เรื่องโดย ดวงกมล โลหศรีสกุล : นิตยสารเส้นทางเศรษฐี


 

เปิดตำนานยาขมเม็ดตราใบห่อ โฉมหน้าเจ้าของสูตรยาขมที่ไม่ต้องชงน้ำร้อนให้เสียเวลา แกะห่อปุ๊บทานได้ทันที ปัจจุบันมียอดขายเดือนละ 3 ล้านเม็ด ไม่ขึ้นราคามานาน 10 ปี คนไทยทุกภูมิภาครู้จัก ยาสามัญประจำบ้านที่ แต่ละบ้านขาดไม่ได้

“ยาขมชนิดเม็ดตราใบห่อ” ซึ่งเป็นเจ้าแรกที่พลิกโฉมวงการ “ยาขมผง” ทานยากต้องชงกับน้ำร้อนให้กลายเป็น “ยาขมเม็ด” ทานง่ายสะดวก แกะห่อปุ๊บทานได้ทันที

ปัจจุบันเป็นที่ยอมรับของตลาดอย่างกว้างขวางมานานกว่า 40 ปี คนไทยทั่วทุกภูมิภาครู้จัก มียอดผลิตมากกว่า 3 ล้านเม็ด ต่อเดือน กลายเป็นยาสามัญประจำบ้านที่แต่ละบ้านขาดไม่ได้

ได้เพื่อนรัก ชี้ทางสว่าง ยอมควักเนื้อเพื่อให้ลูกค้ารู้จัก

คุณวรรณี อัคคะประชา ภรรยาวัย 56 ปี ของ คุณประสิทธิ์ อัคคะประชา ที่เสียชีวิตในวัย 82 ปี เจ้าของสูตร “ยาขมชนิดเม็ดตราใบห่อ” เล่าย้อนว่า คุณประสิทธิ์ หรือ นายห้างตี๊ คลุกคลีอยู่ในวงการยาสมุนไพรมานานเกือบทั้งชีวิต ทำงานร้านขายยามาตั้งแต่เด็กๆ เคยบดยาด้วยเหล็ก และเป็นผู้คิดค้น ยาขมตอกเม็ด คนแรก จนได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย ปัจจุบันสินค้าของ ยาขมชนิดเม็ดตราใบห่อ มี 15 รายการ ผลิตภายใต้ 2 เครื่องหมายการค้า คือ ตราใบห่อ และตราใบแก้ว


คุณวรรณี อัคคะประชา

ภรรยาคนขยันของนายห้างตี๊ ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า คุณประสิทธิ์เป็นเพื่อนรักกับ นายห้างประจวบ จำปาทอง มานานกว่า 40 ปี หรือชื่อจริง นายประจวบ จัตตานนท์ อดีตนักร้องลูกทุ่ง นักแต่งเพลง และเจ้าของครีมดัง “กวนอิม” บุคคลนี้นับว่าเป็นผู้ที่ชักชวนให้คุณประสิทธิ์ โฆษณายาผ่านเวทีมวย โฆษณาไปกับรถเร่ขายยา โฆษณาไปกับวงดนตรีลูกทุ่ง

ภรรยานายห้างตี๊ เล่าว่า ในสมัยก่อนเคยทำโปรโมชั่นยอมขาดทุน คือเวลาไปหาลูกค้าต่างจังหวัด หากคนไหนมีซองยาขมชนิดเม็ดตราใบห่อ จะแจกเงิน 500 บาท ไม่นานนักยาขมชนิดเม็ดตราใบห่อ ได้กลายเป็นที่รู้จักของคนทั่วทุกภูมิภาคเรื่อยมา


คุณอิศรา อัคคะประชา กรรมการผู้จัดการ บริษัท ห้างขายยาตราใบห่อ จำกัด (ขวา)

