ไวไว ร่วมต้อนรับนักท่องเที่ยว ร่วมงานประเพณีสงกรานต์ “ป๋าเวณีปี๋ใหม่เมืองเจียงใหม่” ประจำปี 2567

บริษัท โรงงานผลิตภัณฑ์อาหารไทย จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป “ไวไว” ยกทีม ครอบครัวไวไว ร่วมฉลองเทศกาลมหาสงกรานต์กันที่เมืองเชียงใหม่ พร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยวในงาน สงกรานต์ “ป๋าเวณีปี๋ใหม่เมืองเจียงใหม่” ประจำปี 2567 เพื่อสืบสานประเพณีดั้งเดิมของชาวล้านนากว่า 728 ปี

นายยศสรัล แต้มคงคา ผู้อำนวยการบริหารฝ่ายการตลาด บริษัท โรงงานผลิตภัณฑ์อาหารไทย จำกัด ผู้ผลิต และจำหน่ายผลิตภัณฑ์บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ไวไว เปิดเผยว่า ปีนี้ “ไวไว” ร่วมกับ จังหวัดเชียงใหม่และเทศบาลนครเชียงใหม่จัดงานสงกรานต์ “ป๋าเวณีปี๋ใหม่เมืองเจียงใหม่” ประจำปี 2567 เพื่อสืบสานวัฒนธรรมประเพณีดั้งเดิมของชาวล้านนาที่สืบทอดกันมากว่า 728 ปี พร้อมทั้งส่งเสริมการท่องเที่ยวของจังหวัดเชียงใหม่

สำหรับ “ป๋าเวณีปี๋ใหม่เมืองเจียงใหม่” ประจำปี 2567 ครั้งนี้ จัดขึ้นในระหว่างวันที่ 7-17 เมษายน 2567 ที่ผ่านมา ทั้งยังถือเป็นการฉลองครบ 728 ปีเมืองเชียงใหม่อีกด้วย งานนี้ “ไวไว” ได้เข้าร่วมในทุกกิจกรรม อาทิ ร่วมเป็นเจ้าภาพ ในพิธีเก่าแก่อันเป็นมงคล กับ พิธีทำบุญสมโภชพระพุทธสิหิงค์ ประจำปี 2567, พิธีทำบุญตักบาตร ข้าวสารอาหารแห้ง แด่พระสงฆ์และสามเณร ร่วมกับพี่น้องชาวเชียงใหม่ตลอดจนนักท่องเที่ยวที่เข้าร่วมงานจำนวนมากตลอดจนร่วมพิธีอันเป็นมงคลมากมายอย่าง พิธีสืบชะตา ก่อเจดีย์ทรายถวายดุง ตามวิถีของชาวล้านนา และที่ขาดไม่ได้ คือ ขบวนความสนุกแบบจัดเต็มของ “บูธบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปไวไว”“ไวไวสาดโดนใจ SongKran 2024” พร้อมแจกขวัญพิเศษ ให้แก่นักท่องเที่ยวทุกท่านที่เข้ามายังบูธไวไว อีกด้วย

DE77F499422F08680C6D63638C2B4FF3AA879319
4BDDC75D6240C2C0585AA70764CD26419D1874ED

นอกจากนี้ “ไวไว” ยังเป็นหนึ่งในผู้ร่วมสนับสนุนกิจกรรมการประกวดเทพีและเทพบุตรสงกรานต์ ปี 67โดยทางไวไวยังร่วมสนับสนุนของรางวัลพิเศษ “รางวัลเทพบุตรและเทพีสงกรานต์ ขวัญใจไวไว” ที่สนับสนุนต่อเนื่องทุกปี

ปิดท้ายด้วยพิธีเก่าแก่ของชาวเชียงใหม่อีกพิธีหนึ่ง คือ “พิธีสระเกล้าดำหัว ป้อเมืองเจียงใหม่” ประเพณีล้านนาโบราณที่ทรงคุณค่าและงดงาม ที่ทางหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชนชาวเชียงใหม่ พร้อมใจกันจัดขึ้นในทุกๆ ปี ซึ่งถือเป็นธรรมเนียมปฏิบัติที่สืบต่อกันมาอย่างยาวนาน ซึ่งทางบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป “ไวไว” ยังได้ยกทีมมาร่วมจัดบูธ เสิร์ฟเมนูพิเศษสำหรับแขกที่มาร่วมในงาน ซึ่งได้รับความสนใจจากผู้ที่มาร่วมงานเป็นจำนวนมาก

