สยามแลนด์ ฟลายอิ้ง ผู้คร่ำหวอดในธุรกิจบริการเครื่องบินส่วนตัว (Private Jet) แบบเช่าเหมาลำและเครื่องบินพยาบาลกว่า 30 ปี ได้รับการรับรองมาตรฐานด้านการลำเลียงผู้ป่วยทางอากาศ 2 มาตรฐานจาก CAMTS สหรัฐอเมริกา และ EURAMI จากยุโรป เป็นผู้ประกอบการรายแรกในเอเชียที่ได้รับการรับรองสองมาตรฐานพร้อมกัน สยามแลนด์ ฟลายอิ้ง พร้อมเดินหน้ากระตุ้นเศรษฐกิจไทย รองรับนโยบายเปิดประเทศสู้กับวิกฤตโควิด-19 ประเดิมเปิดบริการอาคารผู้โดยสารส่วนบุคคล “Siam Land Private Jet Terminal” แห่งแรก ณ ท่าอากาศยานนานาชาติภูเก็ต หวังช่วยขับเคลื่อนอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย ปักหมุดภูเก็ตจุดหมายปลายทางในฝันของนักท่องเที่ยวทั่วโลก ทั้งนี้ ได้มีการจัด Grand Opening เพื่อเปิดตัว  Private Jet Terminal แห่งนี้อย่างเป็นทางการ โดยมี นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้เกียรติเป็นประธานในพิธี, นายณรงค์ วุ่นซิ้ว ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต, นายประภาศ คงเอียด อธิบดีกรมธนารักษ์, นายนิตินัย ศิริสมรรถการ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) พร้อมด้วย นายสุภกิต เจียรวนนท์ ประธานกรรมการ เครือเจริญโภคภัณฑ์

ร่วมในพิธีเปิด และแขกจากผู้แทนหน่วยงานราชการ ภาคธุรกิจระดับประเทศและในจังหวัดภูเก็ตเข้าร่วมงานอย่างคับคั่ง  อาคารผู้โดยสารส่วนบุคคลจะเริ่มให้บริการและรับลูกค้าอย่างเป็นทางการในต้นปี 2565

นายขจร เจียรวนนท์ รองกรรมการบริหาร บริษัท สยามแลนด์ ฟลายอิ้ง จำกัด กล่าวว่า “การเปิดให้บริการอาคารผู้โดยสารส่วนบุคคล สยามแลนด์ ภูเก็ต นับเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญในการดำเนินธุรกิจของบริษัท ด้วยเล็งเห็นถึงแนวโน้มการเติบโตของธุรกิจการบินเช่าเหมาลำแบบส่วนตัวที่เพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในช่วงที่มีสถานการณ์การระบาดของโควิด 19 ธุรกิจเช่าเหมาลำที่้เน้นความเป็นส่วนตัว ยิ่งได้รับความนิยมมากขึ้นในหมู่นักท่องเที่ยววีไอพี  ผู้ซึ่งให้ความสำคัญเรื่องความปลอดภัยเป็นอันดับแรก จึงทำให้ Private Jet เป็นทางเลือกใหม่ของการท่องเที่ยวแบบนิวนอร์มัล ที่สร้างความมั่นใจได้เพราะสามารถลดความเสี่ยงในการสัมผัสจากความหนาแน่นภายในท่าอากาศยาน และระหว่างเดินทาง ซึ่งการเปิดอาคารผู้โดยสารส่วนบุคคลใหม่ของสยามแลนด์ ที่ภูเก็ตนี้ จะช่วยตอกย้ำความเชื่อมั่นให้กับกลุ่มนักเดินทางโดยเครื่องบินส่วนตัว ซึ่งนอกจากจะมั่นใจได้เรื่องความปลอดภัยแล้ว ยังจะได้รับการรับรองด้วยบริการที่เป็นมาตรฐานสากลแบบครบวงจร สะดวกสบายและรวดเร็วมากยิ่งขึ้น สร้างความประทับใจตั้งแต่แรกเยือนประเทศไทย โดยเฉพาะแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ เช่น ภูเก็ต ซึ่งเป็นเดสติเนชั่นที่นักเดินทางทั่วโลกเฝ้ารอมาสัมผัส จึงนับเป็นอีกหนึ่งความภูมิใจของสยามแลนด์ ฟลายอิ้ง บริษัทในเครือเจริญโภคภัณฑ์ ที่มีส่วนร่วมสร้างประโยชน์ให้กับประเทศ สนับสนุนนโยบายของรัฐในการขยายตลาดการท่องเที่ยวไทย เปิดโอกาสใหม่จากทัวริสต์กลุ่มที่มีกำลังซื้อสูง สร้างรายได้และการจับจ่ายภายในประเทศ ตลอดจนสร้างงานให้กับคนในพื้นที่อีกด้วย”

มร.เกรก มาร์ติน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สยามแลนด์ ฟลายอิ้ง จำกัด กล่าวว่า “Private Jet Terminal ของสยามแลนด์ ฟลายอิ้ง ภูเก็ต เพียบพร้อมด้วยมาตรฐานบริการสุดพรีเมี่ยม เป็นส่วนตัวและปลอดภัย ตั้งอยู่บนที่ดิน 17 ไร่ ในพื้นที่ ต.ไม้ขาว อ. ถลาง จ.ภูเก็ต โดยเป็นอาคารชั้นเดียว ครอบคลุมพื้นที่กว่า 1,200 ตารางเมตร ประกอบด้วยห้องรับรองวีไอพีที่สามารถรองรับผู้โดยสารได้กว่า 40 คน พร้อมทั้งจุดตรวจคนเข้าเมือง ด่านศุลกากร และด่านควบคุมโรค นอกจากนี้ ยังมีโรงจอดอากาศยานที่มีพื้นที่เกือบ 7,000 ตารางเมตร และพื้นที่ลานจอดอากาศยานภายนอกอีก 12,000 ตารางเมตร เพื่อรองรับการจอดอากาศยานอย่างปลอดภัย โดยสามารถรองรับเครื่องบินส่วนตัวขนาดกลาง อาทิ Gulfstream G650 ได้ถึง 7 ลำ หรือเครื่องบินส่วนตัวขนาดใหญ่ อาทิ Boeing Business Jet หรือ Airbus Corporate Jet และยังมีบริการซ่อมบำรุงอากาศยานโดยทีมช่างผู้เชี่ยวชาญที่มีใบอนุญาตให้ดำเนินการอย่างถูกต้อง   และด้วยความมุ่งมั่นที่จะร่วมสร้างด้านความยั่งยืน บริษัท สยามแลนด์ ฟลายอิ้ง ได้ให้ความสำคัญด้วยการลงทุนเลือกใช้อุปกรณ์ภาพพื้นจากพลังงานไฟฟ้า อาทิเช่น รถดันอากาศยาน, เครื่องจ่ายพลังงานไฟฟ้าให้อากาศยาน รวมถึงรถรับส่งภายในบริเวณลานจอดอากาศยาน เพื่อทดแทนการใช้พลังงานดีเซล ด้านความปลอดภัย สยามแลนด์ ฟลายอิ้ง ภูเก็ต แห่งนี้ ได้รับการรับรองมาตรฐาน National Air Transportation Association (NATA) for Safety First ด้านความปลอดภัยของบริการภาคพื้นอีกด้วย

