรียมตัวรับมือให้ดีค่ะ

ที่มา : บล็อกเล่าเก้าสิบ

นักวิทยาศาสตร์การสัตวแพทย์กลุ่มหนึ่ง ออกมาเตือนให้บรรดาคนรักแมวกักบริเวณน้องเหมียวของตนเองให้อยู่แต่ในบ้านหรือตัวอาคารที่ปิดมิดชิด อย่าเพิ่งปล่อยให้ออกมาเที่ยวเล่นข้างนอกในช่วงเวลานี้ หลังจากงานวิจัยหลายชิ้นพบหลักฐานเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ว่า แมวสามารถติดเชื้อโรคโควิด-19 จากคน และจะแพร่เชื้อต่อให้แมวด้วยกันเองได้

ก่อนหน้านี้มีรายงานข่าวว่า แมวตัวหนึ่งที่ประเทศเบลเยียมติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่จากเจ้าของ โดยมันมีผลตรวจหาเชื้อเป็นบวกหนึ่งสัปดาห์หลังจากที่เจ้าของเริ่มมีอาการป่วย ส่วนในสัปดาห์นี้ก็มีรายงานว่า เสือโคร่งมลายูตัวหนึ่งของสวนสัตว์บรองซ์ในนครนิวยอร์ก ติดเชื้อไวรัสโรคโควิด-19 จากคนเลี้ยงเช่นเดียวกัน

เหตุการณ์เหล่านี้สอดคล้องกับผลการศึกษาล่าสุด ที่จัดทำโดยคณะนักวิทยาศาสตร์จีนจากสถาบันวิจัยการสัตวแพทย์เมืองฮาร์บิน (HVRI) ซึ่งงานวิจัยนี้ได้เผยแพร่ทางออนไลน์ในเว็บไซต์คลังเอกสารวิชาการด้านชีววิทยา bioRxiv.org เมื่อช่วงปลายเดือนที่ผ่านมา

ผลวิจัยซึ่งเปรียบเทียบความเสี่ยงในการติดเชื้อไวรัส SARS-CoV-2 ซึ่งก่อโรคทางเดินหายใจโควิด-19 ในหมู่สัตว์เลี้ยงชนิดต่างๆ ชี้ว่า หมู สุนัข เป็ด และไก่ ไม่สู้จะตอบสนองต่อเชื้อไวรัสชนิดนี้และเกิดการติดเชื้อได้ยาก ในขณะที่แมวและตัวเฟร์เร็ต (ferret) กลับติดเชื้อได้ง่าย

ในกรณีของแมวนั้นสามารถจะติดเชื้อจากคนและจากแมวด้วยกัน ผ่านละอองฝอยที่ออกมาจากทางเดินหายใจ โดยอนุภาคของไวรัสสามารถลอยอยู่ในอากาศได้ครู่หนึ่งเมื่อมีการ ไอ จาม ออกเสียงพูด หรือหายใจออกมา

ดร. แอนเจิล อัลเมนดรอส ผู้เชี่ยวชาญด้านสัตวแพทยศาสตร์ จากมหาวิทยาลัย City University of Hong Kong หนึ่งในผู้เขียนบทความลงวารสาร Vet Record ซึ่งแนะนำให้กักบริเวณแมวไว้ในบ้านบอกว่า มาตรการนี้นับว่าสมเหตุสมผลหากเจ้าของแมวสามารถทำได้ แต่อย่างไรก็ตาม คนรักแมวและสัตว์เลี้ยงชนิดอื่นๆ ไม่ควรจะต้องกังวลว่าเชื้อไวรัสจากสัตว์ที่อยู่ใกล้ชิดจะแพร่กลับคืนมายังมนุษย์

เสือโคร่งมลายูตัวหนึ่งของสวนสัตว์บรองซ์ในนครนิวยอร์ก ตกเป็นข่าวว่าติดเชื้อโรคโควิด-19 จากคนเลี้ยง
นักวิทยาศาสตร์ยังไม่เคยพบกรณีที่สุนัขหรือแมวนำเชื้อไวรัสโรคโควิด-19 มาติดต่อคนแม้แต่กรณีเดียว

“เรายังไม่เคยพบกรณีที่สุนัขหรือแมวนำเชื้อไวรัสโรคโควิด-19 มาติดต่อคนแม้แต่กรณีเดียว และยังไม่พบหลักฐานใดๆ ที่บ่งชี้ว่าพวกมันจะสามารถทำเช่นนั้นได้ด้วย” ดร. อัลเมนดรอสกล่าว “จงปฏิบัติกับสัตว์เลี้ยงเหมือนกับสมาชิกในครอบครัวของคุณเอง หากคุณรู้สึกว่าเป็นไข้ไม่สบาย ก็ไม่ควรจะเข้าไปใกล้ชิดสัมผัสพวกมัน”