ท่านสามารถติดตามความอบอุ่น และความเคลื่อนไหวของกิจกรรมดี ๆ จากครอบครัวไวไว และบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป “ไวไว” อย่างใกล้ชิด ได้ทาง Facebook: waiwaiinstantnoodle และ www.waiwai.co.th

ผู้คิดค้นบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปขึ้นมา คือ “อันโด โมโมฟุกุ” ชาวญี่ปุ่น ผู้ก่อตั้งและประธานบริษัทในกลุ่มนิชชิน จุดเริ่มต้นเกิดจากในฤดูหนาวของ Osaka จะมีผู้คน จำนวนมากต่างพากันไปต่อแถวรอกินราเมงร้อนๆ ท่ามกลางอากาศเย็นจัด ในปี ค.ศ.1958 อันโด จึงเกิดความคิดบางอย่างขึ้น โดยนำเส้นราเมงที่ได้จากการผสมกับน้ำซุปกระดูกไก่มาทอดในน้ำมันปาล์มเพื่อไล่ความชื้นออกไปทำให้เก็บไว้ได้นาน และแค่เพียงเติมน้ำร้อนเส้นก็จะคืนสภาพเดิมสามารถรับประทานได้ทันที ไม่ต้องปรุงอะไรเพิ่มเติมเลยเพราะเส้นผสมกับน้ำซุปกระดูกไก่แล้ว จึงเกิดอาหารที่เรียกว่าบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปขึ้น บรรจุอยู่ในชามที่เรียกกันว่า “ด้ง” ซึ่งค่อนข้างใหญ่เทอะทะ ต่อมาในปี ค.ศ.1971 จึงได้พัฒนารูปแบบให้รับประทานได้สะดวกยิ่งขึ้น

ที่มา : แม่บ้าน

บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปไวไว ร่วมสืบสานตำนานอันยิ่งใหญ่และยาวนาน เนื่องในเทศกาลตรุษจีน ในงาน “103 ปี ตรุษจีนปากน้ำโพ เมืองสวรรค์แห่งศรัทธา ประเพณีแห่เจ้าพ่อเจ้าแม่ปากน้ำโพ ประจำปี 2561 – 2562” พร้อมมอบโชคอิ่มบุญ เฮงๆ ปังๆ รับตรุษจีนให้ทุกท่านที่ไปร่วมงาน

เพียงซื้อผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์สินค้าไวไวทุกรสชาติ ครบ 100 บาท รับอั่งเปาลุ้นของรางวัลทันที  1 ใบ เพื่อลุ้นรับของรางวัล อาทิ พัดลม, หม้อหุงข้าว, สินค้าพรีเมี่ยมลิขสิทธิ์แท้จาก “ไวไว” และลุ้นของรางวัลใหญ่ โทรทัศน์สี LED พร้อมของรางวัลอื่นๆ อีกมากมาย รวมมูลค่ากว่า 20,000 บาท

จัดหนัก จัดเต็ม ตลอด 12 วัน 12 คืน ตั้งแต่วันที่ 29 มกราคม – 9 กุมภาพันธ์ 2562 ณ บูธกิจกรรม-บะหมี่  กึ่งสำเร็จรูปไวไว (โซน D) ศาลเจ้าแม่หน้าผา ตำบลปากน้ำโพ อำเภอเมือง จังหวัดนครสวรรค์ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ บริษัท โรงงานผลิตภัณฑ์อาหารไทย จำกัด โทร. 02-4311786 หรือติดตามความเคลื่อนไหวได้ทางเว็บไซต์ www.waiwai.co.th หรือทาง FB: waiwaiinstantnoodle (บริษัทขอสงวนสิทธิ์ในการเปลี่ยนแปลงของรางวัลดังกล่าวโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า)

บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป อาหารชนิดนี้คนรักสุขภาพรู้ดีว่าไม่ควรกิน แต่เป็นเรื่องน่าประหลาดใจเมื่อมีการสำรวจพฤติกรรมการบริโภคบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปโดยบริษัทนาโน เซิร์ช จํากัด โดยทําการสํารวจจากตัวอย่างในกรุงเทพฯ และปริมณฑล พบว่าสาเหตุที่คนเราเลือกกินบะหมี่กึ่งสําเร็จรูปนั้นมาจากเหตุผลที่ว่านึกอยากรับประทานสูงสุด คือร้อยละ 22.8 ขณะที่ผู้ที่กินเพราะต้องการความรวดเร็วนั้นมีร้อยละ 13.6 ขณะที่เหตุผลที่กินเพราะเหตุผลทางเศรษฐกิจหรือไม่มีเงินมีเพียงร้อยละ 0.5

เรื่องที่รู้กันดี

เห็นผลสํารวจแล้วผู้เขียนก็รู้สึกตกใจ เพราะขณะที่มีการพูดถึงอันตรายจากโซเดียมในบะหมี่กึ่งสําเร็จรูปกันอย่างชัดเจนและย้ำกันนักหนาว่า ใน 1 ซองของบะหมี่กึ่งสําเร็จรูปมีปริมาณโซเดียมเกินกว่าครึ่งหนึ่งของปริมาณที่ควรได้รับต่อวัน ดังนั้น ใครกิน 2 ซอง ก็แปลว่าความเสี่ยงที่ไตจะพังก็สูงขึ้น แต่ข้อมูลนี้กลับไม่ได้ทำให้ผู้บริโภคหวั่นเกรงเลย ทั้งยังสมัครใจที่จะกินมันด้วยความชื่นชอบมากกว่าความจําเป็นในการกินอีกด้วย

กลับมาตั้งคําถามว่าเพราะเหตุใดจึงเป็นเช่นนั้น ก็ได้คําตอบแบบที่เชื่อว่าใช่คือ คนส่วนใหญ่ติดผงชูรสที่อยู่ในอาหารชนิดนี้นี่เอง แน่นอนว่ารสเค็มเป็นรสชาติที่ทําให้คนเราเจริญอาหารเป็นปกติอยู่แล้ว และเมื่อมีผงชูรสเข้าไปกระตุ้นทําให้รู้สึกอร่อยก็จึงชื่นชอบ ยิ่งเมื่อกินรสชาติที่เกิดจากการกระตุ้นให้รู้สึกอร่อยเช่นนี้บ่อยๆ ก็จะเกิดการเสพติดรสชาติอย่างช่วยไม่ได้เลย

แน่ละ ไม่มีข้อมูลที่บ่งบอกว่าผงชูรสเป็นยาเสพติด แต่จากประสบการณ์ ผู้เขียนพบว่าใครก็ตามที่กินผงชูรสเป็นประจํา เมื่อไปรับประทานอาหารที่ไม่มีผงชูรสจะรู้สึกว่าอาหารนั้นไม่อร่อย ไม่หวานถูกปาก ทําให้ไม่เจริญอาหาร จึงต้องกินอาหารที่ใส่ผงชูรสเท่านั้น จึงเกิดเป็นพฤติกรรมที่เรียกว่า “ติดผงชูรส” อย่างช่วยไม่ได้ เรื่องนี้ใครจะเถียงว่ามาเลย…

แต่สิ่งที่เกิดขึ้นจากการกินเช่นนี้ก็ส่งผลอย่างชัดเจนในสังคม โดยสะท้อนออกมาในเรื่องของปัญหาสุขภาพ ทุกวันนี้คนในบ้านเราเป็นโรคความดันโลหิตสูงจํานวนมาก รวมไปถึงโรคไตที่มีจํานวนไม่น้อยและยิ่งเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งผลที่เกิดขึ้นเช่นนี้ย่อมมีเหตุแน่นอน และเหตุนั้นก็ย่อมมาจากพฤติกรรมการกิน และสิ่งที่เขียนไปในข้างต้นก็น่าจะทําให้คิดได้ว่าเหตุของมันคืออะไร