นอกจากนี้แล้วยังมีบริการอำนวยความสะดวก อาทิเช่น บริการรถรับส่ง, บริการติดต่อประสานห้องพักโรงแรม, บริการให้คำแนะนำด้านการท่องเที่ยวและสันทนาการ, บริการจัดหาอาหารและเครื่องดื่มสำหรับไฟลท์บิน บริการห้องรับรองพิเศษสำหรับผู้โดยสารที่เดินทางเข้าและออกรวมถึงลูกเรืออีกด้วย

 
 
29 ตุลาคมนี้แม็คโคร สาขาถลาง จังหวัดภูเก็ต จัดงานเทศกาลอาหารนานาชาติ นำเสนอวัตถุดิบ และไอเดียในการสร้างสรรค์เมนูเป็นอาหารชนชาติต่างๆ ทั้ง ญี่ปุ่น เกาหลี ตะวันตก เม็กซิกัน อินเดีย มากันครบ สมกับเป็นแหล่งรวมวัตถุดิบสำหรับธุรกิจอาหารแหล่งใหญ่ของไทย
ว่ากันว่า งานนี้มีทัพวัตถุดิบนำเข้ามานำเสนอมากมาย อาทิ หอยแมลงภู่นิวซีแลนด์, แคนาเดียนล็อปสเตอร์ดิบ, ชิ้นส่วนแกะ, ชไรเบอร์เกรทเทดพามาซานชีส, ขนมปังฝรั่งเศส, อะโวคาโด, ปลาแซลมอนแทสมาเนียน, หอยนางรมซิดนีย์ร็อค, เนื้อวัว จาก ออสเตรเลีย ฯลฯ พร้อมไอเดียการปรุงเมนูชาติต่างๆ จากเชฟมืออาชีพให้ชมและชิมตลอดวัน
งานเริ่ม 10.30 -16.00 น. … จบแล้วไม่จบเลย ตั้งแต่วันที่        30 ตุลาคม – 5 พฤศจิกายนนี้ใน 5 สาขาทั่วภูเก็ต ได้แก่ สาขาภูเก็ต, ถลาง, ราไวย์, ป่าตอง, กะรน และยังจัดวัตถุดิบดีเด็ดราคาดีงามเอาไว้รองรับฤดูกาลท่องเที่ยวเช่นกัน

เรียกว่าเป็นโชคหรือฟ้าบันดาลก็ว่าได้ เมื่อมีหมายงานต้องเดินทางไปจังหวัดภูเก็ต จังหวัดที่ขึ้นชื่อในหลายๆ ด้าน ทั้งด้านการท่องเที่ยว ด้านอาหารการกิน และประวัติศาสตร์ ศิลปวัฒนธรรม นับเป็นอีกจังหวัดหนึ่งที่ต้อง “ลิสต์” ไว้ในใจ หาโอกาสไปละเลียดบรรยากาศสำรวจตรวจตราทุกซอกทุกมุม แบบจริงๆ จังๆ สักที ความเป็นเมืองภูเก็ตรับรู้กันว่า มีคนจีนอยู่เป็นส่วนใหญ่ แต่จะเป็นจีนแบบไหน อย่างไร? คงต้องย้อนประวัติศาสตร์ไปตั้งแต่ 700 ปีที่ผ่านมา

ตามคำบอกเล่าที่ได้ฟังมา คนจีนในภูเก็ตส่วนมากเป็น “ฮกเกี้ยน” คืออพยพมาจากมณฑลฮกเกี้ยน ประเทศจีน มากที่สุด รองลงไปก็มีจีนกวางตุ้ง และจีนไหหลำ ชาวจีนเหล่านี้แรกเริ่มอพยพมาประเทศไทย เพราะหนีความยากลำบาก หนีปัญหาเศรษฐกิจตกต่ำเนื่องจากสงครามกลางเมือง และภัยพิบัติทางธรรมชาติ เพื่อมาแสวงหาโอกาสและชีวิตที่ดีกว่า

ประกอบกับในช่วงเวลาสมัยโน้น ที่ภูเก็ตมีการทำเหมืองแร่ดีบุก จึงต้องการคนงานจำนวนมาก แรงงานคนจีนได้เข้ามารับจ้างกันจนเกิดการหลั่งไหลมายังเกาะภูเก็ต ว่ากันว่าในสมัยรัชกาลที่ 3 พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว จนถึงรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 เป็นยุคที่ชาวจีนอพยพมาอยู่ที่ภูเก็ตมากที่สุด

ชาวจีนฮกเกี้ยนได้ชื่อว่าเป็นพวกที่มีความขยันขันแข็ง มีความอดทน ทำงานหนักเอาเบาสู้ไม่เลือกงาน ทั้งยังรู้จักประหยัดอดออม เมื่อเก็บเงินได้จำนวนหนึ่งมักจะทำกิจการของตนเองด้วยการค้าขายเล็กๆ น้อยๆ หลายคนมีความสามารถจนสร้างเนื้อสร้างตัวร่ำรวยเป็นเศรษฐีไปหลายราย หลายตระกูล อาทิ ตัณฑวนิช  ทองตัน  อุดมทรัพย์  ตันติวิทย์ เอกวานิช งานทวี หงษ์หยก เป็นต้น

วกกลับมาที่ “คุณยายเจียร แซ่ตัน” เจ้าของร้าน “หมี่สะปำ” จ.ภูเก็ต ซึ่งจะกล่าวถึงในที่นี้ ชื่อเสียงของร้านโด่งดังจนเกิดมอตโต้ “ไปภูเก็ตต้องกินหมี่สะปำ” หมายความว่าใครไม่ไปกินหมี่สะปำที่ร้านนี้แสดงว่าไปยังไม่ถึงภูเก็ต เท็จจริงอย่างไรไม่ทราบเพียงแต่ฟังเขาว่ากันมา  แต่จะว่าไปแล้วอาหารร้านคุณยายเจียรนับว่า “เลิศรส” จริงๆ ด้วย สมคำร่ำลือต่อๆกัน ร้านหมี่ะปำยายเจียรเปิดมาตั้งแต่ปี 2495 มาถึงปัจจุบันก็สืบทอดกันมาถึง 3 เจเนอเรชั่นแล้ว