ด้านสมาคมสัตวแพทย์แห่งอังกฤษ (BVA) ซึ่งสนับสนุนคำแนะนำให้กักบริเวณแมวดังกล่าว ออกมาแถลงเน้นย้ำด้วยเช่นกันว่า เจ้าของแมวไม่ควรจะกังวลเรื่องการติดเชื้อจากสัตว์สู่คน และแนะให้กักบริเวณแมวที่เลี้ยงไว้เฉพาะในกรณีที่มีผู้ต้องสงสัยติดเชื้อในบ้านเท่านั้น

“เจ้าของแมวและสัตว์เลี้ยงอื่นๆ ทุกคน จะต้องรักษาสุขอนามัยและหมั่นล้างมือให้สะอาด เพราะขนสัตว์อาจมีเชื้อไวรัสโรคโควิด-19 ติดอยู่ในช่วงระยะเวลาหนึ่งได้ หากพวกมันไปสัมผัสกับคนป่วยมา” ประธานสมาคมสัตวแพทย์แห่งอังกฤษกล่าว

ที่มา : ข่าวสด

บริษัท เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ เอ็มเจดี นำโดย ดร.สุริยา พูลวรลักษณ์ กรรมการผู้จัดการ พร้อมด้วยผู้บริหารและตัวแทนพนักงาน สานต่อโครงการเพื่อสุนัขเป็นปีที่ 2 ฉีดวัคซีนให้กับสุนัขกว่า 400 ตัว ในพื้นที่เกาะสุนัข พุทธมณฑล จ.นครปฐม

พร้อมด้วยสัตวแพทย์จิตอาสา ศิษย์เก่าจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ฉีดวัคซีนป้องกัน 6 โรค ที่มักเกิดกับสุนัข ได้แก่ ไข้หัด ลำไส้อักเสบ ตับอักเสบ ไข้ฉี่หนู หลอดลมอักเสบ และพิษสุนัขบ้า นอกจากนี้ได้มอบอาหารสุนัขชนิดเม็ด และข้าวสารสำหรับสุนัขเพื่อมอบให้โครงการ เกาะสุนัข เพื่อสร้างเสริมคุณภาพชีวิตให้สุนัขในการดูแลของเกาะสุนัขให้แข็งแรงตามวัย นอกจากนี้ ผู้บริหารนำทีมพนักงานทำกิจกรรมเพื่อสังคมในบริเวณ เกาะสุนัข

ดร.สุริยา พูลวรลักษณ์ กรรมการผู้จัดการ บมจ.เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ กล่าวว่า “ปีนี้ บริษัทฯ ได้มีโอกาสนำทีมพนักงานร่วมกับทีมสัตวแพทย์ทำกิจกรรมที่เกาะสุนัขอีกครั้ง เนื่องจากจะเป็นปลูกฝังกิจกรรมที่ดีแบบนี้ให้กับพนักงานของเมเจอร์ฯ ซึ่งถือเป็นนโยบายด้าน CSR ของบริษัท ประกอบกับบริษัทดำเนินธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ โดยคอนโดมิเนียมแทบทุกโครงการของบริษัทฯ เปิดโอกาสให้ลูกบ้านในโครงการเลี้ยงสัตว์เลี้ยงได้ และมีสิ่งอำนวยความสะดวก พื้นที่ส่วนกลางสำหรับสัตว์เลี้ยงได้ทำกิจกรรมร่วมกันได้

จากแนวโน้มของคนยุคปัจจุบันที่อยู่ในเมืองหลวง ที่นิยมอยู่คอนโดมิเนียม ใกล้ที่ทำงาน และใช้ชีวิตเป็นโสดมากยิ่งขึ้น ทำให้อัตราการเลี้ยงสัตว์เลี้ยงขยายตัวเพิ่มมากขึ้น ทำให้ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับสัตว์เลี้ยงมีการพัฒนาสินค้าใหม่ ๆ ออกมาตอบสนองกลุ่มผู้รักสัตว์มากยิ่งขึ้น เช่นเดียวกับเมเจอร์ฯ ที่เราใส่ใจในทุกรายละเอียดของลูกบ้าน มอบสิ่งที่ดีที่สุดตามพฤติกรรมของลูกบ้านที่เปลี่ยนไป และใส่ใจพื้นที่สำหรับสัตว์เลี้ยงของลูกบ้านด้วย อาทิ ลานอาบน้ำ ลานสำหรับสัตว์เลี้ยงออกกำลังกาย พื้นที่พักผ่อนสีเขียวขนาดใหญ่ทั้งภายในอาคาร และภายนอกอาคารสำหรับสัตว์เลี้ยง”

ปฏิเสธไม่ได้ว่าการเลี้ยงสัตว์เลี้ยงถือเป็นประสบการณ์ที่แสนจะพิเศษ แต่ก็ต้องมาพร้อมกับความรับผิดชอบครั้งใหญ่ด้วย โดยก่อนที่เราจะกลายไปเป็นเจ้าของสัตว์เลี้ยงนั้น อาจจะต้องรู้ด้วยอาหารอะไรที่ไม่ควรให้สัตว์เลี้ยงของคุณกินเด็ดขาด ไปดูกัน!