โรคอ้วนก็เสี่ยงด้วย

นอกจากความเสี่ยงจากความดันโลหิตสูงและไตพังจากโซเดียมอย่างที่เขียนไปแล้ว หากเราที่พึ่งบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปเป็นอาหารหลักหรือเป็นประจําก็มีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคอ้วนด้วย หรืออาจเถียงว่าบะหมี่กึ่งสําเร็จรูปซองหนึ่งมีแค่ 200 กว่าแคลอรี่ ไม่ทําให้อ้วนหรอก

คิดแบบหนึ่งบวกหนึ่งเท่ากับสอง ก็คงใช่ แต่ถ้าคิดให้มันลึกซึ้งกว่านั้นก็จะมองเห็นว่า ไม่แน่เสมอไป เพราะ 200 กว่าแคลอรี่ที่ได้รับนั้นเป็นแคลอรี่จากคาร์โบไฮเดรตล้วนๆ และผ่านกระบวนการแปรรูปเสียจนไม่มีเส้นใย และย่อยสลายได้อย่างรวดเร็ว นั่นหมายความว่า กินเข้าไปไม่นานก็จะหิวอีก และเมื่อหิวโดยการได้แป้งขาวซึ่งกระตุ้นอินซูลินอย่างรวดเร็วและระดับน้ำตาลก็ลดลงอย่างรวดเร็วแบบนี้ ก็แปลว่าจะหิวเร็ว หิวแบบน้ำตาลต่ำวูบวาบก็จะอยากกินของหวานเข้าไปทดแทน ซึ่งวัฏจักรนี้นี่แหละคือวัฏจักรของการเป็นคนอ้วน

มีแนวคิดอีกอันหนึ่งที่น่าสนใจและคิดว่าถูกต้องเกี่ยวกับการกินอาหารของคนเรา ซึ่งมาจาก ดร.จอห์น เกรย์ ได้เขียนไว้ในหนังสือเรื่อง The mars & venus diet & exercise solution

เขาอธิบายว่า การที่คนเราทุกวันนี้ต้องรับประทานอาหารมากๆ เพราะในอาหารที่เรารับประทานเข้าไปนั้นขาดสารอาหารที่จําเป็นต่อร่างกาย แต่เนื่องจากร่างกายของเราต้องการได้รับสารอาหารอย่างเพียงพอ จึงทําให้เกิดความต้องการอาหารอย่างไม่สิ้นสุด บางทีกินไปจนจุกแล้วก็ยังไม่ได้รับสารอาหารก็มี ซึ่งผลที่ตามมาก็คืออ้วนและร่างกายที่อ่อนแอ เพราะในร่างกายมีแต่ขยะ ไม่มีสารอาหารที่จําเป็น

เรื่องนี้จึงน่าจะอธิบายได้ชัดเจนว่าทําไมผู้ที่กินบะหมี่กึ่งสําเร็จรูปเป็นอาหารหลักจึงจะมีความเสี่ยงต่อการเป็นโรคอ้วน

โรคขาดสารอาหาร

สารอาหารที่ร่างกายจําเป็นต้องใช้ในการทําหน้าที่ต่างๆ มีอยู่มากมาย ตั้งแต่อาหารหลัก 5 หมู่ ใยอาหารเพื่อช่วยการขับถ่าย อีกทั้งสารต้านอนุมูลอิสระ และเอ็นไซม์ที่จําเป็นในการรักษาความแข็งแรงสมบูรณ์ของร่างกาย

เมื่อมองย้อนกลับมาที่บะหมี่กึ่งสําเร็จรูป แล้วตั้งคําถามว่ามีอะไรที่ร่างกายต้องการอยู่ในนั้นบ้าง คําตอบคือ มีเพียงคาร์โบไฮเดรตและไขมัน ไม่ต้องมองหาวิตามินหรือใยอาหารเสียให้ยากเลย