เดิมทีเดียวคุณยายเจียรอาศัยอยู่กับครอบครัวที่ “หมู่บ้านสะปำ” เป็นหมู่บ้านเล็กๆ ใน ต.เกาะแก้ว จ.ภูเก็ต คนส่วนใหญ่เป็นคนไทยเชื้อสายจีน ในอดีตมีอาชีพทำประมงเนื่องจากอยู่ใกล้ทะเล    คุณยายเจียร มีพี่น้องส่วนใหญ่ทำอาชีพประมง แต่ครอบครัวคุณยายเปิดร้านขายของชำและมีอาชีพเสริม คือ “ผัดหมี่ขาย” หมี่ผัดของคุณยายมีเอกลักษณ์เหนียวนุ่ม เส้นกลมโต อร่อยถูกปากลูกค้าทุกคน ดังนั้น จากที่กินกันกลุ่มเล็กๆ ในหมู่บ้าน ก็ร่ำลือกันแบบปากต่อปากไปเรื่อย เพราะบ้านคุณยายไม่มีชื่อร้าน คนที่มากินก็เรียก “หมี่ผัดที่สะปำ” เวลาต่อมาจึงเรียกสั้นๆ ตามฉบับคนใต้ว่า “หมี่สะปำ”

หมี่สะปำ
ลูกชิ้นปลา
ปอเปี๊ยะสด

เมนูขึ้นชื่อของร้าน ไปถึงไม่สั่งกินไม่ได้ต้องนี่เลย..”หมี่สะปำ” หรือผัดหมี่ฮกเกี้ยนนี่เอง จะใช้เส้นหมี่เหลืองกลมที่มีขนาดใหญ่กว่าเส้นบะหมี่ทั่วไปมาผัด โดยหมี่ผัดฮกเกี้ยนทั่วไปจะใช้เนื้อหมูผัดกับเส้น แต่หมี่สะปำ เกิดจากคุณยายเจียรนำซีฟู้ดมาดัดแปลงใส่แทนเนื้อหมู ผัดมาแบบน้ำขลุกขลิกสไตล์จีน มีผักกวางตุ้งและไข่ลวกใส่มาให้ด้วย ใครชอบรสจัดต้องปรุงเพิ่ม แต่ออริจินัลรสออกนัว อร่อยไม่ต้องปรุงเลย หมี่สะปำคือจานแรกที่สร้างชื่อให้กับทางร้านจนกลายเป็นที่รู้จักแพร่หลาย

จานถัดมา “หอยทอด” สูตรร้านหมี่สะปำ เป็นเมนูที่คุณยายเจียรคิดค้นและดัดแปลงจากหอยทอดทั่วไป เปลี่ยนจากหอยนางรมมาใช้ “หอยกระติบ” เป็นหอยที่มีอยู่ในท้องถิ่น จ.ภูเก็ต คล้ายหอยนางรมแต่ตัวเล็กกว่า วิธีการปรุงของคุณยายจะแยกตัวแป้งออกจากตัวหอย เพื่อให้ลูกค้าได้สัมผัสความกรอบของแป้งทอดห่อเป็นแท่งใหญ่สวยงาม กินคู่กับน้ำจิ้มของทางร้าน ลงตัวเข้ากันเป็นอย่างดี รสชาติหลักๆ จะมาจากซอสพริกของทางร้าน

หอยทอดสะปำ
ข้าวคลุกกะปิ

ขาดไม่ได้เลย คือ “ลูกชิ้นปลาภูเก็ต” หรือ จีนฮกเกี้ยนเรียก “หูอ่วน” ทำจากปลากล้วยญี่ปุ่น หรือที่รู้จักกันว่า “ปลาข้างเหลือง” พบมากที่สุดในทะเลอันดามันแถบ จ.ระนอง พังงา และภูเก็ต ลูกชิ้นปลาหมี่สะปำจะลูกกลม ใหญ่กว่าลูกชิ้นปลาทั่วไป เหนียวนุ่มและไม่คาวด้วยธรรมชาติของปลาชนิดนี้ รับประทานได้ในเมนู ลูกชิ้นปลาลวกจิ้ม โรยด้วยกระเทียมเจียวและคื่นฉ่าย คู่กับน้ำจิ้มซีฟู้ดรสเปรี้ยวหวาน เป็นเมนูยอดนิยมที่ทางร้านผลิตเอง หรือจะกินเปล่าๆ ก็อร่อยเช่นกัน

“หมี่หุ้นกระดูกหมูต้มยาจีน” เป็นอีกเมนูที่ห้ามพลาดเด็ดขาด มาจาก  “บี้หู้น” คือเส้นหมี่ที่ทำจากแป้งข้าวเจ้าเส้นเล็ก (หมี่ขาว) และกระดูกหมูต้มด้วยเครื่องยาจีน หรือ “บ๊ะกูดเต๋” นั่นเอง เมนูนี้ดัดแปลงมาจากหมี่หุ้นบะจ่าง (บี้หู้นปาฉ่าง) ทำจากหมี่หุ้นผัดกับซีอิ๊ว กินคู่กับน้ำซุปกระดูกหมูน้ำใสๆ หมี่หุ้นสูตรหมี่สะปำคุณยายเจียร จะผัดเส้นหมี่หุ้นเหมือนกัน โรยด้วยหอมเจียวทอดและต้นหอมซอย กินคู่กับน้ำซุปกระดูกหมูและซี่โครงอ่อนตุ๋นกับเครื่องยาจีนหลายชนิด รสชาติจะหอมหวานกว่าและเป็นตัวยาสมุนไพรจีนที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย เป็นอีกหนึ่งเมนูที่ได้รับความนิยมจากลูกค้า

“โล้บะ (ล้อบะ)” เป็นอาหารฮกเกี้ยน มาจากเมืองเบ๊หัง ประเทศจีน ปัจจุบันถือว่าเป็นอาหารพื้นเมืองรับประทานเล่นของภูเก็ต “บะ” แปลว่าหมู นำหัวหมูและเครื่องในหมู อาทิ ปอด หัวใจ ลิ้น ไส้ ไปต้มพะโล้แล้วนำไปทอดอีกครั้ง ทานคู่กับ “ต่าวกั้ว” หรือเต้าหู้ทอด หรือ “ต่าวกั้วจี่” ก็ได้ เป็นเต้าหู้ผ่าเฉียงรูปสามเหลี่ยม ปาดตรงกลาง ใส่แป้ง ถั่วงอก กุ้ง แล้วนำไปทอด เมื่อส่งเข้าปากจะสัมผัสถึงความนุ่มหนึบ กรุบกรับ แต่ไม่เลี่ยนเพราะมีน้ำจิ้มรสเผ็ดหวานเข้มข้นช่วยตัดความมัน

อาหารว่างอีกจาน “โอ่ต้าว” หรือบางทีออกเสียง “โก่ต้าว” โก่ แปลว่าหอย ต้าว แปลว่าการนำมาประกอบเข้าด้วยกัน อาหารว่างจานนี้เป็นเป็นอาหารที่นำหอยมาปรุงรส เป็นหอยในท้องถิ่น หาง่าย ลักษณะการปรุงจะคล้ายหอยทอด แต่จะมีเนื้อสัมผัสที่นุ่มกว่า มีหอยกระติบและเผือกเป็นวัตถุดิบหลัก นำมาทอดกับแป้ง ไข่ไก่ พริกแห้งบดและกระเทียมเจียวสับรวมให้เป็นเนื้อเดียวกัน โรยด้วยหอมเจียว ต้นหอมซอย พริกไทยป่น เสิร์ฟพร้อมกับถั่วงอกดิบเป็นเครื่องเคียง

