จั่วหัวมาแบบนี้ อย่าเพิ่งตีความถึงขบวนการพนันขันต่อเปิดโต๊ะแทงบอล

แต่กำไรในที่นี้หมายถึง ประโยชน์ทางด้านเศรษฐกิจจากห้วงแข่งขันฟุตบอลโลกที่มีขึ้นทุก 4 ปี

หลายคนอาจคิดว่า ประเทศเจ้าภาพจัดฟุตบอลโลกไงล่ะ?

มีตั้งแต่การลงทุน การจ้างงานเพิ่มขึ้น มีการก่อสร้างและปรับปรุง ทั้งสนามกีฬา สาธารณูปโภคครั้งมโหฬาร ธุรกิจต่างๆ การท่องเที่ยว…เงินสะพัดในประเทศเจ้าภาพ

กระนั้นในแง่เม็ดเงินทางเศรษฐกิจ อาจไม่ได้เป็นอย่างที่เชื่อกัน

AFP PHOTO / Martin BERNETTI

อ้างอิงจาก Commerzbank ของเยอรมนี ที่รวบรวมตัวเลขการเติบโตของจีดีพีของประเทศเจ้าภาพแต่ละประเทศ เปรียบเทียบตั้งแต่ 5 ปี และ 2 ปี ก่อนการแข่งขัน และ 2 ปี หลังการแข่งขัน สรุปว่า การเป็นเจ้าภาพจัดฟุตบอลโลก ไม่เห็นประโยชน์ทางเศรษฐกิจได้ชัดในประเทศนั้นๆ

Commerzbank มองว่า แค่ช่วงเริ่มเสนอตัวเป็นเจ้าภาพประเทศนั้นก็มีทั้ง “ภาระต้นทุน” และ “ราคาที่ต้องจ่าย” เพราะมาตรฐานการคัดเลือกที่เข้มงวดและข้อเรียกร้องต่างๆนาๆ

Commerzbank อ้างผลการศึกษาว่า แม้ประเทศเจ้าภาพจะได้แรงกระตุ้นเศรษฐกิจเป็นบวกจากกลุ่มธุรกิจค้าปลีก การท่องเที่ยว การจ้างงาน แต่นั่นก็ไม่เพียงพอจนมีนัยยะสำคัญ

สำหรับรอบนี้ “รัสเซีย” ใช้งบประมาณราว 11,600 ล้านเหรียญสหรัฐ ในการปรับปรุงสนามกีฬา 12 แห่ง

คณะกรรมการจัดงานประเมินว่าฟุตบอลโลกรอบนี้จะทำให้เกิดเม็ดเงินในรัสเซียรวมกันกว่า 15,000 ล้านเหรียญสหรัฐเมื่อเทียบกับจีดีพี

บางส่วนยังยิงยาวว่าผลพวงนี้จะช่วยขับเคลื่อนตัวเลขจีดีพีรัสเซียถึงปี 2023

ด้านนักวิจัยของเวิลด์อีโคโนมิค ฟอรั่ม แสดงความเป็นห่วงว่าโครงสร้างพื้นฐานด้านกีฬานั้นมีค่าใช้จ่ายงบประมาณสูงในการดำเนินการ และไม่คุ้มค่าในการบำรุงรักษา และสนามกีฬาไม่ได้สะท้อนว่าจะเกี่ยวข้องกับความกินดีอยู่ดีทางเศรษฐกิจ

AFP PHOTO / Johannes EISELE

มีการยกกรณีสนามฟุตบอลโลกที่บราซิลเป็นเจ้าภาพ ที่มีสถิติว่าเป็นสนามมูลค่าแพงที่สุดของการจัดฟุตบอลโลก ปัจจุบันกลายเป็นลานจอดรถ หนำซ้ำงบฯเตรียมการจัดการแข่งขันของบราซิลที่ 1.1-1.4 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ ถูกศาลรัฐธรรมนูญบราซิลระบุว่า เงินจำนวนนี้นำไปใช้จ่ายเป็นงบฯด้านสวัสดิการสังคมได้ถึง 2 ปี

แล้วที่ว่าฟุตบอลโลกแต่ละครั้งใครกำไร?