ซึ่งคาร์โบไฮเดรตที่มีนั้นก็ต้องบอกว่าเป็นคาร์โบไฮเดรตชนิดขัดขาวซึ่งไม่ดีต่อร่างกาย และไขมันปาล์มซึ่งเป็นไขมันอิ่มตัว นั่นก็แปลว่าถ้าเรายึดเอาบะหมี่กึ่งสําเร็จรูปเป็นอาหารหลักบ่อยๆ เป็นไปได้อย่างมากที่เราจะเป็นโรคขาดสารอาหาร ทั้งที่ตัวอ้วนกลม โดยเฉพาะอ้วนที่รอบเอว

ผู้ผลิตบะหมี่กึ่งสําเร็จรูปก็จะบอกว่า ไม่ได้บอกให้กินเปล่าๆ โดยการใส่น้ำร้อน แต่ให้เติมเนื้อสัตว์ ไข่ และผักลงไปด้วย แต่คําเตือนนี้ก็ตัวเล็กจิ๋ว มองเห็นได้ไม่ชัด อีกทั้งไม่ใช่ข้อความที่ผู้ผลิตจะพยายามบอกกับผู้บริโภคว่ามันจําเป็น และสําคัญมากๆ เท่ากับการบอกให้ผู้บริโภคลองกินหรือลองชิมรสชาติใหม่ๆ ของบะหมี่กึ่งสําเร็จรูป แต่เชื่อว่ามีผู้บริโภคจํานวนไม่มากนักที่จะเติมคุณค่าลงไปในบะหมี่กึ่งสําเร็จรูป

แม้จะมีความพยายามในการเปลี่ยนภาพลักษณ์ของบะหมี่กึ่งสําเร็จรูปให้ดูเป็นมิตรกับสุขภาพมากขึ้นโดยการเติมวิตามินบางชนิด หรือใช้แป้งโฮลวีตมาเป็นส่วนผสมในการทําเส้น แต่ถ้าผู้บริโภคสังเกตอย่างถี่ถ้วนจะเห็นว่าปริมาณวิตามินและแป้งโฮลวีตที่เติมลงไปนั้นมีสัดส่วนที่น้อยมาก ชนิดที่ไม่นับได้ว่ามีผลดีต่อสุขภาพ แต่ผู้ผลิตกลับใช้ประเด็นดังกล่าวในการทําโฆษณาประชาสัมพันธ์อย่างโจ๋งครึ่ม (ซึ่งตรงข้ามอย่างสิ้นเชิงกับการบอกให้เติมเนื้อสัตว์ ไข่ และผักเพื่อเพิ่มคุณค่า)

ดังนั้น เรื่องเหล่านี้จึงเป็นการสะท้อนให้เห็นอย่างชัดเจนว่าผู้ผลิตไม่ได้มีความจริงใจต่อการห่วงใยสุขภาพของผู้บริโภคแต่อย่างใด เพียงแต่ต้องการเปลี่ยนภาพลักษณ์ให้สินค้าเท่านั้นเอง

กินมากเสี่ยงโลกร้อน

ในช่วงหนึ่งเคยมีฟอร์เวิร์ดเมลส่งไปต่อๆ กัน มีข้อความกล่าวถึงการได้รับอันตรายจากแวกซ์ในถ้วยบะหมี่ที่ละลายเข้าไปสะสมในร่างกาย เรื่องนี้ทางผู้ผลิตได้ออกมาชี้แจงอย่างชัดเจนว่าไม่มีทางเป็นไปได้ ซึ่งในคําชี้แจงได้อธิบายว่าภาชนะบรรจุสำหรับบะหมี่ถ้วยที่นิยมโดยทั่วไปมี 3 แบบ คือ

แบบที่ 1 ถ้วยพลาสติกโพลีโพรพิลีน (Polypropylene: PP) ขึ้นรูปโดยการหลอมเม็ดพลาสติก PP Food grade แล้วยิง (inject) ขึ้นรูปถ้วย พลาสติกนี้สามารถใช้กับผลิตภัณฑ์บะหมี่กึ่งสําเร็จรูป โดยการชงเติมน้ำร้อนหรือเติมน้ำธรรมดาและเข้าเตาไมโครเวฟก็ได้ ถ้วยพลาสติกมีความแข็งแรง ป้องกันความชื้นและกลิ่นได้ดี ข้อเสียคือ ใช้พลาสติกมาก แม้ว่าพลาสติกสามารถรีไซเคิลได้ แต่การรวบรวมขยะยังไม่มีประสิทธิภาพ

