กะเพรากายละเอียด

กะเพราเลิฟเวอร์..เต็มคลาส‼️พาชม ‘เชฟแบงค์-ปภากร นิยมทรัพย์’ แห่งร้าน จิตสดชื่น เปิดสูตรสอนผัดกะเพรา ดีกรีรางวัลระดับโลก นอกร้านเป็นครั้งแรก! พร้อมสาธิตการทอดไข่ดาวลาวา โชว์ผัดกะเพราต่อจานภายใน 2 นาที และให้ผู้ร่วมคลาสชิมกันสดๆ

ในแคมเปญใหญ่ของมติชนอคาเดมี 12 เชฟ 12 เดือน  เพื่อต้อนรับชาวกะเพราเลิฟเวอร์ ที่ตบเท้าเข้าร่วมงานทั้งผู้ที่สนใจเมนูจานด่วน รสจัดจ้าน อยากเปิดร้านอาหารเป็นของตัวเอง และผู้ประกอบการที่ต้องการพัฒนาศักยภาพตนเองและร้านให้ดียิ่งขึ้น ที่ มติชนอคาเดมี ประชานิเวศน์ 1 

พร้อมด้วยแขกรับเชิญพิเศษ กันย์ – ศุภยศ ปุกหุต  เพจพรุ่งนี้ค่อยลด by กันย์ ที่พกประสบการณ์ในการเป็นนักรีวิวสายอาหาร และการทำคอนเทนต์อย่างชาญฉลาด ไม่ต้องคิดมากแค่ใช้โทรศัพท์มือถือเพียงเครื่องเดียว พร้อมขนวิชาการตลาดที่เป็นเทคนิค ‘3R’ จากการเรียนรู้ด้วยตัวเอง ทำคอนเทนต์ทั้งภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหวให้ปัง ตลอดจนดึงดูดใจชาวเน็ตได้ภายใน 3 วินาทีแรก, 3 บรรทัดแรก และ 3 นาที ของการดูคอนเทนต์ได้จนจบ

สำหรับบรรยากาศ การเรียนการสอน นอกจากมีการถาม-ตอบ ให้ผู้ร่วมคลาสได้ทดลองทอดไข่ดาว และเผยเคล็ดลับตั้งแต่การเลือกวัตถุดิบไปจนถึงขั้นตอนการทำและเทคนิคต่างๆ อย่างสนุกสนาน จากวิทยากรทั้ง เชฟแบงค์ และ กันย์ พรุ่งนี้ค่อยลด ยังมีไฮไลต์ส่งท้าย ก่อนแยกย้ายกันกลับจากเชฟแบงค์ ด้วยการมอบต้นกล้ากะเพราขาว ที่สื่อว่า “นึกถึงผัดกะเพรา นึกถึงร้านจิตสดชื่น” เพื่อเป็นของขวัญที่ระลึกว่าอย่าลืมนำความรู้ที่ได้จากการเรียนคลาสนี้ไปฝึกฝนทำผัดกะเพราให้อร่อยยิ่งขึ้น จน กลายเป็นเมนูเด็ดประจำบ้านหรือร้านอาหารของทุกคน

สำคัญเร็วๆ นี้ ปักหมุดรอ..เตรียมพบกับภาคต่อของผัดกะเพราระดับโลก โดย ‘เชฟแบงค์’ อีกครั้ง ในคอร์สพิเศษที่จะทำให้ทุกคนได้ลงลึกและลงมือปฏิบัติแบบจับมือทำตัวต่อตัว แล้วอย่าลืมติดตามกิจกรรมการเรียนแบบครบรส หรือดูคอร์สเรียนที่น่าสนใจ ได้ที่เว็บไซต์หรือเพจ ‘มติชนอคาเดมี’ 

สนใจสอบถามเพิ่มเติม☎️ 082-993-9097 / 082-993-9105

Inbox Facebook : Matichon Academy – มติชนอคาเดมี คลิก m.me/Matichon.Academy.Thailand

Line OA: @matichonacademy คลิก https://line.me/R/ti/p/%40matichonacademy

“กะเพราเขย่าโลก ! “กะเพรากายละเอียด” ร้านจิตสดชื่น”

พามารู้จัก ‘เมนูผัดกะเพรากายละเอียด’ จิตสดชื่น ร้านอาหารเล็ก ๆ ใน ต.ท่ามะขาม อ.เมือง จ.กาญจนบุรี แต่ได้รับรางวัลรองชนะเลิศ “มหกรรมกะเพราเขย่าโลก”  World Kaphrao Thailand Grand Prix 2023

คุณปภากร นิยมทรัพย์ หรือคุณแบงค์ เจ้าของร้านจิตสดชื่น เล่าว่าเมนูที่ได้รับรางวัลคือ “กะเพรากายละเอียด” เกิดจากที่ตนอยากจะทำเมนูอาหารง่าย ๆ อย่างผัดกะเพราให้มีความพิเศษและมีเอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนใคร

ด้วยการนำใบกะเพรามาสับละเอียด เพื่อให้ได้กลิ่นหอมกะเพราชัดเจนขึ้น ก่อนลงไปผัดกับส่วนผสมสำคัญคือพริกถึง 5 ชนิด ประกอบด้วย พริกชี้ฟ้าแดง พริกชี้ฟ้าเหลือง พริกกะเหรี่ยง พริกขี้หนูสวน และ พริกไทย มาโขลกจนละเอียดร่วมกับกระเทียม 

ส่วนที่ต้องใช้พริก 5 ชนิด เพราะพริกแต่ละชนิดมีรสชาติความเผ็ดและกลิ่นหอมที่แตกต่าง ทำให้เมนูผัดกะเพรา จะให้มิติของความเผ็ดที่แตกต่างจากเมนูผัดกะเพราทั่วไป โดยเฉพาะอย่างยิ่ง พริกกะเหรี่ยง ซึ่งเป็นพริกพื้นถิ่นของกาญจนบุรี และเป็นพริกที่ได้ชื่อว่ามีความเผ็ดและมีความหอมเป็นเอกลักษณ์ติดอันดับต้นของประเทศ

เมื่อนำมาผัดกับส่วนผสมที่คัดสรรมาเป็นอย่างดี อย่างเนื้อวากิว จากประเทศออสเตรเลีย ยิ่งทำให้เมนูกะเพรากายละเอียดมีความอร่อยไม่เหมือนใคร จนสามารถคว้าอันดับ 2 ในการประกวดเวทีระดับโลกในครั้งนี้มาได้

สำหรับ ร้านจิตสดชื่น ตั้งอยู่ภายในซอยอินเดีย ต.ท่ามะขาม อ.เมือง จ.กาญจนบุรี ร้านเปิดให้บริการทุกวัน จันทร์-พฤหัสบดี เปิดตั้งแต่ 11.30-22.00 น. ส่วนวันศุกร์-อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ ร้านจะเปิดตั้งแต่เวลา 11.00-24.00 น.


S__42197048_0
S__42197046_0

ข่าวดี!! คุณแบงค์ จิตสดชื่น ผัดกระเพราระดับโลก ตกปากรับคำมาร่วมแคมเปญ 12 เชฟ 12 เดือน กับมติชนอคาเดมี เป็นการเปิดสอนที่แรก !! วันที่ 25 ก.พ.67 ราคา 2,999 บาท เปิดสูตรเด็ดไม่มีกั๊ก สอนผัด /สอนทำเครื่องตำ  สอบถามเพิ่มเติม 082-993-9097 , 082-993-9105  หากไม่ยากพลาดคอร์สเรียนที่น่าใจ add line : @matichonacademy คลิก https://line.me/R/ti/p/%40matichonacademy

1 เมษายน 2565 – กรุงเทพฯ มติชนอคาเดมี บริษัท มติชน จำกัด (มหาชน) ร่วมกับ บริษัททัวร์เอื้องหลวง จำกัด และ สายการบินไทยสมายล์แอร์เวย์ จัดแถลงข่าวและพิธีลงนามข้อตกลงความร่วมมือ ส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงศิลปวัฒนธรรม เพื่อกระตุ้นเศษฐกิจภาคการท่องเที่ยวทั้งในประเทศและต่างประเทศ พร้อมเปิดตัวโปรเจกต์พิเศษ “เที่ยวล่อง ท่องตำนาน” กับ 3 เส้นทางพิเศษ ดึงกูรูด้านศิลปวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ร่วมทริป โดยมี นางสาวปานบัว บุนปาน กรรมการผู้จัดการ  บริษัท มติชน จำกัด (มหาชน) และนายสุวรรธนะ สีบุญเรือง รักษาการแทนประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท การบินไทยฯ พร้อมด้วย คณะผู้บริหารของการบินไทย และคณะผู้บริหารของมติชน ร่วมเป็นเกียรติในงาน