“ประเทศที่ชนะได้แชมป์” นั่นล่ะที่กำไร…

ย้อนดูการเติบโตของจีดีพีรายไตรมาส ในปีที่มีการแข่งขันฟุตบอลโลก พบว่าประเทศที่ได้แชมป์ จะมีจีดีพีช่วงหลังการแข่งขันโตขึ้น

สถิติคือ 8 ใน 10 ประเทศที่ได้แชมป์ อาทิ เยอรมัน ชนะฟุตบอลโลก 4 ครั้ง มีจีดีพีโตขึ้นหลังจากนั้นในปีเดียวกกัน (ปีที่แข่งฟุตบอลโลก) ถึง 3 ครั้ง

เล่ามาแบบนี้ ไม่ได้หมายความว่าการเป็นเจ้าภาพจัดแข่งขันฟุตบอลโลกเป็นเรื่องไร้ความหมาย เพราะการเป็นเจ้าภาพจัดแข่งขันกีฬาระดับโลก เป็นการนำพาคนทั้งโลกเข้าสู่อีเวนต์เดียวกันในโมเมนต์หนึ่ง

ดั่งที่วลีของสมเด็จพระสันตะปาปาจอห์ปอลที่สองเคยบอกไว้ว่า

“ท่ามกลางเรื่องที่ไม่สำคัญทั้งหมด ฟุตบอลเป็นเรื่องสำคัญที่สุด”

ในช่วงเทศกาลบอลโลกนี้ เชื่อว่าหลายคนคงนั่งรอเวลาดูการแข่งขัน เชียร์ทีมโปรดอย่างใจจดใจจ่อ แต่กว่าจะได้ทีมที่ชนะในปีนี้ สายตาจะพังไปกับการดูบอลโลกรึเปล่านะ จ้องทีวีนานซะขนาดนี้สายตาไม่เป็นอันต้องพักผ่อนกันเลยทีเดียว ถึงจะเชียร์บอลให้สนุกแค่ไหน แต่เรื่องสุขภาพของสายตาก็ต้องให้ความสำคัญด้วยเช่นกัน มาดู 5 ผลไม้กินเพลินๆ ช่วยบำรุงสายตาในช่วงดูบอลได้กันเลย

1.มะม่วงสุก

ผลไม้รสชาติหอมหวาน กับเมนูยอดฮิตติดปากคนไทย อย่าง ข้าวเหนียวมะม่วง นอกจากจะอร่อยแล้ว มะม่วงสุกยังมีประโยชน์ที่เป็นมากกว่าผลไม้ธรรมดา ช่วยในเรื่องของการขับถ่าย และช่วยบำรุงสายตาอีกด้วย โดย สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส) บอกว่า มะม่วงสุก อุดมไปด้วยวิตามินเอ วิตามินอี ฟอสฟอรัส และใยอาหาร เป็นสารอาหารที่ช่วยบำรุงสายตา บำรุงเหงือกและฟัน ช่วยให้ผิวพรรณสดใส ช่วยลดสิวเสี้ยนและริ้วรอยก่อนวัย

(ข้อมูลอ้างอิง : http://www.thaihealth.or.th/sook/info-body-detail.php?id=141)

2.เบอร์รี่

ผลไม้ในตะกูลเบอร์รี่ เช่น สตรอว์เบอร์รี บลูเบอร์รี่ เชอร์รี่ ราสพ์เบอร์รี่ แครนเบอร์รี่ และแบล็กเบอร์รี่ มีรสชาติหวานอมเปรี้ยวเป็นเอกลักษณ์ นำมาแปรรูปได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นเบอร์รี่อบแห้ง และที่ได้รับความนิยมในหมู่วัยรุ่น เช่น สตรอว์เบอร์รี และจากบทความวิจัย เรื่อง “หลายประโยชน์ของผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ มหาวิทยาลัยบูรพา” กล่าวว่า ผลไม้ในตะกูลเบอร์รี่ ยังมีส่วนช่วยในการป้องกันอาการอ่อนล้าจากการใช้สายตาหนัก ช่วยทำให้สายตาทำงานได้ดีขึ้นในที่มืด และยังช่วยป้องกันต้อกระจก ต้อหิน ต้อลม ช่วยลดความดันในลูกตา และลดความเจ็บปวดจากการบวมในลูกตา

