นายกฤษฎา บุญราช รมว.เกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า เพื่อให้เป็นไปตามนโยบายตลาดนำการผลิต กระทรวงเกษตรฯ จะเพิ่มช่องทางการค้าขายทางระบบออนไลน์ (อีคอมเมิร์ซ) ขึ้น โดยขณะนี้สำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ (มกอช.) ได้เปิดเว็บไซต์ขายสินค้าเกษตรอออนไลน์ชื่อ www.dgtfarm.com หรือดิจิทัลฟาร์มดอทคอม โดยนำร่องค้าขายผลไม้และข้าวแล้ว และจะพิจารณาสินค้า ปศุสัตว์ ประมง ผลิตภัณฑ์ยางพารา ให้สามารถค้าขายบนเว็บไซต์นี้ในระยะต่อไป

การขายผ่านเว็บไซด์ดังกล่าวเกษตรกรจะต้องลงทะเบียนโดยใช้เลขบัตรประชาชน 13 หลัก และระบุสินค้าที่จะทำการค้าขายก่อน หลังจากนั้นจะมีการจับคู่ระหว่างเกษตรกร ผู้ประกอบการ และผู้บริโภค หรือผู้ซื้อกับผู้ขาย โดยอัตโนมัติเพื่อให้สามารถขายสินค้าโดยตรง

กรณีที่สินค้าไม่ได้คุณภาพ ผู้ซื้อสามารถคืนสินค้าได้ ซึ่งจะส่งผลให้เว็บไซต์ ได้รับความเชื่อมั่นจากผู้บริโภคมากขึ้น จากปัจจุบันผู้บริโภครวทั้งคนไทยจะเชื่อมั่นเว็บไซต์ของต่างประเทศมากกว่า ทั้งนี้ คาดว่าจะมีผู้ลงทะเบียนซื้อขายสินค้า 1 ล้านบัญชีภายใน 3 เดือน เริ่มตั้งแต่เดือนพ.ค.-ก.ค. 2561 เพื่อซื้อขายสินค้าบนเว็บไซต์ ดิจิทัลฟาร์ม

“ผมไม่เกรงกลัวโรงคัดบรรจุผลไม้ (ล้ง) จีน หรือบริษัทอาลีบาบา แต่อยากจะเน้นว่าทั้งผู้ขายและซื้อ โดยเฉพาะเกษตรกรจะต้องมีความซื่อสัตย์ ถ้าโชว์รูปสินค้าแบบไหนก็ต้องส่งสินค้าตามรูปภาพ สินค้าต้องมีคุณภาพ เนื่องจากที่ผ่านมาคนไทยจะนิยมซื้อขายผ่านเว็บไซต์ของต่าชาติมากกว่า เพราะซื้อจากเว็บไซต์ไทย บางทีก็เสีย คืนไม่ได้ ดังนั้นจึงต้องจัดทำมาตรฐานในการแลกเปลี่ยนสินค้าให้กับลูกค้า ยอมให้เคลมสินค้าได้ถ้าไม่มีคุณภาพ ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญที่จะทำให้การขายสินค้าเกษตรของไทยแข่งขันกับต่างชาติได้”

นายกฤษฎา กล่าวว่า อย่างไรก็ตาม โครงการนี้เป็นโครงการประชารัฐ มีสถาบันเกษตรกร เอกชน และสมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย เข้าร่วมด้วย ซึ่งจะซื้อขายสินค้าใน 3 กลุ่มหลักคือ 1. ตลาดเกษตรอินทรีย์ 2. ตลาดสินค้าการเกษตรที่ดี (จีเอพี) และแปลงใหญ่ และ 3. ตลาด QR trace หรือ สินค้าที่มีระบบตรวจสอบย้อนกลับสินค้าเกษตร คาดว่าจะตรงกับความต้องการของผู้บริโภคได้ในระยะเวลาอันรวดเร็ว

 

ที่มา ข่าวสดออนไลน์