1.เนื้อสัตว์ดิบๆ โดยเฉพาะที่หมดอายุแล้ว เพราะอาจเป็นอันตรายต่อสัตว์เลี้ยงของคุณได้

แม้ว่าเนื้อสัตว์ดิบๆ สดๆ อาจจะดูไม่อันตราย แต่หากมันหมดอายุแล้ว หรือมาจากบริษัทที่ไม่น่าไว้วางใจ ก็ไม่ควรให้สัตว์เลี้ยงของคุณกินเด็ดขาด เพราะอาจมีเชื้อโรคที่อาจเป็นอันตรายต่อน้องหมาน้องแมวได้ โดยเฉพาะเนื้อสัตว์ที่เราซื้อมาเพื่อปรุงอาหารกินเอง ยิ่งไม่ควรให้สัตว์เลี้ยงกินเด็ดขาด

2.หัวหอม กระเทียม และเครื่องเทศอื่นๆ ในตระกูลนี้ สามารถเป็นพิษต่อสัตว์เลี้ยงได้

พืชทุกชนิดที่มาจากวงศ์ Allium ซึ่งรวมไปถึง กระเทียม, หัวหอม และต้นหอม สามารถเป็นพิษต่อสุนัขได้ ทั้งนี้ สารไธโอซัลเฟตที่อยู่ในอาหารเหล่านี้อาจดีสำหรับมนุษย์ แต่อาจเป็นสาเหตุในการไปทำลายเซลล์เม็ดเลือดแดงในสัตว์เลี้ยง ทำให้เกิดโรคโลหิตจางได้

3.องุ่นและลูกเกด อาจนำไปสู่ภาวะไตวายในสุนัข

ในสุนัขนั้น แม้บริโภคองุ่นและลูกเกดในปริมาณน้อยก็อาจนำไปสู่ภาวะไตวายได้ โดยสาเหตุที่แท้จริงนั้นยังไม่แน่ชัด แต่เพื่อความปลอดภัยก็ไม่ควรให้น้องหมากินจะดีกว่า

4.พืชทั่วๆ ไป ก็อาจเป็นพิษสำหรับสัตว์เลี้ยง

พืชทั่วๆ ไปที่เราปลูกในสวนก็อาจเป็นพิษกับน้องหมาน้องแมวเมื่อกินมันเข้าไป ดังนั้นหากเราระวังในสวนของบ้านเราแล้ว ก็อาจต้องระวังพืชในสวนของเพื่อนบ้านด้วย

5.ช็อกโกแลต

นี่อาจเป็นสิ่งที่คนเลี้ยงสัตว์รู้มากที่สุดว่าไม่ควรให้สัตว์เลี้ยงกิน เนื่องจากสารคาเฟอีนและธีโอโบรมีนในช็อกโกแลตนั้นอาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในกระบวนการผลิตเซลล์ ส่งผลให้เกิดการกระตุ้นทั้งระบบประสาทส่วนกลางและกล้ามเนื้อหัวใจ นำไปสู่การเป็นไข้, อัตราหัวใจเต้นเร็ว, ชัก โคม่า และอาจถึงตายได้

6.สารแทนความหวาน เช่น ไซลิทอล อันตรายมาก

ที่แย่กว่าช็อกโกแลตก็คือพวกสารให้ความหวาน เช่น ไซลิทอล ซึ่งเป็นส่วนประกอบหลักในหมากฝรั่งไร้น้ำตาล โดยหมากฝรั่งไร้น้ำตาลเพียง 1 แพ็ค ก็อาจทำให้น้องหมาที่ขนาดเล็กกว่าพันธุ์ Border Collie ตายได้

ทั้งนี้ สารแทนความหวานนั้นจะไปหลอกระบบทางเดินทางหารของสุนัขว่ามีการกินน้ำตาลขนาดใหญ่เข้าไป จึงทำให้ร่างกายหลั่งอินซูลินออกมาในอัตราที่น่าตกใจ และทำให้สุนัขอยู่ในภาวะช็อกได้