แบบที่ 2 ถ้วยโฟมโพลีสไตรีน (Polystyrene: PS) ขึ้นรูปโดยการหลอมพลาสติก PS แล้วขึ้นรูป ถ้วยจะมีลักษณะเป็นเม็ดโฟมเล็กๆ เกาะกันแน่น มีข้อดีคือเป็นฉนวนความร้อน เมื่อชงน้ำร้อนในบะหมี่แล้ว บะหมี่จะร้อนนาน ผู้ถือถ้วยจะไม่รู้สึกร้อน ถ้วยโฟมไม่สามารถทนความร้อนระดับ 100 องศาเซลเซียสได้ จึงไม่สามารถเข้าในไมโครเวฟได้ และข้อเสียของบรรจุภัณฑ์โฟมคือ เป็นขยะไม่ย่อยสลาย และยังไม่มีวิธีรีไซเคิลที่เหมาะสม นอกจากนี้ ถ้วยโฟมพิมพ์สีภายนอกได้ไม่สวยงาม จึงต้องอาศัยการหุ้มด้วยพลาสติกอีกชั้นหนึ่งเพื่อเป็นพื้นที่สลากอาหาร

แบบที่ 3 ถ้วยกระดาษลามิเนตพลาสติกชนิดโพลีเอทิลีน (Polyethylene: PE) ขึ้นรูปโดยการ Extrude เม็ด PE เป็นฟิล์มเคลือบบนผิวกระดาษ ด้านในของถ้วยจึงบุด้วยพลาสติก PE food grade ถ้วยกระดาษเคลือบ PE เมื่อผู้ปรุงบะหมี่เติมน้ำร้อนแล้ว ยังสามารถถือถ้วยได้โดยไม่ร้อนมือ เพราะถ้วยกระดาษออกแบบให้ปลอกกระดาษชั้นนอกที่พิมพ์สลากสวมทับไว้ ทําให้เป็นฉนวนอากาศ ป้องกันไม่ให้ความร้อนในถ้วยออกไปสู่ภายนอก

การปรุงบะหมี่ในถ้วยกระดาษในไมโครเวฟสามารถทําได้ แต่ถ้วยกระดาษจะอ่อนตัวลงเล็กน้อยจากไอน้ำ จึงควรถือถ้วยอย่างระมัดระวัง ข้อดีของถ้วยกระดาษคือการลดขยะพลาสติก เพราะฟิล์ม PE ที่เคลือบกระดาษไว้ใช้ในปริมาณน้อย ส่วนกระดาษสามารถย่อยสลายได้เร็ว จึงเป็นการลดปริมาณขยะที่ย่อยสลายยากนั่นเอง

จากคําชี้แจงนี้ ทําให้ความกังวลต่อเรื่องแวกซ์อาจเบาบางลง แต่ความกังวลต่อเรื่องขยะและสิ่งแวดล้อมกลับเพิ่มมากขึ้น เพราะเห็นกันอยู่ชัดๆ ว่าถ้วยบะหมี่มีอายุการใช้งานที่สั้นแต่มันจะกลายเป็นขยะอยู่คู่โลกไปอีกยาวนาน ดังนั้น ใครที่คิดว่าเป็นห่วงลูกหลาน หรือกังวลกับสภาพแวดล้อมที่กําลังแปรปรวนในโลกเราทุกวันนี้ คิดว่าตัวเองไม่อยากทําให้ขยะเพิ่มมากขึ้นอย่างรวดเร็ว ก็คงต้องหลีกเลี่ยงการกินบะหมี่ในถ้วยที่ขายอยู่ หันมาใช้ชามกระเบื้องที่บ้านแล้วล้างเอาแทนก็น่าจะดีกว่า