หากเมนูที่เอ่ยมานี้ยังไม่สาแก่ใจในการกิน ในร้านยังมีเมนูอื่นๆอีก อร่อยไม่แพ้กัน เช่น หมูฮ้อง สามก๊ก แกงปูใบชะพลู ข้าวผัดปู ปอเปี้ยะสด หมูสะเต๊ะ ห่อหมกปลา เป็นต้น เสร็จแล้วอย่าลืมตบด้วยของหวาน ที่ร้านเขามี “โอ้เอ๋ว” เป็นของหวานตำนานแห่งภูเก็ต เล่าว่าร้อยกว่าปีก่อน มีชาวจีนคนหนึ่งมาทำการค้าขายในจังหวัดภูเก็ต คราวที่ต้องย้ายกลับไปอยู่เมืองจีนถาวร ได้บอกสูตรขนมชนิดนี้กับนายท้ายเอ้ง แซ่ตัน ซึ่งปัจจุบันก็คือ “ร้านโอ้เอ๋วแป๊ะหลี”  ในซอยสุ่นอุทิศนี่เอง

หมี่หุ้นกระดูกหมูต้มยาจีน
หมูสะเต๊ะ
โอ่ต้าวทะเล
โอ้เอ๋ว

“โอ้เอ๋ว” มาจากเมล็ดโอ้เอ๋ว ซึ่งเป็นพืชชนิดหนึ่ง นำมาแช่น้ำให้เมล็ดพองตัวแล้วรีดเอา “เมือก” มาผสมกับเนื้อกล้วยน้ำว้าสุก กรองเอาแต่น้ำต้มจนเดือดและพักไว้ให้เย็น ก็จะจับตัวเป็นวุ้นใสๆ แต่จะนิ่มกว่าและคืนตัวเร็วกว่า ในอดีตมักรับประทานโอ้เอ๋วคู่กับลูกจากหรือลูกชิด กับวุ้นดำ ราดด้วยน้ำเชื่อม น้ำแดง สรรพคุณแก้อาการร้อนใน และลดความดันโลหิตได้ด้วย หรือหากไม่ชอบแบบนี้ก็มีแบบอื่น เฉาก๊วยโบราณ รังนกแท้ใส่แปะก๊วย หรือข้าวเหนียวมะม่วง ก็มี

ร้านคุณยายเจียร ตั้งอยู่ ถ.เทพกระษัตรี ต.เกาะแก้ว อ.เมือง จ.ภูเก็ต ปัจจุบันปรับปรุงหน้าร้านใหม่ ตกแต่งข้างในร้านสวยงาม สะอาดสะอ้านดูดีมีระดับ เห็นว่ามีทั้งหมด 2 สาขาแล้ว เปิดทุกวันตั้งแต่ 9.00 – 17.30 น. นอกจากขายอาหารแล้ว ยังมีสินค้าของฝาก ของที่ระลึก ติดไม้ติดมือกลับบ้านด้วย ล้วนเป็นของอร่อยในภูเก็ตทั้งนั้น

ภาพจาก : facebook

เรื่อง-ภาพ กนกวรรณ มากเมฆ

หากเอ่ยถึงการเดินทางไปเที่ยวไข่มุกอันดามันอย่าง “ภูเก็ต” เชื่อว่าหลายคนคงนึกถึงชายหาดทอดยาวตัดกับน้ำทะเลสีคราม การชมวิวพระอาทิตย์ลับของฟ้าที่แหลมพรหมเทพ บ้านเก่าอาคารโบราณในเขตตัวเมือง หรือแสงสีตระการตาที่ชายหาดป่าตอง

แต่แท้จริงแล้วภูเก็ตยังมีอีกหนึ่งสถานที่ที่หลบเร้นซ่อนอยู่กลางขุนเขา แต่หากใครได้ไปเยือนคงพูดได้เต็มปากเลยว่าที่นี่แหละคือสวรรค์บนดินแห่งภูเก็ต และที่นั่นคือรีสอร์ต “กีมาลา ภูเก็ต” (Keemala Phuket) นั่นเอง

วิวที่พักของกีมาลาจากบริเวณ Tree Tower

กีมาลา ภูเก็ต เป็นรีสอร์ตหรู 5 ดาวที่เพิ่งเปิดให้บริการมาเพียง 3 ปีเท่านั้น ทำเลที่ตั้งนั้นหาไม่ยาก อยู่ห่างจากหาดกมลาไปเพียงนิดเดียว โดยเลี้ยวขึ้นไปทางฝั่งภูเขาเข้าไปไม่ไกลนัก ก็จะเห็นรีสอร์ตรูปทรงแปลกตาอยู่ท่ามกลางแมกไม้น้อยใหญ่

เมื่อถึงบริเวณหน้ารีสอร์ต มีรถกอล์ฟพาแขกผู้มาเยือนขึ้นไปยังบริเวณล็อบบี้ ที่ตัวอาคารมีลักษณะเป็นรูปกระเปาะอยู่บนเสาแท่งเดียว ด้านนอกทำด้วยวัสดุดูคล้ายธรรมชาติ ทำให้หลายคนนิยามว่าราวกับหลุดออกมาจากภาพยนตร์เรื่อง “อวตาร” เลยทีเดียว

โซน Public Area อาคารดีไซน์รูปร่างคล้ายกระเปาะ

อาคารรูปทรงกระเปาะหลายหลังนี้นอกจากจะเป็นล็อบบี้แล้ว ยังมีทางเดินเชื่อมที่ทำจากวัสดุธรรมชาติอย่างไม้และไม้ไผ่ ให้เดินไปยังห้องน้ำของล็อบบี้ที่ดีไซน์เป็นรูปทรงกระเปาะเช่นเดียวกัน นอกจากนี้ยังพาเดินไปยังจุดชมวิวที่ด้านหนึ่งมองเห็นทิวทัศน์ที่พักน้อยใหญ่เรียงรายอยู่ทั่ว และสีครามสดใสของน้ำทะเลอันดามัน ส่วนอีกด้านก็คือวิวอาคารที่พักรูปทรงต่างๆ ของกีมาลานั่นเอง

ทางเดินจากล็อบบี้ไป Tree Tower

พักจิบเวลคัมดริงก์อย่างน้ำอัญชันจนหายร้อน เลยขอโอกาสพูดคุยกับ “ตาล-สมรพรรณ สมนาม” นักธุรกิจสาววัย 30 ปี ผู้บริหารโรงแรมกีมาลา ภูเก็ต ถึงแนวคิดการออกแบบโรงแรมให้แปลกไม่เหมือนใคร

โดย “สมรพรรณ” เล่าถึงจุดเริ่มต้นให้ฟังว่า ก่อนหน้านี้ครอบครัวของเธอมีโรงแรมที่หาดป่าตองอยู่ก่อนแล้ว เป็นโรงแรม 4 ดาวชื่อว่า “เดอะ กี รีสอร์ต แอนด์ สปา” ซึ่งหลังจากที่เดอะ กี ให้บริการมา 6-7 ปี สมรพรรณและพี่ชายก็รู้สึกว่าถึงจุดอิ่มตัวแล้ว และถึงเวลาเริ่มต้นสิ่งใหม่