“สมัยก่อน ยาขมชนิดเม็ดตราใบห่อ ไม่มีจำหน่ายในต่างจังหวัด เพื่อให้ลูกค้ากลุ่มนี้รู้จัก คุณประสิทธิ์ใช้วิธีใครหาซื้อได้นำหลักฐานมาแลกจะแจกเงิน 500 บาท ขณะที่ยาซองละเพียง 1 บาท กำไรต่อซอง 20 สตางค์ เรียกว่านายห้างตี๊ยอมควักเนื้อ แต่ปรากฏวิธีนี้คนจากลพบุรีแห่มาซื้อยาที่กรุงเทพฯ ชนิดว่าขายไม่ทันเลยทีเดียว”

สำหรับสูตรยาของ “ตราใบห่อ” คุณวรรณี ระบุว่า ทางครอบครัวมีสูตรยาที่คุณประสิทธิ์คิดไว้ 80 ตำรับ ปัจจุบันทำออกมาเพียง 7 ตำรับเท่านั้น อาทิ ยาระบาย ยาขมชนิดเม็ด ยาฟ้าทะลายโจร ยาบรรเทาริดสีดวงทวารหนัก ยาขมิ้นชันชนิดแคปซูล ยาเขียว และขมิ้นผง ทุกสูตรก่อนจะทำออกมาจำหน่ายดูความต้องการของตลาดเป็นหลัก เช่น คนเป็นไข้หวัดเยอะมีฟ้าทะลายโจร โรคเกี่ยวกับกระเพาะอาหารมีขมิ้นชัน ถ้าท้องผูกมียาระบาย ที่สำคัญต้องได้รับอนุญาตทางกระทรวงสาธารณสุขก่อนถึงจะวางขายได้ รวมถึงคนในครอบครัวต้องลองทานกันเองด้วย

ต้นตำรับยาดังในอดีต ล้วนเพื่อนสนิทกัน

ตลอดระยะเวลากว่า 40 ปีของ “ยาขมชนิดเม็ดตราใบห่อ” นอกจากจะจำหน่ายยาในสูตรเฉพาะของครอบครัวแล้ว ยังขายวัตถุดิบหรือตัวยาสมุนไพรให้กับธุรกิจยาแผนโบราณชื่อดัง ตัวอย่างเช่น ยาสตรีเพ็ญภาค ยาดองเหล้าตราเสือ 11 ตัว ยาหม่องตราลิงถือลูกท้อ

คุณอิศรา อัคคะประชา กรรมการผู้จัดการ บริษัท ห้างขายยาตราใบห่อ จำกัด หรือ ทายาทรุ่น 2 ลูกชายคนที่ 2 ในบรรดาพี่น้อง 3 คน เล่าว่า รุ่นคุณพ่อจะสนิทกับเจ้าของยาสตรีเพ็ญภาค ยาดองเหล้าตราเสือ 11 ตัว ยาหม่องตราลิงถือลูกท้อ ท่านรู้จักกันมานาน ปัจจุบันทั้งครอบครัวก็ยังสนิทกันอยู่ มีการซื้อสมุนไพรร่วมกัน หรือบางชนิดก็มารับซื้อกับใบห่อ

ด้านแหล่งซื้อสมุนไพร คุณอิศรา บอกว่า รับซื้อจากเกษตรกรโดยตรง ใช้สมุนไพรไทยเกือบ 100 เปอร์เซ็นต์ รับซื้อทุกส่วนตั้งแต่ ราก ใบ ลำต้น ซื้อ-ขายเงินสดเท่านั้น สมุนไพรที่ใช้เยอะคือ บอระเพ็ด ขมิ้นชัน ฟ้าทะลายโจร ใบมะขามแขก พริกไทย อบเชย ซื้อใช้เดือนต่อเดือน หรือเก็บสต๊อกไว้ไม่เกิน 2 เดือน ต้องเก็บในที่แห้ง ห้ามโดนความชื้น ยกเว้น เมนทอล ต้องเก็บในห้องเย็น เปิดแอร์ไว้กันระเหย