นายกิตติพงษ์ สารสมบูรณ์ ผู้อำนวยการฝ่ายบริการลูกค้าและการตลาด บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เผยว่า การร่วมมือกันครั้งนี้เป็นการผนึกกำลังกันเพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวให้กลับมาคึกคัก กระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศไทยอย่างยั่งยืน รวมถึงการขยายกลุ่มลูกค้าระดับบนที่มีความสนใจในด้านศิลปวัฒนธรรม ประกอบกับนโยบายของภาครัฐที่จะปรับให้โรคโควิด-19 จากโรคระบาด (pandemic) เป็น โรคประจำถิ่น จะส่งผลต่อนโนบายการท่องเที่ยว การเดินทางภายในประเทศและต่างประเทศ นับเป็นสัญญาที่ดีต่อภาคการท่องเที่ยวและธุรกิจบริการซึ่งมีแนวโน้มฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง โดยทางมติชนจะเป็นผู้จัดโปรแกรมทัวร์และขาย ทัวร์เอื้องหลวงร่วมทำการขาย และสายการบินไทยสมายล์จะเป็นผู้ให้บริการในการทำการบิน นับเป็นการนำจุดแข็งของทั้ง 3 บริษัทมาเสริมซึ่งกันและกัน ทั้งด้านบริการระดับลักซ์ชัวรี่ ด้านวิทยากรผู้มีความรู้ด้านประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมอย่างลึกซึ้งมาทำหน้าที่ไกด์ นอกจากนี้ยังนำ Black Silk Blend กาแฟดริปแบบพรีเมียมที่โครงการพัฒนาดอยตุงฯ ร่วมพัฒนาและผลิตให้เฉพาะแก่การบินไทย ซึ่งให้บริการผู้โดยสารชั้นหนึ่งและชั้นธุรกิจบนเที่ยวบินของการบินไทย มาเสิร์ฟให้เป็นพิเศษกับทริปสุพรรณบุรีอีกด้วย

นางสาวสุชาฎา ประพันธ์วงศ์ รักษาการผู้อำนวยการศูนย์อาชีพและธุรกิจมติชน (มติชนอคาเดมี)   กล่าวว่า การลงนามข้อตกลงความร่วมมือครั้งนี้ เกิดขึ้นจากความตั้งใจที่ทัวร์มติชน อคาเดมี และ ทัวร์เอื้องหลวง และสายการบินไทยสมายล์ ที่จะร่วมมือกันส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงศิลปวัฒนธรรม โดยนำเอาจุดแข็งของมติชน อคาเดมี ที่จัดทัวร์ศิลปวัฒนธรรมมากว่า 10 ปี มุ่งเน้นส่งเสริมการท่องเที่ยวพร้อมกับเรียนรู้ประวัติศาสตร์              อารยธรรม ประเพณี และศิลปวัฒนธรรม  ผ่านโบราณสถานและโบราณวัตถุ ผ่านตำนานและเรื่องเล่าที่มีหลักฐานอ้างอิงทางประวัติศาสตร์ชัดเจน เพื่อเรียนรู้และทำความเข้าใจอดีต ตลอดจนศิลปวัฒนธรรมอันดีงามของไทยและต่างประเทศ    

ที่สำคัญทัวร์มติชน อคาเดมี ยังมีความโดดเด่น ในเรื่องของผู้เชี่ยวชาญด้านประวัติศาสตร์และวิทยากรกว่า25 ท่าน ซึ่งเป็นพันธมิตรหลักของมติชน ในการนำเสนอข้อมูลเรื่องราวและเรื่องเล่าที่ล้วนเจาะลึกและมีหลักฐานอ้างอิงที่น่าเชื่อถือ ผ่านการศึกษาและค้นคว้ามาอย่างดี  แต่ละท่านต่างรู้ลึกรู้จริงในสิ่งที่ตัวเองชอบและศึกษามาเฉพาะแต่ละเส้นทางอย่างเข้มข้น อุดมไปด้วยเกร็ดความรู้ เรื่องเล่าในอดีตให้กลับมามีชีวิตอีกครั้ง จะเป็นการเดินทางที่ได้ทั้งความรู้ ความบันเทิงและสนุกสนาน

ในส่วนของความร่วมมือในครั้งนี้นั้นเพื่อสร้างประสบการณ์ที่แปลกใหม่ให้กับลูกค้าทัวร์มติชนอคาเดมีและทัวร์เอื้องหลวง โดยการนำเอาบริการที่ยอดเยี่ยมของการบินไทยมาเสริมความแข็งแกร่งทัวร์ศิลปวัฒนธรรม ภายใต้สโลแกนที่ว่า “เที่ยวล่อง ท่องตำนาน” ไปกับกูรูด้านประวัติศาสตร์ของมติชนอคาเดมีและบริการแบบฉบับ             การบินไทย  เพื่อส่งเสริมให้คนไทยและชาวต่างชาติได้เห็นถึงคุณค่าของศิลปวัฒนธรรมไทย รวมถึงศิลปวัฒนธรรมของโลก อันเป็นสัญลักษณ์ที่แสดงถึงความรุ่งโรจน์และรุ่งเรืองในอดีต ให้คงอยู่และเป็นสถานที่ควรอนุรักษ์สืบสานและเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางวัฒธรรมต่อไป

การลงนามข้อตกลงความร่วมมือนี้นอกจากจะจัดโปรแกรมทัวร์ศิลปวัฒนธรรม นำร่อง 3 เส้นทาง ได้แก่ ชวนเที่ยวเมืองสุพรรณฯ เล่าวรรณกรรม “ขุนช้าง-ขุนแผน” จ.สุพรรณบุรี ในวันที่ 21 พฤษภาคม 2565,              ทัวร์ชมมรดกโลก แห่งลังกาทวีป ณ ประเทศศรีลังกา (โคลัมโบ แคนดี้ ดัมบุลลา สิกิริยา) 5 วัน 4 คืน กำหนดเดินทางช่วงเดือนสิงหาคม 2565 และ พาเลาะริมโขงตามตำนาน ‘อุรังคธาตุ-พญานาค-ศรีโคตรบูร’ จังหวัดนครพนม-สกลนคร 3 วัน 2 คืน ระหว่างวันที่ 4-6 พฤศจิกายน 2565

นอกจากนี้ยังมีความร่วมมือกันในโปรเจกต์ “ทอดน่อง ท่องฟ้า” โดยนำคลิปจากรายการ “ทอดน่อง ท่องเที่ยว” ของ คุณขรรค์ชัย บุนปาน และ คุณสุจิตต์ วงษ์เทศ มาเปิดบนเครื่องบินสายการบินไทยสมายล์ พร้อม              ซับไตเติ้ล  เพื่อสื่อสารไปยังกลุ่มลูกค้าของไทยสมายล์ และเป็นการโปรโมทแหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมของไทย อีกด้วย

อาจารย์สมฤทธิ์ ลือชัย นักวิชาการอิสระผู้เชี่ยวชาญด้านประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมอุษาคเนย์ ผู้ร่วมทำทริปเปิดเส้นทางศรีลังกา เล่าถึงความพิเศษทั้ง 3 ทริปว่า ความร่วมมือครั้งนี้ถือเป็นจุดเริ่มต้นของการร่วมกันเผยแพร่ความรู้ด้านประวัติศาสตร์ไปยังวงกว้างผ่านการท่องเที่ยว ทำให้คนทั่วไปได้รู้ถึงความสำคัญของการเรียนรู้ประวัติศาสตร์ โดยทั้ง 3 ทริปจะเป็นเส้นทางแห่งศิลปวัฒนธรรมที่มีความน่าสนใจแตกต่างกัน กล่าวคือ   ทริปวัฒนธรรมจังหวัดสุพรรณฯ ทริปแรกของโปรเจกต์นี้ ซึ่งนอกจากจะได้เปิดมุมของวรรณคดีขุนช้าง-ขุนแผน โดยมี รศ.ดร.ปรีดี พิศภูมิวิถี ร่วมเดินทางไปด้วย และสิ่งที่พิเศษมากๆ คือ ได้รับความอนุเคราะห์จากคุณขรรค์ชัย บุนปาน เปิดบ้านเรือนขุนช้างต้อนรับเป็นครั้งแรก