(ข้อมูลอ้างอิง : http://www.uniserv.buu.ac.th/forum2/topic.asp?TOPIC_ID=6108)

3.ส้ม

ส้มเป็นผลไม้อีกอย่างหนึ่งที่คนไทยนิยมรับประทาน เนื่องจากเป็นผลไม้ที่ราคาไม่แพงและหากินง่าย มีขายเกือบทั้งปี ยิ่งนำมาแช่เย็นกิน รสชาติยิ่งหวานสดชื่นขึ้นไปอีก นั่งกินเพลินๆ อร่อยและได้ไฟเบอร์จากเส้นใยของส้ม ช่วยในการขับถ่าย ซึ่งส้มยังอุดมไปด้วยสารต้านอนูมูลอิสระหลายชนิด พร้อมวิตามินต่างๆ มีประโยชน์ต่อร่างกาย เช่น วิตามินซี เบต้าแคโรทีน วิตามินบี ที่สำคัญคือโฟเลตและแร่ธาตุหลายชนิด ได้แก่ แคลเซียม โพแทสเซียม ฟอสฟอรัส เหล็ก เป็นต้น

(ข้อมูลอ้างอิง : http://www.healthtodaythailand.net)

4.เสาวรส

เสาวรส หรือ กะทกรกฝรั่ง มีกลิ่นคล้ายฝรั่งสุก รสเปรี้ยวจัด บางพันธุ์มีรสอมหวาน ศูนย์สารสนเทศการวิจัย (ศสจ.) ได้มีงานวิจัยเกี่ยวกับประโยชน์ของ เสาวรสไว้ว่า น้ำเสาวรส อุดมไปด้วยสารอาหารที่มีคุณประโยชน์ มากมาย อาทิ เบต้าแคโรทีน วิตามินซี แคลเซียม โซเดียม แมกนีเซียม ฟอสฟอรัส และโพแทสเซียม สามารถนำไปแต่งกลิ่นประกอบอาหาร และขนมต่างๆ นอกจากนี้เสาวรสยังใช้เป็นส่วนผสมในฟรุต-สลัด มีวิตามินเอช่วยบำรุงสายตา วิตามินซีช่วยสร้างภูมิคุ้มกันโรค รักษาสภาพเยื่อบุผิวได้อีกด้วย

(ข้อมูลอ้างอิง : http://ridcnrct.blogspot.com/2013/04/blog-post.html)

5.มะละกอ

หลายคนไม่ค่อยชอบรับประทานมะละกอสุก เพราะว่ากลิ่นไม่ค่อยจะดีเท่าไหร่นัก สำหรับคนที่ไม่ชอบทาน ซึ่งมะละกอเป็นผลไม้บ้านๆ ปลูกง่าย ออกผลง่าย ราคาถูก มีประโยชน์มากมายนำผลดิบของมะละกอมาทำอาหารเมนูอาหารยอดฮิต อย่างส้มตำ และมะละกอสุกรักษาอาการท้องผูก ซึ่งมูลนิธิหมอชาวบ้าน ได้กล่าว ในบทความเรื่อง “มะละกอ ต้านอนุมูลอิสระ” ไว้ว่า มะละกอสุก ช่วยป้องกันภาวะจอประสาทตาเสื่อม และลดความเสี่ยงของอาการภาวะจอประสาทตาเสื่อมในผู้สูงอายุ อันเป็นสาเหตุของการเสียการมองเห็นในผู้สูงอายุ

(ข้อมูลอ้างอิง : https://www.doctor.or.th/article/detail/6412)