ถามถึงกรณีสมุนไพรขึ้นราคา “ใบห่อ” ปรับราคาหรือไม่ คุณอิศรา บอกว่า สมุนไพรราคาสวิงขึ้น-ลงทุกปี แต่ ยาขมชนิดเม็ดตราใบห่อ ไม่ปรับราคาจำหน่ายมายาวนาน 10 ปีแล้ว โดยฟ้าทะลายโจรขายเท่าเดิม 20 บาท บรรจุ 80 เม็ด ส่วน ยาขมชนิดเม็ด บรรจุ 80 เม็ด 25 บาท ยาระบายตราใบแก้ว 25 บาทด้วยเช่นกัน

“นโยบายของคุณพ่อท่านไม่อยากให้คนไทยกินยาแพง เลยทำยาคุณภาพดี ราคาถูก โดยแพ็กเกจจิ้งยาขมชนิดเม็ดยังเป็นกล่องกระดาษ ตัวยาบรรจุอยู่ในถุงซิปล็อก”

ด้านกรรมวิธีผลิต ทายาทธุรกิจ เผยว่า ขั้นตอนแรกจะผสมและชั่งตวงตัวยาตามสูตรลับเฉพาะ จากนั้นลำเลียงไปยังโรงบดที่ได้มาตรฐาน GMP หลังจากบดละเอียดแล้ว จะอบด้วยเตาไฟฟ้า และเข้าสู่กระบวนการตอกเม็ด อบด้วยเตาไฟฟ้าอีกครั้ง ขั้นตอนสุดท้ายนำมาบรรจุที่โรงงานย่านพระราม 5 จังหวัดนนทบุรี พื้นที่ 5 ไร่ ยอดผลิตเฉลี่ย 3 ล้านเม็ด ต่อเดือน

ผลิตเดือนละ 3 ล้านเม็ด ทายาทธุรกิจเตรียมแผน ปรับโฉมองค์กร

สำหรับช่องทางสร้างชื่อเสียงให้ธุรกิจ ผู้บริหารเจนวาย บอกว่า ในยุคที่คุณพ่อรู้จักกับคุณประจวบ ท่านใช้วิธีโฆษณายาไปกับรถฉายหนัง รถวงดนตรีลูกทุ่ง ทำโปรโมชั่นแจกเงินลูกค้า เป็นสปอนเซอร์เวทีมวยเพราะคุณพ่อชอบดูมวย เป็นผู้สนับสนุนจัดประกวดร้องเพลงลูกทุ่ง โฆษณาผ่านทางวิทยุ รวมถึงมีหน้าร้านแถวจักรวรรดิ ย่านขายยาแผนโบราณที่มีชื่อเสียงมากแห่งหนึ่ง

ในส่วนของกำลังการผลิตยา คุณอิศราให้ข้อมูลว่า ราว 3 ล้านเม็ด ต่อเดือน จัดจำหน่ายผ่านยี่ปั๊ว ร้านขายยาทั่วประเทศ ร้านสะดวกซื้อ โมเดิร์นเทรด ออนไลน์ และเร็วๆ นี้มีแผนส่งออกไปยังประเทศเพื่อนบ้าน อาทิ ลาว พม่า กัมพูชา เวียดนาม ส่วนตลาดจีนยังมองว่ายาก

ด้วยสรรพคุณของยาขมชนิดเม็ดที่ยืนยาวมาเกือบครึ่งศตวรรษ บวกกับความเชี่ยวชาญทางด้านสมุนไพร ทายาทรุ่น 2 ที่มีความตั้งใจจะสืบทอดมรดกทางภูมิปัญญานี้ต่อ ซึ่งแผนที่เขาวางไว้ นั่นคือ ปรับภาพลักษณ์องค์กรให้ดูไม่เชย พัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ดูทันสมัย เช่น มีแพ็กเกจจิ้งที่เป็นกล่องพลาสติก มียาที่เป็นแคปซูลทานง่าย เข้าถึงคนรุ่นใหม่ด้วยสื่อที่ทันสมัย