8 เสาวนา การท่องเที่ยวเชิงศิลปวัฒนธรรม

ทริปที่ 2 จะพาไปเลาะริมโขงตามตำนาน ‘อุรังคธาตุ-พญานาค-ศรีโคตรบูร’ จังหวัดนครพนม-สกลนคร นมัสการเกจิอาจารย์ชื่อดัง โดยมีนักวิชาการประวัติศาสตร์ อย่าง รศ.ดร.รุ่งโรจน์ ภิรมย์อนุกูล อาจารย์ภาควิชาประวัติศาสตร์ คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง ร่วมทริปด้วย และทริปที่ 3 พาบินข้ามฟ้าไปเยือนประเทศศรีลังกา ซึ่งตัวผมเองจะเป็นผู้นำคณะพาชมมรดกโลก ตามรอยรัชกาลที่ 4 และรัชกาลที่ 5 พร้อมเรียนรู้ประวัติเหตุการณ์สำคัญของพุทธศาสนา พาชมพระราชวังเก่าที่ประทับของกษัตริย์ในราชวงศ์สุดท้ายของศรีลังกา เพลินกับเกร็ดความรู้ด้านการเมืองในยุคล่าอาณานิคม เรียกว่าเป็นโปรแกรมท่องเที่ยวที่พิเศษและรับรองว่าจะเป็น ทริปเที่ยวที่สนุกและได้สัมผัสประสบการณ์ใหม่ที่ไม่อาจหาได้จากที่ไหนอย่างแน่นอน

ทริปโปรเจกต์พิเศษ 3 เส้นทางแห่งประวัติศาสตร์และศิลปวัฒนธรรม จะเปิดให้จองสิทธิพิเศษสำหรับสมาชิกบัตร รอยัล ออร์คิด พลัส หรือ ROP สามารถจองที่นั่งได้ก่อนใครในวันที่ 19-20 เมษายน 2565 และบุคคลทั่วไปสามารถจองที่นั่งได้ตั้งแต่วันที่ 21 เมษายน 2565 ผู้สนใจสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมและสำรองที่นั่งได้ที่ โทร. 08-2993-9097, 08-2993-9105 หรือ Line OA : @matichon-tour

จองทัวร์
ฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ รองผู้ว่าการด้านสินค้าและธุรกิจท่องเที่ยว ททท.

เมื่อเวลา 10.35 น. วันที่ 2 สิงหาคม 2563 นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ รองผู้ว่าการด้านสินค้าและธุรกิจท่องเที่ยว การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวในช่วงเสวนาเรื่อง ไทยพร้อมแล้วกับการท่องเที่ยว วิถีใหม่ ในงานสัมมนา ปลุกไทยเที่ยวไทย ปลุกเศรษฐกิจไทยให้เดินหน้า ที่ห้องอินฟินิตี้ 1-2 โรงแรมพูลแมน คิงเพาเวอร์ รางน้ำ จัดขึ้นโดยเครือมติชน ว่า ในเรื่องของการจัดการสถานการณ์ด้านสาธารณสุขประเทศไทยถือเป็นประเทศที่มีการบริหารจัดการได้เป็นอย่างดีเป็นอันดับต้นๆ ของโลก ส่วนภาพรวมสถานการณ์ด้านการท่องเที่ยว ขณะนี้เริ่มเห็นการกลับมาท่องเที่ยวในประเทศเพิ่มขึ้นแล้ว ในแง่ของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ผู้ประกอบการส่วนใหญ่ยังได้รับผลกระทบอยู่ ซึ่งในช่วง 6 เดือนแรก หรือตั้งแต่เดือนมกราคม-มิถุนายน ยังไม่พบการฟื้นตัวของนักท่องเที่ยวต่างชาติ หรือมีจำนวนอยู่ที่ 6.69 ล้านคน ลดลงจากปี 2562 ประมาณ ลบ66% ส่วนจำนวนนักท่องเที่ยวไทยมีแนวโน้มที่ดี โดยพบว่าในช่วง 6 เดือนแรก หรือตั้งแต่เดือนมกราคม-มิถุนายน มีนักท่องเที่ยวสะสมรวม 54.5 ล้านคน ซึ่งในเดือนกรกฎาคมมีแนวโน้มที่จำนวนนักท่องเที่ยวจะเพิ่มขึ้นอีก

“ในส่วนของการคาดการณ์รายได้ด้านการท่องเที่ยว เป็นการคาดการณ์ที่มีความผันผวนอยู่ตลอดเวลา โดยในปีนี้คาดว่าจะจบรายได้ที่ 1.23 ล้านบาท เป็นตัวเลขเดียวกับที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ หรือสภาพัฒน์ ประมาณการณ์ไว้ หากประเมินในกรณีที่เลวร้ายที่สุด แต่ยังสามารถดึงนักท่องเที่ยวไทยให้กลับมาท่องเที่ยวในประเทศไทยได้จำนวนมาก คาดว่ารายได้ในปีนี้จะอยู่ที่ประมาณ 7.42 แสนล้านบาท หรือลดลงประมาณ 45% ส่วนข้อมูลในปัจจุบันไทยยังไม่สามารถเปิดประเทศให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวได้ จากปัญหาดังกล่าวคาดว่าในช่วงที่เหลือของปี 2563 การที่จะดึงนักท่องเที่ยวให้เข้ามาอีก 4 แสนคน จึงมองว่าเป็นเรื่องที่ยาก จึงคาดว่าในปีนี้ตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติรวมทั้งปีจะสิ้นสุดแค่เพียง 7 ล้านคน เท่านั้น จากเป้าหมายที่ตั้งไว้ 9 ล้านคน” นางสาวฐาปนีย์ กล่าว

สำหรับ การปลดล็อกระยะที่ 6 โดยในปัจจุบันเริ่มคลายล็อกให้ทำกิจกรรมในหลายด้านมากขึ้นแล้ว อาทิ อุตสาหกรรมภาพยนตร์ และธุรกิจการจัดงานสัมมนาขององค์กร หรือไมซ์ เป็นต้น แต่สิ่งที่สำคัญต้องทำให้ทุกฝ่ายเกิดความมั่นใจในเรื่องของการกักตัวต้องมีการควบคุมอย่างเข้มข้น เพื่อให้ประชาชนมีความมั่นใจและสามารถเดินหน้าธุรกิจต่อไป แม้ในขณะนี้จะยังไม่มีชาวต่างชาติเดินทางเข้ามาแต่ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องมีการเตรียมความพร้อม และคาดว่าจะมีชาวต่างชาติที่ได้รับอนุญาตจากภาครัฐ หรือไทยแลนด์ อีลิท การ์ด เดินทางเข้ามาจำนวน 200 คน ซึ่งกว่า 80% เป็นการขอเข้ามาเพื่อติดต่อธุรกิจในภาคอสังหาริมทรัพย์ ส่วนที่เหลือมีครอบครัวอยู่ที่ประเทศไทย ซึ่งขณะนี้ ททท.ได้เริ่มพูดคุยกับผู้ประกอบการธุรกิจโรงแรม โดยเฉพาะโรงแรมในกรุงเทพฯ ต้องผันตัวมาเป็น โรงแรมกักตัวทางเลือก (เอเอสคิว) บนพื้นฐานความปลอดภัย

นางสาวฐาปนีย์ กล่าวต่อว่า จากความต้องการเรื่อง เอเอสคิว ที่มีมากขึ้น ทำให้ปัจจุบันหลายโรงแรมเริ่มสมัครเข้าไปกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) มากขึ้น รวมถึงผู้ประกอบการโรงแรมที่อยู่ใกล้เคียงกรุงเทพฯ เริ่มมีความสนใจจะเป็นเอเอสคิว เช่นเดียวกันกับต่างจังหวัดเริ่มมีการปรับตัวเปลี่ยนมาเป็น เอเอสคิวมากขึ้น อาทิ จังหวัดภูเก็ต เป็นต้น นอกจากนี้ ได้มีการพูดคุยกับผู้ประกอบการด้านการบินว่าในอนาคตอาจจะต้องมีการเปิดเที่ยวบิน แบบบินตรงไปจังหวัดภูเก็ต เพื่อนำนักท่องเที่ยวไปสู่ที่พักที่เป็นเอเอสคิวต่อไป ซึ่งคาดว่าในเดือนตุลาคม 2563 มีการปลดล็อกในเรื่องของการเดินทางเข้าประเทศ ไทยจะได้เห็นแสงสว่างเรื่องการท่องเที่ยวมากขึ้นอีกด้วย