เข้าสู่กระแสเตรียมเกาะติดรับชมฟุตบอลโลก 2018 กันแล้ว แม้ปีนี้ การแข่งขันฟุตบอลโลกจัดขึ้นที่ประเทศรัสเซีย และช่วงเวลาของการแข่งขันที่ตรงกับประเทศไทยไม่ได้ทำให้ต้องอดตาหลับขับตานอนกันมากนัก แต่การใส่ใจสุขภาพในช่วงการรับชมถ่ายทอดสดฟุตบอลโลกที่จะมีขึ้นในภาวะ 1 เดือนนั้นก็ถือเป็นเรื่องที่ห้ามมองข้าม เพราะในภาวะเช่นนี้ผู้ผลิตสินค้าอาหารและเครื่องดื่มยี่ห้อต่าง ๆ มักมีการโฆษณา และจัดโปรโมชั่นส่งเสริมการขายเพื่อกระตุ้นยอดขาย

ทำให้ประชาชนอาจจะมีกำลังซื้อและกำลังบริโภคเพิ่มขึ้น โดยอาหารที่ได้รับความนิยมช่วงการชมฟุตบอลโลก ส่วนมากเป็นอาหารจำพวกขนมขบเคี้ยวที่มีไขมันสูง และเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลสูง เป็นอาหารที่ให้พลังงานมากแต่มีสารอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายน้อย และอาจส่งผลสุขภาพ อาทิ ป๊อบคอร์นเคลือบเนยและคาราเมล มันฝรั่งทอดกรอบ ข้าวเกรียบทอด ไก่ทอด ไส้กรอก น้ำอัดลม ชาเขียว เครื่องดื่มชูกำลังต่างๆ เป็นต้น

โดยการดื่มชาเขียวรสน้ำผึ้ง 1 ขวด ขนาด 500 มิลลิลิตร ให้พลังงาน 250 กิโลแคลอรี คู่กับมันฝรั่งทอดกรอบ 1 ถุงใหญ่ ขนาด 57 กรัม ให้พลังงาน 320 กิโลแคลอรี ทำให้ร่างกายได้รับพลังงานทั้งหมดถึง 570 กิโลแคลอรี และการดื่มน้ำอัดลม 1 ขวด ขนาด 500 มิลลิลิตร ให้พลังงาน 200 กิโลแคลอรี คู่กับไส้กรอก 1 ถุง ขนาด 150 กรัม ให้พลังงาน 500 กิโลแคลอรี ร่างกายจะได้รับพลังงานทั้งหมดถึง 700 กิโลแคลอรี

นอกจากนี้ ควรควบคุมการดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์อย่างพอเหมาะ และออกกำลังกายเพื่อเผาผลาญพลังงาน ให้มากขึ้น เพราะแอลกอฮอล์ 1 กรัม ให้พลังงาน 7 กิโลแคลอรี่ หากดื่มเบียร์ 1 กระป๋อง ขนาด 350 มิลลิลิตร จะได้รับพลังงาน 137 กิโลแคลอรี่ และดื่มไวน์ 1 แก้ว ขนาด 100 มิลลิลิตร ให้พลังงาน 75 แคลลอรี่ ซึ่งหากได้รับในปริมาณที่มากเกินความต้องการของร่างกายจะทำให้เสี่ยงต่อการเกิดโรคอ้วนตามมา

ขณะที่ช่วงการชมฟุตบอลผ่านจอโทรทัศน์ควรให้อยู่ในระดับสายตา ไม่ควรนั่งชมในที่มืด ต้องเปิดไฟลดความจ้าของแสงโทรทัศน์เพื่อป้องกันปัญหาที่อาจเกิดกับตาได้ และหากชมการแข่งขันเป็นเวลานาน ๆ ผู้ชมควรนั่งอย่างถูกวิธีด้วยการนั่งบนเก้าอี้พร้อมห้อยขาลง ไม่ควรนั่งพับเพียบ ขัดสมาธิ หรืองอเข่านานๆ และหากรู้สึกเมื่อยก็ควรเปลี่ยนอิริยาบถบ่อย ๆ ด้วยการลุกขึ้น หรือออกกำลังกายด้วยการยืดเหยียดอย่างง่าย ๆ ระหว่างนั่งชมหรือช่วงพักการแข่งขัน เพื่อเป็นการผ่อนคลายกล้ามเนื้อทุกส่วน ทั้งกล้ามเนื้อแขน ขา คอ และหลัง จะทำให้รู้สึกสบายขึ้น