“สูตรยาดีๆ ที่ตระกูลมีอยู่ มีด้วยกันหลายสูตร แต่โจทย์สำคัญคือ ทำอย่างไรจึงจะสามารถพัฒนาสินค้าตัวใหม่ขึ้นมาให้เป็นที่ยอมรับของตลาดได้”

มีลูกค้าเคยตั้งคำถามว่า ทานยาขมที่มีฤทธิ์เย็นบ่อยๆ อุณหภูมิในร่างกายจะเสียสมดุลหรือไม่ คุณอิศรา บอกว่า ยาขมชนิดเม็ด และฟ้าทะลายโจร ทานวันเว้นวันได้ หากกลัวว่าภายในร่างกายจะเย็นเกินไป ให้ทานอาหารฤทธิ์ร้อนต้านกัน เช่น น้ำขิง

ทายาทธุรกิจ ย้ำว่า นับจากนี้ต่อไป ยาขมชนิดเม็ดตราใบห่อ จะรุกตลาดคนรุ่นใหม่มากขึ้น ค่อยๆ รีแบรนด์ปรับภาพลักษณ์ยาให้ลูกค้าเจเนอเรชั่นใหม่ๆ รู้จักยาแผนโบราณชนิดนี้ รวมถึงจะบุกตลาดด้านอาหารเสริมโดยใช้สมุนไพรของไทยเป็นตัวหลัก และคาดหวังกับยอดขายจะทะลุหลักพันล้าน

ตำนาน เจ้าของยาขมชนิดเม็ดตราใบห่อ
คุณประสิทธิ์ อัคคะประชา

ประวัติชีวิตของ นายห้างตี๊ หรือ คุณประสิทธิ์ อัคคะประชา เจ้าของสูตรยาขมชนิดเม็ดตราใบห่อ เกิดในครอบครัวยากจน มีพี่น้อง 7 คน คุณพ่อของนายห้างตี๊ ประกอบอาชีพเป็นพ่อค้าคนกลางรับซื้อสมุนไพรส่งขายในตลาด

ชีวิตในวัยเยาว์ของนายห้างตี๊ ลำบากตั้งแต่เด็ก เรียนไม่จบ ป.4 เพราะต้องออกมาช่วยทางบ้านทำงาน ประกอบกับเจอเหตุการณ์สงครามโลกครั้งที่ 2 เลยได้พออ่านออกเขียนได้

ช่วงอายุ 7 ขวบ ขณะที่เด็กหลายคนมีโอกาสได้ไปวิ่งเล่น แต่สำหรับนายห้างตี๊ เขาต้องไปช่วยพ่อขายสมุนไพร และพายเรือขายปลาทู จากปากคลองบางเขนพระราม 6 ไปตลาดพลู ทำเช่นนี้อยู่ 2 ปี ในที่สุดเลิกพายเรือขายปลาทู เพราะทนคลื่นน้ำในคลองซัดไม่ไหว หันไปช่วยทางบ้านขายสมุนไพรแทน
นายห้างตี๊ฉายแววพ่อค้าอนาคตไกล หลังไปช่วยทางบ้านขายสมุนไพรได้ 5 ปี แต่แล้วก็เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน นั่นคือ เขาทำเรือล่ม โดนทางบ้านว่า จนต้องออกจากบ้านไปเป็นลูกจ้าง ปัด กวาด เช็ด ถู คอยจัดยาใส่ถุงอยู่ที่ร้านขายยาเวชพงศ์โอสถ กินเงินเดือน 25 บาท

นายห้างตี๊ เป็นลูกมืออยู่ร้านยาเวชพงศ์โอสถได้ไม่นาน ก็ไปอยู่ร้านยาแถวเจริญพาศน์ คราวนี้ได้ค่าแรงเพิ่มเป็น 30 บาท แต่อยู่ได้เพียง 1 เดือน จำต้องลาออก เพราะบดยาเหนื่อยจนร้องไห้