สมรพรรณ สมนาม ผู้บริหารโรงแรมกีมาลา ภูเก็ต

ด้วยมีพื้นที่สวนผลไม้ขนาด 18 ไร่กลางหุบเขา ทำให้เธอและพี่ชายเล็งเห็นว่าน่าจะใช้ทำอะไรได้ และด้วยประสบการณ์ในสายงานด้านโรงแรม ทำให้ตัดสินใจว่าจะพัฒนาพื้นที่นี้เป็นโรงแรมขึ้น

“แต่ความยากก็คือเมื่อสำรวจโรงแรมในโซนนี้แล้ว เราพบว่าโรมแรมส่วนใหญ่ในหาดกมลาเป็นโรงแรมลักชัวรี ดังนั้นตลาดลักชัวรีจึงน่าจะยังขายได้ ซึ่งจุดเด่นของโรงแรมส่วนใหญ่คือมักอยู่ติดหาด แต่ของเราอยู่กลางหุบเขา เราเลยเริ่มมองหาคอนเซ็ปต์ เลยคิดว่าจะสร้างอะไรที่ดูมีสตอรี่ขึ้นมาดีไหม หรือสร้างอะไรที่ทำให้ลูกค้าอยากพักกับเราแทนที่จะไปอยู่ริมหาด ซึ่งด้วยความที่คุณแม่เป็นคนธรรมะ และชอบธรรมชาติ คอนเซ็ปต์ของกีมาลาเลยเน้นความเชื่อมโยงของธรรมะและธรรมชาติ”

ที่พัก “บ้านดิน”

การออกแบบของกีมาลาอาศัยทีม Sell Marketing จากโรงแรมเดิม และทีมดีไซเนอร์ชาวไทยจากกรุงเทพฯ โดยเรื่องราวที่นำมาถ่ายทอดเป็นเรื่องราวของ จ.ภูเก็ต ที่เป็นเมืองท่าสำคัญ มีการติดต่อซื้อขายสินค้า ซึ่งมีเรือขนส่งสินค้าลำหนึ่งที่มีคน 4 ชนเผ่าอยู่ด้วยกัน ทำให้ได้ที่พักที่มีสถาปัตยกรรมสอดคล้องกับคนเผ่านั้นๆ

ที่พักประเภทแรกของกีมาลาเรียกว่า “บ้านดิน” ของชนเผ่าปฐพี เป็นชนเผ่าที่อยู่กับดิน การออกแบบภายนอกให้ความรู้สึกเหมือนเป็นบ้านที่ทำมาจากดิน ส่วนที่พักประเภทถัดมามีชื่อว่า “บ้านเต็นท์” ของเผ่าคนจร มีอุปนิสัยชอบเปลี่ยนย้ายที่ การออกแบบจึงออกมาในลักษณะคล้ายเต็นท์

ที่พัก “บ้านต้นไม้”

ส่วนที่พักแบบที่ 3 มีชื่อว่า “บ้านต้นไม้” ของชนเผ่าเวหา รูปแบบดีไซน์หากมองจากข้างล่างจะรู้สึกเหมือนลอยอยู่บนอากาศ หรือถูกแขวนลงมาจากด้านบน และที่พักแบบสุดท้ายคือ “บ้านรังนก” ของชนเผ่ารังนก เป็นกลุ่มที่รักความเป็นส่วนตัวและความหรูหรา ทำให้บ้านรังนกจะตั้งอยู่ในพื้นที่ที่สูงที่สุดและดีที่สุดในกีมาลา ทั้งนี้ ห้องพักทุกแบบมาพร้อมฝักบัว อ่างอาบน้ำ และสระว่ายน้ำส่วนตัวด้วย

สระว่ายน้ำภายในที่พักบ้านต้นไม้

นอกจากภายนอกของห้องพักแต่ละประเภทจะแตกต่างกันแล้ว การตกแต่งภายในก็แตกต่างกันออกไปด้วย ทั้งเฟอร์นิเจอร์ที่ใช้ไปจนถึงลวดลายของปลอกหมอน เช่น บ้านเต็นท์ก็จะมีลวดลายที่ได้กลิ่นอายแอฟริกาใต้ ส่วนบ้านรังนกจะตกแต่งลวดลายดวงดาวและดาราศาสตร์ แต่ที่ทุกแบบยังเหมือนกันก็คือสามารถผสมผสานความเป็นธรรมชาติและความหรูหราไว้ด้วยกันได้ โดยการใช้วัสดุที่ให้ความรู้สึกเหมือนธรรมชาติมาก แต่แข็งแรง ทนทาน สร้างความปลอดภัยให้ลูกค้าได้ดี

การตกแต่งภายในที่พักบ้านต้นไม้

ที่น่าสนใจอีกอย่างก็คือบริการสปาของกีมาลา ที่บริเวณสปานั้นจะใช้อาคารที่ออกแบบภายนอกเป็นสุ่มดักปลา ส่วนภายในให้ความรู้สึกสงบ ทั้งดนตรีที่ใช้ และอุปกรณ์ให้เสียงเมื่อเริ่มต้นและสิ้นสุดการทำสปา สร้างความผ่อนคลายทั้งร่างกายและจิตใจ

โซนสปา ตกแต่งภายนอกเหมือนสุ่มจับปลา

ลองเดินดูรอบๆ กีมาลาก็พบว่ามีความร่มรื่นไม่น้อยเลยทีเดียว เพราะยังเต็มไปด้วยไม้ใหญ่หลายต้นที่เขารักษาไว้ตั้งแต่เริ่มสร้างโรงแรม สลับไปกับไม้ดอกนานาชนิดที่เอาเสริมเติมแต่ง รวมถึงแปลงผักสวนครัวที่ที่นี่นำมาใช้ปรุงอาหารให้กับผู้เข้าพัก และใช้เป็นวัตถุดิบในบริการคอร์สสอนทำอาหารสำหรับผู้สนใจด้วย

บรรยากาศภายนอกร่มรื่น

คอนเซ็ปต์ธรรมชาติของกีมาลายังรวมไปถึงเรื่องการรักษาสิ่งแวดล้อม ที่นี่เป็นรีสอร์ตที่ไม่ใช้น้ำประปา แต่ใช้น้ำบาดาล ซึ่งน้ำที่ใช้แล้วก็มีระบบบำบัดก่อนปล่อยสู่ธรรมชาติ นอกจากนี้ยังงดใช้พลาสติก ตั้งแต่ขวดน้ำในห้องพัก ไปจนถึงหลอดดูดน้ำในห้องอาหาร ก็เป็นหลอดที่ย่อยสลายได้ง่าย เรียกได้ว่าได้อยู่กับธรรมชาติ และไม่ทำลายธรรมชาติ

วิวจากโซน Public area มองไปเห็นทะเลอันดามัน

เอาเป็นว่าใครกำลังมองหาที่พักที่ให้คุณได้หลีกหนีความวุ่นวายมาใช้เวลากับตัวเอง สงบ ผ่อนคลายกลางธรรมชาติ เชื่อว่า “กีมาลา ภูเก็ต” จะเป็นเดสติเนชั่นในฝันของคุณแน่นอน!