น.ส.ปานบัว บุนปาน กรรมการผู้จัดการ บริษัท มติชน จำกัด (มหาชน)

เมื่อวันที่ 2 สิงหาคม น.ส.ปานบัว บุนปาน กรรมการผู้จัดการ บริษัท มติชน จำกัด (มหาชน) กล่าวต้อนรับ ผู้เข้าร่วมสัมมนา “ปลุกไทยเที่ยวไทย ปลุกเศรษฐกิจไทยให้เดินหน้า” จัดโดย หนังสือพิมพ์มติชน ณ โรงแรมพูลแมน คิง เพาเวอร์ กรุงเทพมหานคร ว่าวันนี้นับเป็นอีกวาระหนึ่งที่หนังสือพิมพ์มติชนจัดงานสัมมนาขึ้นเพื่อร่วมหาทางออกให้กับประเทศ ทั้งนี้ ช่วงปี 2563 มติชนได้จัดสัมมนาขึ้นเป็นครั้งแรกชื่อว่า 2020 ปีแห่งการลงทุน-ทางออกประเทศไทย ว่าด้วยเรื่องเศรษฐกิจและการลงทุน ต่อมา ได้จัดสัมมนาขึ้นเป็นครั้งที่ 2 คืองาน ลงทุน 2020 ฟื้นฟูเศรษฐกิจ สร้างชาติ สร้างงาน ซึ่งเน้นประเด็นเรื่องการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานคมนาคม วันนี้เป็นการจัดสัมมนาครั้งที่ 3 และเป็นครั้งที่สำคัญที่สุด เนื่องจากหัวข้อเสวนาใกล้ตัวทุกคน

“เราเข้าใจกันดีแล้วว่าการลงทุนเป็นเครื่องยนต์ตัวหนึ่งในการพลิกฟื้นประเทศ แต่ก็ยังมีเครื่องยนต์อีกตัวหนึ่งซึ่งสำคัญไม่แพ้กันนั่นคือ การท่องเที่ยว วันนี้เราจะพูดคุยกันเรื่องการท่องเที่ยวเพื่อหาทางออกของประเทศไทย” น.ส.ปานบัวกล่าว

ทั้งนี้ น.ส.ปานบัวกล่าวว่า งานสัมมนา “ปลุกไทยเที่ยวไทย ปลุกเศรษฐกิจไทยให้เดินหน้า” จัดขึ้นเพื่อประกาศความพร้อมของภาคการท่องเที่ยวและกีฬา หลังจากที่ชาวไทยได้ร่วมแรงร่วมใจควบคุมการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ได้เป็นอย่างดี ได้รับการยอมรับและชื่นชมในระดับนานาชาติ โดยสภาผู้เชี่ยวชาญสหวิชาชีพในระดับนานาชาติได้จัดให้ไทยเป็นประเทศที่ฟื้นตัวจากการระบาดของโรคโควิด-19 ดีที่สุดเป็นอันดับ 1 จาก 184 ประเทศทั่วโลก เมื่อประเทศไทยปลอดภัยระดับหนึ่งแล้ว นับจากนี้เป็นต้นไป การท่องเที่ยวและการกีฬาจะได้มีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในการชุบชีวิตเศรษฐกิจความเป็นอยู่ของคนไทยให้กลับคืนมาอีกครั้ง

กรรมการผู้จัดการบริษัทมติชน กล่าวว่า ในฐานะที่เครือมติชนเป็นสื่อที่ได้สัมผัสใกล้ชิดกับประชาชนทั่วประเทศในทุกภาคเศรษฐกิจ ตระหนักว่าภาคการท่องเที่ยวของไทยมีความหมายอย่างยิ่งต่อการสร้างรายได้ในประเทศ กระจายรายได้ไปสู่ภาคธุรกิจต่างๆ อาทิ โรงแรมที่พัก อาหาร การขนส่ง กีฬา สถานบันเทิง งานฝีมือ ของที่ระลึก รวมถึงภาคการเกษตรในชนบทในฐานะผลิตอาหาร ชีวิตของผู้คนเหล่านี้จะกลับมามีงาน มีรายได้ มีความหวังขึ้นมาอีกครั้ง ด้วยการฟื้นตัวของการท่องเที่ยวไทยเป็นสำคัญ จึงเป็นความตั้งใจของมติชน ที่จะกระตุ้นให้ทุกภาคส่วนได้ตระหนักถึงความสำคัญของการฟื้นฟูภาคการท่องเที่ยว ที่จะต้องได้เห็นทิศทางร่วมกัน สู่ความประสานร่วมมืออย่างเร่งด่วน หากการท่องเที่ยวในประเทศพลิกฟื้น ก็สามารถทำให้เศรษฐกิจไทยขับเคลื่อนไปข้างหน้าได้ “ปลุกไทยเที่ยวไทย” จึงเป็นก้าวแรกแห่งความหวัง การชุบชีวิตการท่องเที่ยวไทย ด้วยคนไทย รวมไปถึงชาวต่างชาติที่อาศัยอยู่ในประเทศไทย ที่จะต้องได้รับความมั่นใจว่าการเดินทางท่องเที่ยวไปยังสถานที่ต่างๆ ในประเทศปลอดภัยจากการติดเชื้อ หากปฏิบัติตามมาตรการสาธารณสุข พร้อมกันนั้น ยังได้รับประสบการณ์ท่องเที่ยววิถีใหม่ที่ดีและคุ้มค่ากว่าเดิมด้วยมาตรการต่างๆ ของภาครัฐ โดยเฉพาะจากกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ที่ขับเคลื่อนออกมาอย่างต่อเนื่อง

“หนังสือพิมพ์มติชนขอบคุณ นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ที่ให้เกียรติมาเป็นประธานเปิดการสัมมนา และปาฐกถาพิเศษ วันนี้การท่องเที่ยวไทยไม่ได้หมายถึงความสุขสบายอย่างเดียว หากแต่รวมไปถึงการเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือประเทศชาติและคนในสังคมด้วย” น.ส.ปานบัวกล่าว

น.ส.ปานบัว บุนปาน กรรมการผู้จัดการ บริษัท มติชน จำกัด (มหาชน)
S__178814979

เมื่อเวลา 09.15 น. วันที่ 2 สิงหาคม 2563 ที่ ห้องอินฟินิตี้ 1-2 โรงแรมพูลแมน คิงเพาเวอร์ รางน้ำ บรรยายกาศภายในงานสัมมนา “ปลุกไทยเที่ยวไทย ปลุกเศรษฐกิจไทยให้เดินหน้า” ที่จัดขึ้นโดยเครือมติชน โดยมีนายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เป็นประธานเปิดงานสัมมนา และกล่าวปาฐกาถาพิเศษ

พร้อมด้วยนางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ รองผู้ว่าการด้านสินค้าและธุรกิจท่องเที่ยว การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) นายก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย แพทย์หญิงพรรณพิมล วิปุลากร อธิบดีกรมอนามัย นายสุรวัช อัครวรมาศ เลขาธิการสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.) และอุปนายกสมาคมไทยธุรกิจท่องเที่ยว (แอตต้า) ร่วมเสวนาในหัวข้อปลุกไทยเที่ยวไทย ปลุกเศรษฐกิจไทยให้เดินหน้า

โดยการจัดงานสัมมนาของเครือมติชน ภายใต้การนำของนางสาวปานบัว บุนปาน กรรมการผู้จัดการ บริษัท มติชน จำกัด (มหาชน) ซึ่งได้เน้นย้ำในการปฏิบัติตัวตามมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคม และข้อปฎิบัติสาธารณสุขทุกประการ รวมถึงการคัดกรองผู้เข้าร่วมสัมมนาอย่างเคร่งครัด อาทิ การตรวจวัดอุณหภูมิผู้เข้าร่วมงาน มีจุดบริการเจลแอลกอฮอล์ล้างมือในหลายจุด และต้องใส่หน้ากากอนามัยตลอดเวลา โดยภายในงานมีผู้เข้าร่วมฟังสัมมนากว่า 100 ราย ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน สื่อมวลชน และประชาชนทั่วไปที่สนใจเข้าร่วมรับฟังข้อมูลที่เป็นประโยชน์ รวมถึงยังจัดถ่ายทอดสด (ไลฟ์) ผ่านเพจเฟซบุ๊ก Matichon Online – มติชนออนไลน์ นอกจากนี้ ยังมีการนำหนังสือขายดีที่จัดพิมพ์โดยสำนักพิมพ์มติชนจำหน่ายในราคาโปรโมชั่นที่ดีที่สุด อาทิ Covid-19, จากปีศาจสู่เชื้อโรค, ตามรอยอาทิตย์อุทัย