หลังออกจากร้านยาแถวเจริญพาศน์ นายห้างตี๊ถูกคนรู้จักชวนไปพายเรือขายสมุนไพร ได้เงินเดือนละ 50 บาท ขายไม่นานก็เลิก จากนั้นมีคนชวนไปซื้อดอกมะลิมาขายแถววัดสามปลื้ม กิโลกรัมละ 4 บาท คราวนี้ขายดีรายได้เดือนละ 100 บาท กระทั่ง พ.ศ. 2501 นายห้างตี๊ไปเป็นทหารอากาศ 2 ปี

หลังปลดประจำการทหารเกณฑ์ คราวนี้นายห้างตี๊ใช้เงินเก็บที่มีอยู่ลงทุนเปิดร้านขายยา ลักษณะรับมา – ขายไป และจากการที่ได้อยู่ในวงการยาเต็มตัว สังเกตเห็นว่าสมัยนั้น “ยาขมน้ำเต้าทอง” ขายดีมาก เกิดความคิดอยากทำสินค้าลักษณะเดียวกันออกมาขายบ้าง แต่ นายเจือ เพ็ญภาคกุล หรือเจ้าของยาสตรีเพ็ญภาค ให้ข้อคิดว่า “ไข่ไก่ที่ว่าทึบๆ ยังมีรู” คำแนะนำนี้เลยเกิดเป็น ยาขมชนิดเม็ดตราใบห่อ ขึ้นมา

จากคำแนะนำของ นายเจือ เพ็ญภาคกุล ทำให้นายห้างตี๊เกิดไอเดียทำยาขมชนิดเม็ด เพราะ 40 ปีที่แล้ว ยังไม่มีใครทำ ส่วนมากจะเป็นยาขมชนิดผงชงกับน้ำร้อน ด้านสูตรยานั้นได้มาจากหมอทับ เป็นหมอแผนโบราณที่เก่งมาก ทำหน้าที่ขึ้นทะเบียนยา อยู่ที่กระทรวงสาธารณสุข

ในช่วงแรกที่ ยาขมชนิดเม็ดตราใบห่อ วางตลาด ปรากฏว่าขายไม่ดีเลย นายห้างตี๊มีปัญหาเรื่องการเงินหนักมาก ต้องกู้เงินจากธนาคารกรุงเทพ กู้เงินนอกระบบ รวมถึงขึ้นแชร์ในกลุ่มเพื่อน แต่สิ่งที่สำคัญที่สุด นายห้างตี๊ ได้คำแนะนำจากเพื่อนรักมาตลอด นั่นคือ นายห้างประจวบ จำปาทอง

จะเรียกว่าลูกค้ารู้จัก “ยาขมชนิดเม็ดตราใบห่อ” เพราะครีม “กวนอิม” ก็ว่าได้ เพราะทุกครั้งที่ครีมกวนอิมลงพื้นที่ต่างจังหวัดไปโฆษณา ยาขมชนิดเม็ดตราใบห่อ ก็จะไปร่วมด้วยทุกครั้ง

ตลอดทั้งชีวิตของนายห้างตี๊ที่คลุกคลีอยู่กับ “ยา” เขามีเพียงคำว่า อดทน มุ่งมั่น และดิ้นรน ถือคติการทำงาน ไม่ต้องรีบโต ค่อยเป็นค่อยไป ต้องใจเย็น จากที่เคยลำบากมาสารพัด ไม่มีเงินทุนก็ต้องกู้นอกระบบ กู้เงินแบงก์ จนทุกวันนี้กลายเป็นเถ้าแก่พันล้าน ที่สร้างอาณาจักรใบห่อไว้กับตระกูลอัคคะประชา ได้สืบทอดต่อไปยันชั่วลูกชั่วหลาน