กินอย่างไรเพื่อลดความเสี่ยง

แน่นอนว่าการเพิ่มเนื้อสัตว์ ไข่ และผัก เป็นทางออกที่ดีสําหรับการลดความเสี่ยงจากการขาดสารอาหารอันเนื่องจากการกินบะหมี่กึ่งสําเร็จรูป โดยการใส่เพิ่มลงไปนี้อาจทําได้ทั้งในรูปแบบการใส่ของสดแล้วต้มให้สุก หรือนําของที่สุกแล้วมาเติมก็ได้ แต่ก็ต้องไม่ลืมที่จะคํานึงถึงปริมาณโซเดียมที่จะได้รับเพิ่มขึ้นด้วย

หนทางอีกทางหนึ่งที่เป็นไปได้ในเรื่องของการลดปริมาณโซเดียม คือ การลดปริมาณเครื่องปรุงในชาม หนทางนี้จะเป็นไปได้ก็ต่อเมื่อผู้บริโภครู้จักฝึกควบคุมตนเอง โดยตระหนักว่าการกินเครื่องปรุงที่มีรสจัดมากๆ นั้นให้ผลเสียต่อสุขภาพ และเริ่มต้นด้วยการใส่เครื่องปรุงที่ให้มานั้นเพียงส่วนหนึ่ง ซึ่งจะทําให้รสชาติอ่อนลงบ้าง แต่หากฝึกทําไปจนชินก็จะรู้สึกว่าไม่มีปัญหาที่จะใส่เครื่องปรุงในปริมาณน้อย ซึ่งให้ผลดีต่อสุขภาพมากกว่า

และคําแนะนําที่เป็นปลายทางคือ การดื่มน้ำผลไม้ หรือรับประทานผัก-ผลไม้ที่มีส่วนผสมของโพแทสเซียมให้มากขึ้น เพราะโพแทสเซียมจะเข้าไปช่วยทําหน้าที่รักษาสมดุลของโซเดียมในร่างกาย ซึ่งผักที่มีโพแทสเซียมสูงได้แก่ หัวปลี ผักชี ต้นกระเทียม บร็อกโคลี่ แคร์รอต มันเทศ ผักบุ้ง เห็ดฟาง มะเขือพวง มะเขือเปราะ ใบแมงลัก โหระพา หน่อไม้ฝรั่ง หอมแดง ผักปวยเล้ง มันฝรั่ง มะเขือเทศ ดอกกะหล่ำ ถั่วต่างๆ เม็ดทานตะวัน กาแฟ น้ำนม

ผลไม้ที่มีโพแทสเซียมสูงมากที่สุดคือทุเรียนหมอนทองและชะนี รองลงมาได้แก่ มะพร้าว กล้วย ลําไยพันธุ์ต่างๆ มีปานกลางได้แก่ ฝรั่ง มะขาม กระท้อน ส้ม ลางสาด องุ่น มะม่วง มะละกอสุก ลิ้นจี่ ละมุด ขนุน ลูกพรุน ลูกเกด

บะหมี่ต้มยํารสแซ่บ

ส่วนผสม

บะหมี่กึ่งสําเร็จรูป 1 ห่อ / เห็ดตามชอบ 1 ถ้วยตวง / น้ำพริกเผา 2 ช้อนโต๊ะ / น้ำมะนาว 1 ช้อนโต๊ะ / น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ

  1. ต้มน้ำให้เดือด ใส่เส้นบะหมี่ลงไป ต้มจนนิ่ม ตักเอาแต่เส้นใส่ชาม เทน้ำทิ้ง
  2. ตั้งน้ำ 1 ถ้วยตวงบนเตา รอให้เดือด ใส่เห็ดที่หั่นเป็นชิ้นลงไป ตามด้วยเครื่องปรุงทั้งหมด ปิดไฟ เทใส่ในเส้น เสิร์ฟได้ทันที

ความจริงการเติมเนื้อสัตว์หรือเพิ่มคุณค่าให้บะหมี่กึ่งสําเร็จรูปนั้นมีวิธีมากมาย แต่เลือกวิธีนี้มาบอกเพราะไม่ยุ่งยาก คนไม่มีห้องครัวก็ทํากินเองได้ และให้รสชาติใกล้เคียงกับการใช้เครื่องปรุงในซองสําเร็จรูป

 

ข้อมูลจาก : หนังสืออาหารเสี่ยงเลี่ยงได้ สำนักพิมพ์มติชน