เป็นวิธีดูแลสุขภาพแบบง่ายๆในช่วง 1 เดือนจากนี้ เพื่อไม่ให้น้ำหนักพุ่งกระฉูดจากความสนุกสนานเกาะติดขอบจอ…

 

สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชน เรื่อง “ศึกบอลโลก 2018” 2018 ที่จะจัดขึ้นในระหว่างวันที่ 14 มิถุนายน – 15 กรกฎาคม 2561 โดยมีประเทศรัสเซียเป็นเจ้าภาพ ของศูนย์สำรวจความคิดเห็น “นิด้าโพล” ว่า เมื่อถามถึงการติดตามชมฟุตบอลโลก 2018 ที่จะจัดขึ้นที่ประเทศรัสเซีย พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ 46.63% ระบุว่า ติดตามเป็นครั้งคราว รองลงมา 43.08% ระบุว่า ไม่ติดตาม และ 10.29% ระบุว่า ติดตามสม่ำเสมอ

สำหรับทีมฟุตบอลที่ชื่นชอบมากที่สุดในการแข่งขันฟุตบอลโลก 2018 พบว่า ผู้ที่ติดตามชมการแข่งขันฟุตบอลโลก ส่วนใหญ่ 22.56% ระบุว่า ชื่นชอบทีมชาติเยอรมนี รองลงมา 19.49% ระบุว่า ชื่นชอบทีมชาติบราซิล 15.36% ระบุว่า ชื่นชอบทีมชาติอังกฤษ 8.17% ระบุว่า ชื่นชอบทีมชาติสเปน 4.57% ระบุว่า ชื่นชอบทีมชาติฝรั่งเศส 4.04% ระบุว่า ชื่นชอบทีมชาติอาร์เจนตินา 3.60% ระบุว่า ชื่นชอบทีมชาติโปรตุเกส 1.93% ระบุว่า ชื่นชอบทีมชาติญี่ปุ่น 1.32% ระบุว่า ชื่นชอบทีมชาติรัสเซีย และ 2.11% ระบุอื่น ๆ ได้แก่ เบลเยียม เกาหลีใต้ สวีเดน เม็กซิโก โปแลนด์ อียิปต์ ไอซ์แลนด์ อุรุกวัย โมร็อกโก สวิตเซอร์แลนด์ ออสเตรเลีย เปรู และอีก 16.86 ระบุว่า ไม่มีทีมใดที่ชื่นชอบเป็นพิเศษ/เฉย ๆ

เมื่อถามถึงทีมฟุตบอลที่คิดว่าจะได้เป็นแชมป์ฟุตบอลโลก 2018 พบว่า ผู้ที่ติดตามชมการแข่งขันฟุตบอลโลก ส่วนใหญ่ 27.22% ระบุว่า เป็นทีมชาติเยอรมนี รองลงมา 25.02% ระบุว่า เป็นทีมชาติบราซิล อีก 9.39% ระบุว่า เป็นทีมชาติสเปน ทีมชาติอังกฤษ 7.46% ทีมชาติฝรั่งเศส 5.27% ทีมชาติอาร์เจนตินา 3.60% ทีมชาติโปรตุเกส 3.51% เป็นทีมชาติรัสเซีย 2.46% และอีก 2.81% ระบุอื่น ๆ ได้แก่ ญี่ปุ่น เบลเยียม อิหร่าน เกาหลีใต้ โปแลนด์ เม็กซิโก ซาอุดีอาระเบีย อียิปต์ ไอซ์แลนด์ เปรู และร้อยละ 13.26 ระบุว่า ไม่ระบุ/ไม่แน่ใจ