จากคอลัมน์ เคี้ยวตุ้ย…ตะลุยกิน โดย ชม นำพา [email protected]

ไม่ใช่เพียงความหรูหราลักชัวรี่เท่านั้นที่ทำให้นักท่องเที่ยวแห่จองห้องพักของกีมาลา รีสอร์ตชื่อดังบนเกาะภูเก็ตจนเต็มตลอดทั้งปี

แต่เป็นความลงตัวของพื้นที่ธรรมชาติดั้งเดิมที่ถูกเก็บรักษาไว้อย่างดี กับดีไซน์เก๋ๆ ของห้องพักทั้ง 4 แบบ ที่ฝังตัวอยู่กับแมกไม้ได้อย่างแนบเนียนและถ่อมตัว บวกกับความหรูหราราคาแพงที่แฝงไว้อย่างล้ำลึก

แรกเห็นภาพกว้างจากหอชมวิวถึงกับว้าวดังๆ ในใจ ดีไซน์สะกดสายตาสวยมีสไตล์สมคำร่ำลือ แอบเสียดายวันนั้นห้องพักเต็มเลยไม่ได้สัมผัสห้องจริงว่าจะน่านอนขนาดไหน ชวนกันเบนหัวไปหาห้องอาหารแทน

การตกแต่งภายในห้องอาหารเป็นสไตล์ของชนเผ่าในแอฟริกาใต้

“คุณตาล-สมรพรรณ สมนาม” Executive Director Maketing โรงแรมกีมาลา บอกว่า ในส่วนของพื้นที่รวมอย่างล็อบบี้ หรือห้องอาหาร การตกแต่งต่างๆ จะเป็นการหยิบจับเอาสไตล์ของห้องพักทั้ง 4 แบบมารวมกัน ซึ่งห้องพักแต่ละห้องมีจะคอนเซ็ปต์ของ 4 ชนเผ่าที่แตกต่างกัน เป็นสตอรี่ที่กีมาลาสร้างขึ้นมา

ด้านสตอรี่ก็เก๋ไก๋ไม่น้อย เนื้อเรื่องมีอยู่ว่าเรือที่มาค้าขายที่ภูเก็ตเกิดเจอพายุเลยต้องจอดทิ้งไว้ คนบนเรือที่มีอยู่หลายเชื้อชาติแบ่งเป็น 4 ชนเผ่าได้มาสร้างบ้านตามแบบของตัวเอง ทำให้บ้านมีคาแร็กเตอร์ที่ต่างกัน ประกอบด้วย บ้านดิน บ้านเต็นท์ บ้านต้นไม้ และบ้านรังนก

หาที่นั่งเหมาะเจาะได้แล้ว ก็เตรียมสั่งอาหาร ได้รับคำแนะนำว่า เมนู Spa Cuisine หรืออาหารเพื่อสุขภาพนั้นมาแรงมาก ต้องขอลองซักหน่อย เริ่มจาก “ยำหัวปลี” 480 บาท “สลัดเนื้อปู” 550 บาท

ยำหัวปลี
สลัดเนื้อปู

จากนั้นสั่งอาหารไทย “สะเต๊ะรวมกุ้งไก่” 480 บาท “ส้มตำไก่ย่าง” 340 บาท “ยำมะม่วงปลากรอบ” 750 บาทกับ อาหารท้องถิ่นภูเก็ตอย่าง “ผัดหมี่ฮกเกี้ยน” 380 บาท มาชิมด้วย พนักงานแนะนำอีกว่าอาหารอินเดียที่นี่ก็ยอดเยี่ยม พ่อครัวนั้นส่งตรงมาจากมุมไบเลยทีเดียว ใครชอบอาหารแขกต้องมาลองซักครั้ง

เริ่มจากออเดิร์ฟ “สะเต๊ะรวมกุ้ง-ไก่” โรยหน้าด้วยต้นหอมและพริกซอย เสิร์ฟบนเตาถ่านร้อนๆ ทำให้สะเต๊ะร้อนอยู่ตลอด มีเครื่องเทศไว้พรมเพื่อไม่ให้แห้ง และรสชาติที่ไม่หายไปไหนเพราะสามารถเติมเครื่องเทศได้ตลอด

สะเต๊ะรวมกุ้ง-ไก่

มีสีสันกว่าใคร คือ สลัดเนื้อปู เป็นการผสมระหว่างตะวันตกนิดหน่อย จานนี้จะใช้เนื้อปูจัมโบ้ มะม่วง มะเขือเทศ อะโวคาโด ปาดข้างจานด้วยเพสโต้ซอส หรือซอสโหระพา และบีทรูทซอส

“เชฟบี-จุมพล หิรัญ” Executive Chef โรงแรมกีมาลา ที่มาแนะนำอาหารด้วยตัวเอง บอกเราว่า ความพิเศษของอาหารที่นี่ คือ ผัก เครื่องเทศ สมุนไพร หลายชนิดใช้ของที่ปลูกเอง นอกจากใช้สำหรับคุกกิ้ง คลาสแล้ว ยังนำมาใช้ในห้องอาหารด้วย

“อย่างหัวปลีนี้จะเป็นอะไรที่ผมภูมิใจนำเสนอแขกมาก เพราะหลายห้องจะมีกล้วยอยู่หน้าห้อง เปิดประตูออกมาก็จะเห็นหัวปลีห้อยอยู่ เราสามารถอธิบายได้ง่ายถึงเมนูที่ทำ”

“ยำหัวปลี” สูตรที่นี่มีจุดเด่น คือ ความกลมกล่อม หอมมะพร้าวคั่ว รสชาติมันด้วยน้ำกะทิที่ผสมน้ำมะพร้าวลงไปด้วย ปรุงด้วยน้ำมะนาว เกลือ พริกไทย ใส่กุ้งตัวใหญ่ และเม็ดมะม่วงหิมพานต์ รสชาติละมุนดีแท้ๆ

อร่อยกันต่อด้วย “ส้มตำไก่ย่าง” รับประทานส้มตำที่นี่ต้องส้มตำไทย ใส่กุ้งเสียบของภูเก็ตลงไปด้วย กินกับข้าวเหนียว ไก่ย่างคลุกขมิ้นที่ใช้ส่วนของสะโพกเลาะกระดูกออกทั้งหมด ได้กลิ่นหอมขมิ้นเบาๆ เนื้อสะโพกที่มีความมันนิดๆ เนื้อนิ่มอร่อยมาก

ส้มตำ
ไก่ย่าง

หมายเหตุไว้สำหรับคนติดรสแซ่บ ต้องบอกว่าด้วยความที่ต้องรับแขกต่างชาติเป็นหลักทำให้รสชาติส้มตำต้องอ่อนโยนลงไปโดยปริยาย ใครชอบแซ่บจัดอาจขัดใจ แต่สำหรับสายสุขภาพยกนิ้วให้เลย