282020_๒๐๐๘๐๒_1

เพราะงานสัปดาห์หนังสือครั้งที่ 48 ที่เมืองทองธานี ต้องยกเลิกไปจากภาวะความเสี่ยงโควิด-19 มติชนนำทัพปรับแผนใหม่ จับมือชวนเพื่อนสำนักพิมพ์ชั้นนำ 16 สำนักพิมพ์ บุกตลาดออนไลน์ในธีม Book Wonder นำหนังสือมาวางขาย ลดราคาสูงสุดถึง 25 % ใน www.matichonbook.com ระหว่างวันที่ 25 มีนาคม-5 เมษายน 2563 ตลอด 24 ชั่วโมง

นำทีมโดยสำนักพิมพ์มติชน เม่นวรรณกรรม, Library House, Salmon Books, Move Publishing, เป็ดเต่าควาย, บทจร, River Books, Arty House, แสงดาว, ยิปซี, iTuibook, Light House, Salt, ระหว่างบรรทัดและก็องดิดบุ๊กส์, มูลนิธิสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา และมูลนิธิโครงการตำราสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์

โดยมีไฮไลต์ห้ามพลาด อย่าง สยามรัฐท่ามกลางจักรวรรดินิยม โดย ไกรฤกษ์ นานา จากสำนักพิมพ์มติชน ที่รื้อฟื้นภูมิความรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับแผนที่ ตลอดจนวิธีคิดของชาวตะวันตกในยุคบุกเบิก ซึ่งจำเป็นต้องนำมาวิเคราะห์ใหม่เพื่อให้เราเข้าถึงบริบทอันซ่อนเร้นของการรวมขึ้นเป็นชาติที่มีอธิปไตยเต็มใบของเราเองในภายหลัง

ถึงลูกชายเล็ก จากสำนักพิมพ์ Riverbooks ที่เปิดเผยถึงพระราชหัตถเลขาและลายพระหัตถ์กว่า 300 ฉบับที่มีไปมาระหว่าง พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวกับพระราชโอรส สมเด็จฯ เจ้าฟ้าจักรพงษ์ภูวนาถ กรมหลวงพิษณุโลกประชานาถ ระหว่าง พ.ศ. 2439 จนถึงสิ้นรัชกาลที่ 5 เผยให้เห็นความรักระหว่างพ่อ-ลูก รวมไปถึงเรื่องราวเชิงลึกภายในพระราชวงศ์สยาม ราชสำนัก และการเมืองการปกครองที่ไม่เคยเปิดเผยที่ไหนมาก่อน, หมาป่าผู้โดดเดี่ยว (Steppenwolf) สำนักพิมพ์เม่นวรรณกรรม นิยายร่วมสมัย-คลาสสิกของ แฮร์มานน์ เฮสเซอ ที่ไม่ใช่แค่นิยายที่ตีแผ่ความเป็นมนุษย์ แต่เป็นนิยายที่ปอกเปลือกมนุษย์ออกมาอย่างสิ้นเชิง

หนึ่งร้อยปีแห่งความโดดเดี่ยว สำนักพิมพ์บทจร เรื่องราวเจ็ดรุ่นของครอบครัวบวนเดียกับเมืองในจินตนาการ ‘มาก็อนโด’ ที่ซึ่งปาฏิหาริย์และความเป็นจริงมาบรรจบกัน ด้วยพลังชีวิตและการทึ้งทำลายที่สอดประสานกันในห้วงเวลาหนึ่งร้อยปี, ละครแห่งชีวิต สำนักพิมพ์แสงดาว นวนิยายยุคแรกที่แต่งโดยหม่อมเจ้าอากาศดำเกิง ที่ใช้ฉากต่างประเทศและได้รับการยกย่องว่าพรรณนาเรื่องได้กลมกลืนสมบูรณ์มากที่สุด

ดวงตาสีฟ้าสุดฟ้า สำนักพิมพ์ Library House เรื่องราวของเด็กหญิงพีโคลา เด็กผิวสีที่เติบโตขึ้นในครอบครัวยากจน ที่สะท้อนความหมายของความงามที่ไม่อาจสรุปความด้วยมุมมองด้านเดียว,

เลือดชั่ว สำนักพิมพ์ Salt จากคดีฉ้อฉลที่อื้อฉาวที่สุดคดีหนึ่งของวงการเทคโนโลยี เมื่อเอลิซาเบท โฮมส์ วัย 19 ปี ลาออกจากมหาวิทยาลัยเพื่อก่อตั้งบริษัทเทคโนโลยีชีวภาพ ด้วยอุปกรณ์ไฮเทคตรวจวิเคราะห์เลือดคนไข้ได้ในบ้านเพียงใช้เลือดหยดจิ๋ว ในช่วงขาขึ้นนี้เองที่การขุดค้นเริ่มต้นและทุกสิ่งที่ซ่อนไว้ก็ถูกเปิดเผย

ทานยาหลังอาหารและดื่มน้ำตามากๆ สำนักพิมพ์ Salmon Book รวมเรื่องสั้น 12 เรื่องสำหรับคนไม่ถนัดฟูมฟาย เหมาะสำหรับผู้ใหลหลงในความเศร้า ความผิดหวัง และความรักที่แม้จะผิดหวัง แต่ก็ไม่อยากบำบัดให้หายขาดจากชีวิต,

อาณาจักรที่สาบสูญ สำนักพิมพ์ยิปซี เปิดโลกอารยธรรมลึกลับ จากแอตแลนติสถึงดินแดนโลกใหม่ และอาณาจักรยิ่งใหญ่ที่ถูกหลงลืม ไปจนถึงทวีปแอฟริกา เอเชีย ตามด้วยยุโรป ก่อนปิดท้ายด้วยอารยธรรมที่สาบสูญในดินแดน ‘โลกใหม่’ หรือทวีปอเมริกา

โขน, ละคร, ลิเก, หมอลำ, เพลงลูกทุ่ง มาจากไหน? สำนักพิมพ์ iTuibook ดึกดำบรรพ์นมนานกาเลมา หากอยากรู้ว่า โขน, ละคร, ลิเก, หมอลำ, เพลงลูกทุ่ง มาจากไหน? คำตอบอยู่ในหนังสือเล่มนี้, ชายหนุ่มผู้ไม่ทำอะไรเลย สำนักพิมพ์เป็ดเต่าควาย ความเรียงบอกเล่ามุมมองที่น่าสนใจบนความเรียบง่ายของชีวิต เต็มไปด้วยเรื่องราวหลากหลายอารมณ์ที่ถูกนำเสนอออกมาในแบบฉบับเฉพาะตัวขององอาจ ชัยชาญชีพ

มนุษย์มวยปล้ำ สำนักพิมพ์ Arty House หนังสือที่ผู้เขียนมองเห็นนักมวยปล้ำในฐานะมนุษย์คนหนึ่ง นอกเหนือไปจากภาพแสดงอันแข็งแกร่งในสังเวียน นี่คือที่มาหนังสือที่จะทำให้ภาพจำเกี่ยวกับมวยปล้ำของคุณเปลี่ยนไปตลอดกาล!,

อิคิไก ความหมายของการมีชีวิตอยู่ สำนักพิมพ์ Move Publishing หนังสือเล่มนี้ จะพาคุณไปสำรวจและทำความเข้าใจกับหลักการพื้นฐานของอิคิไก แนะนำแนวทางเพื่อค้นหาอิคิไก ที่เป็นเบื้องหลังความสุขและความสำเร็จของตัวเราให้พบ

วัยเยาว์อันสิ้นสูญ สำนักพิมพ์ Lighthouse หนึ่งในวรรณกรรมเอกของโลกสมัยใหม่ ที่เล่าถึงการติดเกาะของเหล่าเด็กชายชาวอังกฤษ ซึ่งเกิดขึ้นในช่วงสงครามโลก ที่ได้พบกับความป่าเถื่อนภายในจิตใจจากความอ่อนแอของตนเอง,

