จิสด้าโชว์เหนือ ส่งทุเรียนหมอนทองไปอวกาศ โครงการอาหารไทยไปอวกาศพร้อมจรวดนิวเชฟเพิร์ด เตรียมการทำทุเรียนอบแห้งส่งนักบินอวกาศกินในสภาวะไร้น้ำหนัก พร้อมข้าวไรซ์เบอรี่ พร้อมบินกรกฎาคมนี้

วันที่ 29 พฤษภาคม 61 นายอัมรินทร์ พิมพ์หนู หัวหน้าโครงการ National Space Exploration สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือ จิสด้า กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี(วท.) กล่าวว่า เนื่องจากประเทศไทยเป็นประเทศที่มีการส่งออกสินค้าประเภทอาหารแปรรูปและ อาหารสดเป็นอันดับต้นๆ ของโลก และจุดหมายหนึ่ง ด้านอุตสาหกรรมอาหารของประเทศไทยคือการเป็น ครัวของโลก จิสด้าจึงได้ทำงานวิจัยเรื่อง อาหารไทยไปอวกาศขึ้นมา โดยงานวิจัยนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่อพัฒนาศักยภาพอาหารไทยไปเป็น อาหารอวกาศ (Space Food) ได้จริงๆ โดยวิจัยพัฒนาทั้งในด้านคุณค่าทางอาหาร การพัฒนาหีบห่อสำหรับบรรจุ โดยที่ยังคงเอกลักษณ์ความเป็นอาหารไทย เพื่อเป็นอาหารสำหรับนักบินอวกาศในอนาคต โดยความร่วมมือระหว่างคณะนักวิจัยที่มีความรู้ด้านการสำรวจอวกาศ ผู้เชี่ยวชาญด้านวิทยาศาสตร์อาหารและบรรจุภัณฑ์ และกลุ่มบริษัทแปรรูปอาหารไทย ซึ่งนำร่องการวิจัยด้วยการผลิตผลไม้อบกรอบ ได้แก่ ทุเรียน พันธุ์หมอนทอง ซึ่งถือเป็น ราชาแห่งผลไม้

กล่องบรรจุทุเรียนหมอนทองพอคำ และข้าวไรซ์เบอรี่ไปอวกาศ

นายอัมรินทร์ กล่าวว่า การนำทุเรียนหมอนทองอบกรอบขึ้นไปบนอวกาศนี้ จะต้องผ่านกรรมวิธีทางโภชนาการเช่นเดียวกับการผลิตบนพื้นโลกทุกกระบวนการ แต่สิ่งที่จะแตกต่างกว่าเป็นอาหารไทยชนิดแรกที่จะได้ไปสู่อวกาศ และไม่ได้ไปแค่ธรรมดา เพราะหลังจากที่ทุเรียนอบกรอบได้ใช้เวลาอยู่บนอวกาศนานกว่า 4 – 5 นาที มันจะถูกส่งกลับลงมา เพื่อดูสภาพความเปลี่ยนแปลงทางกายภาพของอาหารและบรรจุภัณฑ์ว่าคงเดิมหรือไม่ นอกจากนี้ ยังดูผลกระทบของแรงโน้มถ่วงของโลกและสภาวะไร้น้ำหนักต่อระบบอิเล็กทรอนิกส์ ที่สามารถนำมาใช้ในการวิเคราะห์เพื่อพัฒนาอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ให้ศักยภาพ ต่อการใช้งานในอนาคตที่เกี่ยวกับอาหารอีกด้วย เพื่อนำไปสู่การพัฒนาที่เหมาะสมก่อนจะผลิตเป็นอาหารที่พร้อมทานสำหรับนักบิน อวกาศในอนาคต