ถึงตรงนี้ใครจะสั่งข้าวสวย ลองสั่งข้าว 3 สีเพื่อสุขภาพมาก็ได้ เป็นการผสมข้าวไรซ์เบอรี่ ข้าวขาว และข้าวกล้อง มาในจานเดียวกัน

ผัดหมี่ฮกเกี้ยน

ต่อไปเป็น “ผัดหมี่ฮกเกี้ยน” เมนูนี้เป็นอาหารพื้นเมืองของคนภูเก็ต ใช้หมี่เส้นเหลือง จะมีขนาดใหญ่กว่าเส้นบะหมี่ และไม่ได้เคลือบด้วยแป้ง นำมาผัดกับหมู หรือซีฟู้ดก็ได้ ใส่บร็อกโคลี แครอตลงไปด้วย จุดสำคัญ คือ ผัดไม่แห้ง น้ำต้องขลุกขลิก เส้นนุ่ม แล้ววางไข่ดาวน้ำไว้ด้านบน เวลากินก็เฉาะไข่แดงให้เยิ้มแล้วคลุกน้ำขลุกขลิกให้เข้ากัน กินได้รสชาติกลมกล่อม หอม หวานอร่อย

ยำมะม่วง กับปลากะพงทอดกรอบ

สุดท้าย “ยำมะม่วงปลากรอบ” จานนี้ใช้ปลากะพงขาวมาทอด เลาะก้างออกทั้งหมด เนื้อนิ่มฟูและกรอบ ส่วนยำรสชาติพอจี๊ดจ๊าดนิดๆ ไม่รุนแรง ตักกินกับปลาเต็มคำด้วยความสบายใจ เหมาะกับคนที่รักษาสุขภาพ

พุดดิ้งเชีย

จบมื้อด้วยของหวาน “พุดดิ้งเมล็ดเชีย” 380 บาท หวานเบาๆ เย็นชื่นใจ “ออร์แกนิคโยเกิร์ตชีสเค้ก” 450 บาท อร่อยมาก ต้องลอง!

ออร์แกนิคโยเกิร์ตชีสเค้ก

ใครมาเที่ยวภูเก็ตควรเข้ามาเช็กอินดูสักครั้ง จะแวะรับประทานอาหารกลางวัน หรือลิ้มลองอาฟเตอร์นูน ที ก็ชิลไม่น้อย ปล่อยใจให้อ้อยอิ่งอยู่กับธรรมชาติและวิวห้องพักเก๋ๆ รับรองว่าได้เก็บโมเมนต์ประทับใจกลับบ้านไปแน่นอน

เรื่อง-ภาพ กนกวรรณ มากเมฆ

เป็นจังหวัดที่ไปกี่ครั้งก็ไม่มีเบื่อเลยสักครั้ง สำหรับไข่มุกแห่งทะเลอันดามันอย่าง จ.ภูเก็ต เพราะครบเครื่องทั้งบรรยากาศตัวเมืองที่มีสถาปัตยกรรมและวัฒนธรรมของชาวพื้นถิ่นที่น่าสนใจ เกาะแก่งน้อยใหญ่กลางทะเลชวนฝัน หรือชายหาดสวยๆ ให้ผู้มาเยือนได้รับลมชมวิว

หลีกหนีความวุ่นวายในเมืองหลวงมาภูเก็ตครั้งนี้ เราเลือกสัมผัสภูเก็ตในบรรยากาศสบายๆ ริมชายหาด โดยเข้าพักที่ โรงแรมถาวร บีช วิลเลจ รีสอร์ท แอนด์ สปา ภูเก็ต (Thavorn Beach Village Resort & Spa) โรงแรมสวยในเครือของถาวร ตระกูลเก่าแก่ของภูเก็ต ที่มีอีก 2 โรงแรมด้วยกัน คือ ถาวร ปาล์ม บีช รีสอร์ท และถาวร ภูเก็ตในตัวเมือง

พูดถึง “ถาวร บีช วิลเลจ รีสอร์ท แอนด์ สปา ภูเก็ต” เป็นโรงแรมขนาดใหญ่เลยทีเดียว ด้วยพื้นที่เกือบ 100 ไร่ และเป็นโรงแรมเดียวที่ตั้งอยู่บนหาดนาคาเลย์ ซึ่งอยู่ระหว่างหาดกะรนและหาดกะหลิน ทำให้บรรยากาศสงบ นักท่องเที่ยวไม่พลุกพล่าน เหมาะแก่การพักผ่อนเป็นครอบครัว หรือแบบคู่รักก็โรแมนติกไม่น้อย

เช็กอินพร้อมรับเวลคัมดริงค์เป็นน้ำอัญชันเย็นชื่นใจ ดับความร้อนชื้นของอากาศภาคใต้ได้เป็นอย่างดี บริเวณล็อบบี้โอ่โถ่ง มีที่นั่งเล่นให้รับลมเย็นๆ ชิลๆ ก่อนจะเข้าห้องพัก

ห้องพักของที่นี่มีทั้งหมด 185 ห้อง แบ่งออกเป็น 3 แบบ คือ ห้องพักที่อยู่ติดหาด ห้องพักที่อยู่ติดสระ ซึ่งมีให้เลือกทั้งแบบ Pool View และแบบ Pool Access โดยแบบหลังสามารถเปิดประตูระเบียงแล้วเดินลงสระน้ำได้เลย และห้องพักแบบสุดท้ายคือห้องพักที่อยู่บนเนินเขา เห็นวิวทะเลอันดามันสุดลูกหูลูกตา ที่พิเศษคือสามารถเดินทางขึ้นที่พักได้ด้วยรถราง ซึ่งจะให้บริการเวลา 07.00-22.00 น. หากไม่ใช่ในเวลาก็สามารถใช้บริการรถของโรงแรม หรือใครอยากเดินออกกำลังก็ไม่ว่ากัน

รถรางสำหรับใช้ขึ้นห้องพักโซนบนเนินเขา

ส่วนเราพักห้องแบบ Pool View ภายในห้องกว้างขวาง สะอาด ถึงแม้จะเปิดมานานแต่ก็มีการปรับปรุงซ่อมแซมอยู่เสมอ ทำให้ไม่ดูเก่า แต่ให้อารมณ์คลาสสิกมากกว่า

ภายในห้องน้ำกว้าง แบ่งสัดส่วนเปียก-แห้งชัดเจน มีอ่างอาบน้ำสำหรับคนที่อยากจะผ่อนคลายอยู่ในห้อง ส่วนโซนระเบียงมาพร้อมเก้าอี้ไม้ให้เอนกายสบายๆ เห็นวิวสระว่ายน้ำอันแสนร่มรื่น มองไปสบายตา