ศิลปินผู้ตกหลุมรักหนังสือ และเรื่องสั้นอื่นๆ สำนักพิมพ์ก็องดิดบุ๊กส์ เจ็ดเรื่องสั้นและหนึ่งบทกวีที่ประกอบขึ้นจากสถานที่และบรรดาผู้คนที่โคจรอยู่กับหนังสือ โดย โอ๊ต มณเฑียร

รุธิราชรำพัน (โคลงนิราศหริภุญชัย) มูลนิธิสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา เป็นรัตนกวีนิพนธ์ที่มีชื่อเสียงที่สุดของล้านนา เนื้อเรื่องกล่าวถึงมหาราชเมืองแก้วทรงรำพึงรำพันถึงแม่นางศรีทิพย์ พระอัครชายา พระองค์ทรงบรรยายถึงพระอารามที่อยู่ในเส้นทางสภาพธรรมชาติจากเชียงใหม่ไปถึงพระมหาธาตุหริภุญชัย วิถีชีวิตผู้คนในแง่มุมต่างๆ ทำให้วรรณกรรมนี้เสมือนคู่มือนำเที่ยวเมืองเอกและเมืองรองของอาณาจักรล้านนาอย่างน่าสนใจ,

อยุธยา : Discovering Ayutthaya มูลนิธิโครงการตำราสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์ หนังสือเล่มนี้เป็นเสมือนสารคดีท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ที่กล่าวได้ว่าสมบูรณ์ที่สุดเล่มหนึ่ง ภายในประกอบด้วยเรื่องราวในแง่มุมต่างๆ ของราชอาณาจักรอยุธยา เริ่มตั้งแต่บริบททั่วไปของราชอาณาจักร ประวัติและเรื่องราวของชาวต่างชาติทั้งหลาย

นี่เป็นตัวอย่างหนังสือเพียงบางส่วนเท่านั้น สามารถเลือกช้อปหนังสือออนไลน์ได้อีกมากมาย ด้วย 4 ขั้นตอนง่ายๆ
1. คลิกเลือกหนังสือที่โดนใจ ที่ www.matichonbook.com
2. ตรวจสอบรายการให้แน่ใจว่าไม่ตกหล่นเล่มไหน ก่อนจะคลิก ‘ชำระเงิน’
3. กรอกข้อมูลสำหรับการออกใบเสร็จ ที่อยู่ในการจัดส่ง และเลือกวิธีชำระเงิน
4. รอรับหนังสืออยู่ที่บ้านด้วยความสบายใจ ปลอดภัยจากสถานการณ์เสี่ยงโควิด-19
.
ส่งฟรี! เมื่อสั่งซื้อครบ 1,000.- (จัดส่งแบบลงทะเบียน) / กรณีสั่งซื้อน้อยกว่า 1,000.- มีค่าจัดส่ง 40 บาท
.
ห้ามพลาด! Book Wonder
ลด 25% ตลอด 24 ชั่วโมง
(ยกเว้นหนังสือ ‘วังต้องห้าม’ และ ‘หมู่เกาะมาเลย์ เล่ม 1’)
เริ่ม 25 มีนาคม – 5 เมษายน 2563 (รวม 12 วันเต็ม)
ที่ www.matichonbook.com

❗️1 DAY SALE ❗️

เชิญชวนแฟนนักอ่านมติชน
มาช้อปหนังสือในวาระพิเศษสุด “วันเกิดมติชน 43 ปี”

หนังสือในเครือมติชนลดทุกเล่ม 43% 🔥🔥🔥

ณ ร้านมติชนบุ๊กคลับ ชั้น G
สำนักงานตึกมติชน ประชานิเวศน์ 1
วันพฤหัสบดีที่ 9 ม.ค. 63
08.00-21.00 น.

👇สอบถามโทร.
02-589-0020 ต่อ 1002
หรือ 08-9531-0718

ไม่พูดพร่ำทำเพลง ปฏิบัติการตามรอยพ่อไปชิมได้เริ่มขึ้นอีกครั้งหนึ่ง คราวนี้ปิ่นโตเถาเล็กขอยกมือเชียร์แนะนำร้านต้มเครื่องในวัวเจ้าตำนาน ซึ่งคุณชายถนัดศรีเคยแนะนำในคอลัมน์ยุคแรกเมื่อเกือบ 60 ปีที่แล้ว ความจริงพ่อชิมต้มเครื่องในวัวเจ้านี้มาตั้งแต่ยังไม่มีคอลัมน์เชลล์ชวนชิม (เริ่ม พ.ศ.2504) ปัจจุบันใครๆ รู้จักกันในชื่อว่า หม่อง ราชบพิธ (หรือวัดราชบพิธ) ต้มเครื่องในวัว

ร้านนี้ไม่มีป้ายชื่อหน้าร้านให้เป็นที่สังเกต ทางไปร้านให้ตั้งต้นที่ วัดราชบพิธฯ ซึ่งอยู่ถัดจาก กระทรวงมหาดไทย ร้านหม่อง ต้มเครื่องในวัวจะอยู่ในตึกแถวไม้แบบโบราณ 2 คูหา ประตูไม้บานเฟี้ยมริม ถนนราชบพิธ ซึ่งถนนเส้นนี้จะอยู่ฝั่งตรงข้ามกับวัดราชบพิธฯอีกที ซึ่งมี โรงเรียนราชบพิธกับ ศึกษาภัณฑ์ อยู่เยื้องออกไปไม่ไกลด้วย จะจอดรถริมทางก็ได้ (แต่มักจะหายากมาก) หรือไปจอดที่ ศูนย์การค้าดิ โอลด์สยาม หรือ ที่ศาลเจ้าพ่อเสือ และเดินมาประมาณ 10 นาที ก็สะดวกดี

นายหม่องผู้มีอายุรุ่นราวคราวเดียวกับปิ่นโตเถาเล็ก คือเจ้าของร้านรุ่นที่ 3 ต่อจากพ่อและอา เมื่อราว 20 ปีก่อนที่ผมมาชิมนั้นยังมีแม่และอาร่วมด้วย ตอนนี้มีแค่คุณหม่องกับภรรยาและลูกน้องอีก 3 คน ช่วยกันทำมือเป็นระวิง

กิจวัตรประจำวันเริ่มต้นตั้งแต่ตี 4 เพื่อมาล้างทำความสะอาด ซึ่งต้มเครื่องในวัวจะเสร็จพร้อมขายตอนประมาณ 8 โมงเช้า พอได้เวลาบรรดาลูกค้าซึ่งสมาชิกส่วนใหญ่เป็นผู้ชายต่างก็มาจับจองที่นั่งกันสลอนจนเต็มร้านไปหมด มีทุกสาขาอาชีพตั้งแต่ตำรวจ ทหาร เด็กส่งเอกสาร คนขับสามล้อ แท็กซี่ ข้าราชการ พ่อค้า ฯลฯ นับได้ว่าเป็นร้านขวัญใจประชาชนโดยแท้ ลูกค้าบางคนก็มานั่งรอกินตั้งแต่เจ็ดโมงเช้าทีเดียว ซึ่งตอนนี้ทันสมัยมากเพราะที่ร้านรับสั่งอาหารทางไลน์แมนอีกต่างหากด้วย แฟนๆสามารถสั่งอาหารแล้วนั่งสบายอารมณ์รอกินที่บ้านได้เลย

คุณชายถนัดศรีเคยบอกไว้ว่าเครื่องในวัวจะอร่อยชวนกิน อยู่ที่การล้างน้ำเกลือทำความสะอาดเป็นสำคัญ กว่าจะได้ที่นั้นเป็นเรื่องจุกจิกกินเวลามาก ต้องลงมือทำเองทุกอย่าง ครั้นจะล้างแบบสังเขปต้มออกมาก็เหม็นกินไม่ลง เครื่องในต้องสะอาด เคี่ยวเปื่อยพอดีด้วยความชำนาญว่าอย่างไหนควรเคี่ยวนานแค่ไหนจึงจะได้ที่ ไม่ต้มสำรวมไปหมดทุกอย่าง ดังนั้น ร้านเครื่องในวัวจึงร่อยหรอลงไปทีละเจ้า จนกระทั่งเหลือเพียงไม่กี่เจ้า