หัวหน้าโครงการ National Space Exploration ของจิสด้า เปิดเผยว่า ข้อเสนอโครงการ Thai Food to Space หรือ อาหารไทยไปอวกาศ เป็นผลงานวิจัยที่เสนอโดยบริษัท ซิกเนเจอร์ มาร์เก็ตติ้ง จำกัด และได้รับการสนับสนุนด้านพัฒนาบรรจุภัณฑ์อาหารโดย บริษัท เดลี่ฟู้ดส์ จำกัด ข้อเสนอนี้ได้รับคัดเลือกให้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการ National Space Exploration ของจิสด้า ที่เปิดโอกาสให้นักวิจัยชาวไทยให้มีโอกาสสรรค์สร้างผลงานและองค์ความรู้ทาง ด้านวิทยาศาสตร์ในด้านการทดลองในอวกาศและสภาวะไร้แรงโน้มถ่วงได้เทียบเท่า ประเทศอื่นๆ เพื่อที่จะเป็นส่วนหนึ่งที่ก่อให้เกิดเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ๆ และนำไปสู่พัฒนาคุณภาพชีวิตของชาวไทยให้ดียิ่งขึ้นต่อไป

“งานวิจัยอาหารไทยไปอวกาศนี้ ถือเป็นการสร้างคุณค่าของการวิจัยอาหารอวกาศ ซึ่งนอกจากเป็นการสนับสนุนสินค้าจากภาคการเกษตรและอุตสาหกรรมอาหารของคนไทย แล้ว ยังช่วยเพิ่มมูลค่าสินค้า ทำให้นานาชาติรับรู้ถึงเอกลักษณ์ด้านอาหารของประเทศไทย และช่วยขยายขอบเขตการดำรงชีวิตและการสำรวจอวกาศของมนุษยชาติให้ก้าวไกลอีก ด้วย สำหรับกำหนดการส่งอาหารไทยขึ้นสู่อวกาศคาดว่าจะเป็นช่วงเดือนกรกฎาคมนี้ “นายอัมรินทร์ กล่าว

กล่องบรรจุทุเรียนไปอวกาศ

นส.นภสร จงจิตตานนท์ เจ้าหน้าที่โครงการทดลองอวกาศในสภาวะไร้แรงโน้มถ่วง จิสด้า กล่าวว่า ทุเรียนหมอนทองอบแห้งที่ทางจิสด้าจะส่งขึ้นไปในอวกาศนั้น จะถูกนำส่งไปกับจรวดที่ชื่อว่า New shepard ของบริษัทเอกชนที่ผลิตจรวดของสหรัฐอเมริกา โดยทางบริษัท นิว สเปช ซึ่งเป็นบริษัทที่ร่วมทำงานวิจัยโครงการทดลองในอวกาสในสภาวะไร้น้ำหนักกับจิสด้า ได้รับโควต้าพื้นที่ในจรวดดังกล่าว 11 กิโลกรัม เพื่อให้ส่งสิ่งของต่างๆไปในอวกาศ ซึ่ง บริษัท นิว สเปชก็ได้ติดต่อมาทางจิสด้า

“เรามีงานวิจัยเรื่อง อาหารไทยไปในอวกาศอยู่แล้ว และเชื่อว่า ผลไม้ของเรามีศักยภาพพอ จึงได้เลือกตัวอย่างชิ้นทุเรียนหมอนทองอบแห้งส่งไป ซึ่งทุเรียนไทยเป็นผลไม้ที่มีชื่อเสียงไปทั่วโลก มีความโดดเด่นในเรื่องการมีกลิ่นหอม เราอยากรู้ว่า เมื่อส่งทุเรียนออกไปอยู่ในสภาวะที่ไร้น้ำหนักแล้ว เมื่อนำกลับมา กลิ่น รส และรูปร่างจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไรบ้าง เพื่อจะได้ต่อยอดงานวิจัย สำหรับการนำส่งทุเรียนไปให้นักบินอวกาศรับประทานอย่างจริงจังต่อไปใน อนาคต”นส.นภสร กล่าว และว่า สำหรับทุเรียนที่จะนำส่งไปพร้อมกับจรวด New shepard นั้น มีทั้งหมด 4 ห่อ ห่อละพอดีคำ นอกจากทุเรียนแล้ว ยังมี ข้าวไรซ์เบอร์รี่ อีกจำนวนหนึ่งด้วย

 


ที่มา มติชนออนไลน์