วิวสระว่ายน้ำจากห้องพัก

เห็นน้ำสีฟ้าใสของสระว่ายน้ำแล้วก็อดจะลงไปเชยชมไม่ได้ ตัวสระมีขนาดใหญ่อยู่ท่ามกลางแมกไม้นานาพรรณ จึงมีจุดใต้ร่มไม้ต่างๆ ให้แวะพักหากรู้สึกร้อน ซึ่งไม่เพียงแต่สระว่ายน้ำเท่านั้น แต่รอบๆ โรงแรมก็ร่มรื่นไม่แพ้กัน พร้อมตกแต่งด้วยรูปปั้นสไตล์ไทยหรือตัวละครในวรรณคดี ซึ่งเป็นความชอบของผู้ก่อตั้งโรงแรม

ถัดจากสระว่ายน้ำไม่ไกลคือหน้าหาดนาคาเลย์ ในช่วงเย็นแบบนี้เป็นเวลาน้ำลง ทำให้เห็นแนวโขดหินและซากปะการังที่ตายเกือบหมดแล้ว ซึ่งสาเหตุมาจากภัยพิบัติสึนามิที่พัดพาเอาโคลนเข้ามาทับแนวปะการังจนหมด แต่ตอนนี้ทางโรงแรมก็พยายามฟื้นฟูด้วยการปลูกปะการังใหม่อยู่

บรรยากาศช่วงเย็น น้ำลดจนเห็นโขดหินและปะการังบริเวณหน้าหาดนาคาเลย์

บรรยากาศยามเย็นพระอาทิตย์ค่อยๆ ลับขอบฟ้าที่มุมขวาของชายหาด สาดแสงสีส้มไปทั่ว เป็นช่วงเวลาที่ให้เราได้ทอดอารมณ์ได้ดีจริงๆ

บรรยากาศยามเย็น น้ำทะเลลดระดับจนเห็นโขดหินและปะการังหน้าหาด

บริเวณริมชายหาดยังมีเรือนไม้สำหรับดินเนอร์มื้อพิเศษของคู่รัก และอีกซุ้มเรือนไม้แสนโรแมนติก ที่ประดับประดาไปด้วยดอกไม้และหลอดไฟระยิบระยับ เหมาะสำหรับโอกาสขอแต่งงานหรือครบรอบวันพิเศษเลยทีเดียว ซึ่งหากของสนใจต้องลองติดต่อกับทางโรงแรมถาวร บีชฯ ดู

เอนกายพักผ่อนใจกันมาแล้ว ตื่นเช้าก็อิ่มหนำสำราญกับมื้อเช้าที่ห้องอาหารมาริสาเทอร์เรซ มีให้เลือกทั้งอาหารสไตล์ตะวันตกอย่างขนมปังและเบเกอรี่สารพัดชนิด ไส้กรอก มันฝรั่งย่าง เบคอน สลัด ซีเรียล หรือสไตล์ไทยๆ ก็มีอย่างปาท่องโก๋ ผัดผักคะน้า ข้าวสวยร้อนๆ เป็นต้น

อาหารเช้า ที่ห้องอาหารมาริสาเทอร์เรซ

ส่วนบรรยากาศทะเลตอนเช้าก็ดีไม่แพ้ช่วงเย็น น้ำทะเลใสๆ ที่ขึ้นมาใกล้จนอาศัยการเดินเพียงไม่กี่ก้าว บวกกับแดดตอนเช้าที่ไม่ร้อนมาก ทำให้หลายคนอดไม่ได้ที่จะลงไปเล่นน้ำทะเลเลย

บรรยากาศช่วงเช้า น้ำทะเลขึ้นจนสามารถลงไปเล่นน้ำได้

ที่ถูกอกถูกใจเด็กๆ มากคงจะเป็นเต่าบกอายุกว่า 70 ปี กระต่ายน้อย และนกเลิฟเบิร์ด ที่ถาวร บีชฯ จะพาออกมาเดินเล่นในช่วง 09.00-10.00 น. และช่วงบ่ายคือ 15.00-16.00 น. จะให้อาหารหรือจับอุ้มเล่นก็ได้ โดยจะมีเจ้าหน้าที่คอยดูแลอยู่

เยือนถาวร บีชฯ ครั้งนี้ยังมีโอกาสพูดคุยกับ “เลิศ ถาวรว่องวงศ์” ผู้บริหารเจเนอเรชั่นที่ 4 ของเครือถาวร ที่เข้ามาดูแลโรงแรมในเครือถาวรหลัก 2 แห่ง คือ ถาวร ปาล์ม บีชฯ และถาวร บีชฯ ซึ่งเขาสามารถพลิกฟื้นให้โรงแรมกลับมามีรายได้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นครั้งแรกในรอบ 20 ปี หลังก่อนหน้านี้เครือถาวรประสบปัญหาอย่างหนักจากวิกฤตเศรษฐกิจตั้งแต่ปี 2540

เลิศ ถาวรว่องวงศ์

“เลิศ” ในวัย 28 ปี ดีกรีปริญญาตรีจาก ม.คอร์เนล สหรัฐอเมริกา บอกว่า จากที่โรงแรมมีอัตราการเข้าพักน้อยเพียง 9% เขาเริ่มแก้วิกฤตด้วยการตัดสิ่งที่มีเพื่อใช้หนี้เสียที่มีอยู่ ก่อนจะเดินหาเซล หาเอเย่นต์ด้วยตัวเอง ตกแต่งโรงแรมใหม่บางส่วน ถ่ายรูปและปรับแต่งรูปโรงแรมด้วยตัวเองเพื่อทำการตลาดบนออนไลน์ นอกจากนี้เดินหาซัพพลายเออร์ของใช้ในโรงแรม เช่น สบู่ แชมพู หลอดไฟ ฯลฯ ด้วยตัวเองเพื่อต่อรองราคา

“ในช่วง 2 ปีแรกที่ผมเข้ามา ปีหนึ่งผมกลับบ้านไม่ถึงเดือน เสื้อผ้าบางทีก็ไม่เปลี่ยน 3-4 วัน ผมอยู่กับโรงแรมจนเห็นทุกอณู แม้กระทั่งว่าแอร์ล้างอย่างไร ยี่ห้ออะไร กระเบื้องที่ปูพื้นราคากี่บาท ผมไม่เหมือนกับลูกหลานหลายๆ ตระกูลที่ได้ทำโรงแรมในแบบที่ตัวเองฝัน แต่ผมก็รักทุกอย่างที่เกี่ยวกับโรงแรมนี้ แม้ว่าจะทำให้เจ็บปวดแค่ไหนก็ตาม”

ปัจจุบัน 2 โรงแรมหลักที่เขาดูแลมีอัตราการเข้าพักถึง 91% และเขาตั้งเป้าว่าจะพัฒนา 2 โรงแรมนี้ให้ได้ไปจนถึงระดับที่ดีที่สุด

หาดนาคาเลย์ในช่วงกลางวัน บรรยากาศสงบ เหมาะสำหรับคนไม่ชอบความพลุกพล่าน

ก่อนกลับขอเดินทอดน่องชมชายหาดอีกสักเล็กน้อย บรรยากาศสงบๆ แบบนี้ทำให้หากมาภูเก็ตอีกครั้ง ก็ไม่ลังเลเลยที่จะมาพักที่ “ถาวร บีช วิลเลจ รีสอร์ท แอนด์ สปา ภูเก็ต” อีกครา