ซึ่งต้มเครื่องในวัวเจ้านี้ยังครองใจลูกค้าได้นานแสนนานก็เพราะว่ามีเครื่องให้เลือกสารพัด ต้มเปื่อยได้ที่ ไม่มีกลิ่นอันไม่พึงประสงค์แม้แต่น้อย ต้องชมเชยผู้รับคำสั่งที่สามารถจำได้หมดว่าใครจะเอาอะไรไม่เอาอะไร โดยไม่ผิดพลาดแม้แต่นิดเดียว ลองคิดดูก็แล้วกันว่าเครื่องในวัวมีเยอะแยะให้จดจำทั้ง เนื้อเปื่อย เอ็น ขอบกระด้ง ดอกจอก ม้าม ไส้เล็ก ไส้ใหญ่ ปอด หลอดคอกรุบๆ สามสิบกลีบ (ส่วนนี้อร่อยมาก) กระเพาะ ตัวเดียวอันเดียว จะไม่มีก็แค่ตับ เนื้อสด หัวใจและผ้าขี้ริ้วเท่านั้น

เท่านี้ยังไม่พอ วันไหนถ้าโชคดีก็จะมี “น้องนาง” อีกด้วย ถ้าอยากรู้ว่าคืออะไรให้ไปถามที่ร้านกันเอาเอง เพียงแต่ขอบอกไว้ว่าถ้าวันไหนมีน้องนางขาย ก็จะขายหมดไปภายในชั่วพริบตาเดียว

สำหรับผู้ชื่นชอบเครื่องใน แนะนำว่าให้สั่งชามพิเศษ 80 บาท สั่งให้ใส่ทุกอย่างไปเลย ชามธรรมดา 50 บาท ไม่พอยาไส้หรอก และถ้าอยากกินสองชามให้สั่งมาคราวเดียวจะได้ไม่ต้องกลับไปตั้งคิวใหม่ให้เสียเวลา ระหว่างที่นั่งคอยก็ให้ผสมน้ำจิ้ม ใส่น้ำส้มพริกเหลืองตำสูตรเก่าแก่ น้ำปลา น้ำตาล และพริกป่น สำหรับเอาไว้จิ้มเครื่องในกินกับข้าวร้อนๆ แล้วซดน้ำแกงตามเข้าไป

 

คุณหม่อง-เจ้าของร้าน
ต้มเครื่องในวัวพิเศษ
กระเทียมต้มกินคู่กับต้มเครื่องในวัว
กระเทียมต้มกินคู่กับต้มเครื่องในวัว

ความดีงามของต้มเครื่องในวัวร้านหม่องอีกอย่างก็คือน้ำซุปใสๆ หอมกลิ่นตะไคร้ ซึ่งเดี๋ยวนี้ไม่มีเวลาหั่นฝอยทีละชาม แต่จะต้มลงในหม้อไปเลย และก็มีกระเทียม ข่า ลูกมะกรูดต้มและเผาอีกด้วย ควรขอ กระเทียมต้ม มากินแกล้มกับต้มเครื่องในวัวเข้ากันดีเป็นปี่เป็นขลุ่ย กินกับข้าวสวยร้อนๆ (5 บาท) ลืมบอกไปว่าที่นี่ยังใช้เตาถ่านต้มเครื่องในวัวจึงร้อนระอุอร่อยเป็นทวีคูณ

ถ้าต้องการกินเครื่องในวัวครบทุกสิ่ง ควรไปแต่เช้า ตอน 8 โมงยิ่งดี แต่ถ้าต้องการให้ต้มเครื่องในวัวน้ำงวดได้ที่ ให้ไปตอน 10 โมงดีที่สุด แต่เวลานั้นของบางอย่างอาจจะหมดแล้วนะจ๊ะ แต่ไม่ควรไปเกิน 11 โมงเช้าก็แล้วกัน มิฉะนั้นอาจจะต้องช่วยเขาปิดร้านแทน ของหมดอดกินเป็นแน่ ข้อควรระวังอีกอย่างก่อนไปร้านนี้ควรเปิดปฏิทินวันพระให้ดี เพราะร้านหม่องเขาหยุดทุกวันอาทิตย์และทุกวันพระใหญ่นะจ๊ะ

หม่อง ราชบพิธ ต้มเครื่องในวัว
(ไม่มีป้ายชื่อร้าน)

โดย คุณพรชัย (หม่อง) ฐิติภาณุเวช

ที่ตั้ง 36-38 ถ.ราชบพิธ แขวงวัดราชบพิธ เขตพระนคร กรุงเทพฯ 10200

โทร 08-1835-1170

เปิดบริการ 08.00-11.00 น. หรือขายจนหมดไม่เกิน 12.00 น. จันทร์-เสาร์

หยุด อาทิตย์ วันพระใหญ่ เทศกาลปีใหม่ สงกรานต์

แนะนำ ต้มเครื่องในวัว

ที่มาอาทิตย์สุขสรรค์ มติชนรายวัน
ผู้เขียนปิ่นโตเถาเล็ก (ม.ล.ภาสันต์ สวัสดิวัตน์)
ม.ร.ว.ถนัดศรี สวัสดิวัตน์

ในฐานะที่เป็นนัก (อยากจะ) ชิมหน้าใหม่ในแวดวงอาหาร ฉบับนี้ขอใช้พื้นที่รำลึกถึงเรื่องราวนักชิมชื่อก้องของไทย “คุณชายถนัดศรี สวัสดิวัตน์” หม่อมราชวงศ์ผู้มีชีวิตดั่งนิยาย

ม.ร.ว.ถนัดศรี เริ่มจากเขียนคอลัมน์ “เชลล์ชวนชิม” นามปากกา ถนัดศอ ในหนังสือพิมพ์สยามรัฐ สัปดาหวิจารณ์นับสิบปี ก่อนจะย้ายมาที่นิตยสารฟ้าเมืองไทย กระทั่งหยุดกิจการไป คุณขรรค์ชัย บุนปาน ประธานกรรมการบริษัท มติชน จำกัด (มหาชน) ที่รู้จักมักคุ้นกันดี จึงได้เชื้อเชิญมาเขียนต่อที่มติชน สุดสัปดาห์

ในยุคสมัยนั้นเป้าหมายของการเขียนคอลัมน์ไม่ใช่การโฆษณาให้กับร้านอาหารเพียงอย่างเดียว

เรื่องนี้ “ศักดิชัย บำรุงพงศ์” นักการทูต นักเขียน นักหนังสือพิมพ์ นามปากกา “เสนีย์ เสาวพงศ์” เคยให้สัมภาษณ์มติชนรายวันครั้งที่คุณชายถนัดศรีได้รับรางวัลศิลปินแห่งชาติว่า ม.ร.ว.ถนัดศรีได้เขียนคอลัมน์ “เชลล์ชวนชิม” ลงในสยามรัฐ ซึ่งเป็นงานที่มีความสำคัญอย่างมีความหมาย เพราะเป็นเรื่องของการกินดีอยู่ดี ไม่ใช่การโฆษณาให้ร้านอาหาร แต่ถือเป็นการดึงพ่อครัวแม่ครัวมาสู่สถานะทางสังคมที่ดีขึ้น

ส่วนพรสวรรค์ด้านอาหารของคุณชายถนัดศรีนั้น ถือว่าติดตัวมาตั้งแต่เกิด ด้วยชาติกำเนิดของคุณชายที่เกิดในวังเพชรบูรณ์ เติบโตที่วังสระปทุม และมีครอบครัวที่วังศุโขทัย มีหม่อมย่า (หม่อมลมุน) เป็นหัวหน้าห้องเครื่องของวังสระปทุม จึงเห็นมาตั้งแต่เล็ก รู้จักเครื่องเสวยมาดี

ม.ร.ว.ถนัดศรีให้สัมภาษณ์ “สกุณา ประยูรศุข” ไว้ที่หน้าประชาชื่น หนังสือพิมพ์มติชน เมื่อต้นปี 2552 บอกว่า ที่รู้ว่าอะไรอร่อย ไม่อร่อย เพราะเกิดในวัง อยู่ในวังเห็นทุกสิ่งทุกอย่าง อาหารคำแรกก็อยู่ในวัง เพราะฉะนั้นจะได้ลิ้มรสชาติอาหารไทยแท้ที่ถูกต้อง และที่สำคัญรู้วิธีทำด้วย

“เรื่องอาหารเราบอกได้ เพราะรู้หมด กินมาหมด และทำอาหารเป็น สมัยก่อนตอนอายุยังไม่มากขนาดนี้ ชอบกินข้าวมันไก่ที่สุด และเป็ดทุกชนิด เป็ดพะโล้ เป็ดย่าง เป็ดปักกิ่ง และสเต๊ก เครื่องในกินเป็นหม้อๆ เป็นของชอบ เพราะฉะนั้นอาหารพวกเป็ดทั้งหลายแหล่ที่เป็นเชลล์ชวนชิมอร่อยทุกร้าน แต่พออายุมากหมอให้งดพวกสัตว์ปีก”

ขณะที่คำถามที่คนอยากรู้มากที่สุด หนีไม่พ้นอาหารชาววังต่างจากอาหารชาวบ้านอย่างไร คุณชายก็ตอบไว้ให้หลายเวที

ครั้งหนึ่งได้รับเชิญไปปาฐกถาเรื่องวัฒนธรรมอาหารในสังคมไทย ที่มหาวิทยาลัยมหิดล ราวสิบปีที่แล้ว มีรายงานอยู่ใน “มติชน สุดสัปดาห์” โดย “ธนก บังผล” ตอนหนึ่งว่า

“ทีนี้จะพูดว่ารสชาติอาหารชาววังกับชาวบ้านนั้นผิดกันอย่างไร ขอเรียนว่า อาหารชาวบ้าน กับอาหารชาววังเหมือนกันทุกสิ่งทุกอย่าง แต่โบราณราชประเพณีมาจากพระมหากษัตริย์ในสมัยก่อน ที่ยังไม่มีทันตแพทย์ พระทนต์ก็ไม่ดี พอพระชนม์มากเข้าการจะเคี้ยวอะไรให้มันแหลกเป็นจุณมหาจุณก็ลำบาก ทางห้องเครื่องก็จะทำแต่สิ่งที่ไม่มีกระดูก ทำแต่เปื่อยๆ พระมหากษัตริย์สมัยก่อนไม่ได้เสวยผัดถั่วงอกหรอกครับ เพราะเขาถือว่าถั่วงอกเป็นของเลว”

คุณชายอธิบายไว้อีกว่า สำหรับอาหารที่เป็นชาววังนั้น มีข้อกำหนดอยู่ 3 อย่าง หนึ่ง จะต้องไม่มีเปลือก ตัวอย่าง ถ้าเป็นกุ้ง หัวไม่มี หางไม่มี เปลือกไม่มี ต้องมีแต่เนื้อกุ้งล้วนๆ สอง ไม่มีก้าง ปลาสลิดที่ตั้งเครื่องนั้นหาก้างไม่เจอ สามไม่มีกระดูก

“แล้วคุณหญิงชลมารค (หม่อมหลวงติ๋ว ชุมสาย) ท่านเคยเป็นนายห้องเครื่องของรัชกาลที่ 9 ผมก็เป็นคนที่เรียกว่าเห็นท่านเสวยแต่ของในวังน่าเบื่อหน่าย พระเจ้าอยู่หัว ร.9 นั้นท่านโปรดเสวยผัดถั่วงอก แต่ที่ห้องเครื่องทำไปนั้นมีถั่วงอกอยู่ประมาณ 4-5 เส้น แล้วก็เอาไปลวกน้ำก่อนเสียจนเปื่อย นอกนั้นมีหมู กุ้ง ไก่ ผมเห็นแล้วก็เกิดความสงสาร ยาจกสงสารเศรษฐี จนกระทั่งผมหาของต่างจากในวังให้ไปเสวย พวกบะหมี่ลูกชิ้นถนัดศรีอะไรพวกนี้ ก๋วยเตี๋ยวก็ยกหาบเข้าไปเลยจากบางลำพู ปรากฏว่าคุณหญิงชลมารคท่านบอกว่า คุณชายขา คุณชายนี่ถ้าเป็นสมัยก่อนยังมีบรรดาศักดิ์อยู่ คุณชายจะเป็นพระยานะคะ

“โอ้ ขอบคุณป้าติ๋ว แล้วราชทินนามผมจะมีว่ากระไรละ

“อ๋อ ง่ายเหลือเกินค่ะ พระยาโบราณทำลายราชประเพณี (ฮา)

“ท่านบอกว่ามีอย่างที่ไหนเอาบะหมี่ เอาก๋วยเตี๋ยวมาให้เจ้านายเสวย มันสกปรกออก ขายอยู่ตามข้างถนน ผมก็อดไม่ได้เลยบอกว่าเห็นเสวยตั้ง 2 ชามแน่ะ

“อาหารชาววังนี้ ที่เขาบอกว่าจะต้องหวานมันไม่จริง แล้วอาหารชาววังนั้นเหมือนกับอาหารชาวบ้านทุกอย่างเลย อย่างแถบนครปฐมมีแกงไก่ แกงแดงเขาสับกระดูกใส่ลงไปด้วย แทนที่เขาจะใส่แต่เนื้อไก่ กระดูกนั้นมันมี Marrow (ไขในกระดูก) ซึ่งเป็นของโอชะ เพราะฉะนั้นการที่เราจะต้มแล้วตักออกไป ไอ้ Marrow ที่อยู่ในกระดูกนั้นมันจะออกมาผสมกับน้ำแกง ทำให้เกิดความเอร็ดอร่อย อันนี้เป็นภูมิปัญญาชาวบ้าน

“มีคนถามว่า เอ๊ะ แกงไก่ชาวบ้านทำไมเขาต้องสับทั้งกระดูก คำตอบก็คือ โคตรพ่อโคตรแม่ทำมาอย่างนี้ ผมก็บอกว่าทีหลังใครเขาถามก็ให้บอกว่าไขกระดูกมันออกมากับน้ำแกงถึงทำให้เอร็ดอร่อย เป็นอย่างนี้นะครับ”

อารมณ์ขันอันแพรวพราว คือ เสน่ห์ที่ทำให้คุณชายเป็นที่รักใคร่ของคนทุกกลุ่มทุกชนชั้น

“วสิษฐ เดชกุญชร” อดีตรองอธิบดีกรมตำรวจผู้ล่วงลับ ในฐานะเคยเป็นนักเขียนร่วมสำนักที่ “สยามรัฐ” และเป็นนักแสดงละครเรื่องเดียวกันกับคุณชายถนัดศรี ได้เขียนถึงมิตรรักไว้ในมติชนรายวัน ครั้งที่คุณชายได้รับรางวัลศิลปินแห่งชาติตอนหนึ่งว่า

“ใครๆ เรียกเขาว่าหม่อมถนัดศรีบ้าง คุณชายบ้าง พี่หมึกบ้าง แต่ผมเรียก ม.ร.ว.ถนัดศรี สวัสดิวัตน์ว่า ‘ถนัดศรี’ และเขาก็เรียกผมว่า ‘วสิษฐ’ บางครั้งเขาเรียกผมว่า ‘พ่อหนู’ ตามลูกของผม

“ถนัดศรีแก่กว่าผมสองปี หากนับตามรุ่นการศึกษามหาวิทยาลัย เขาก็อยู่ในรุ่นพี่ผม แม้จะต่างมหาวิทยาลัยกัน ถนัดศรีเรียนธรรมศาสตร์ ส่วนผมเรียนจุฬาฯ แต่สำหรับผมหรือใครๆ ก็ตาม ถนัดศรีเป็นคนไม่มีรุ่น ความเป็นหม่อมราชวงศ์ของถนัดศรี ไม่เคยเป็นอุปสรรคในความสัมพันธ์ระหว่างถนัดศรีกับใครๆ จนทุกวันนี้ ไม่ว่าเด็กหรือผู้ใหญ่รุ่นไหน คราวไหน ถ้าได้เข้าใกล้ถนัดศรี ทุกคนจะถูกดึงดูด และสนิทสนมกับถนัดศรีได้ภายในเวลาไม่กี่นาที”

นี่เป็นเพียงแค่เศษเสี้ยวเรื่องราวชีวิตของคุณชาย ยังมีอีกเป็นล้านเรื่องที่ล้วนมีสีสันทั้งเรื่องราวส่วนตัวและชีวิตการทำงานที่เป็นทั้งนักจัดรายการวิทยุ นักร้อง ศิลปินแห่งชาติ และบทบาทของนักชิมที่โด่งดังและมีมนต์ขลังมาอย่างยืนยาว ในนามของ “เชลล์ชวนชิม”

และด้วยคุณูปการอันมากมาย ทำให้ “ม.ร.ว.ถนัดศรี สวัสดิวัตน์” เป็นที่เคารพรัก และจดจำในใจคนไทยไปอีกแสนนาน

ที่มาอาทิตย์สุขสรรค์ มติชนรายวัน
ผู้เขียนชม นำพา [email protected]