ถ้าชอบกินปลาน่าจะต้องโดนเมนูข้าวไรซ์เบอร์รีผัดปลานิล เริ่มจากจับปลานิลหั่นชิ้นแล้วเอาไปทอดจนสุกกรอบ ต่อมาก็ผัดข้าวกับผักสีสันต่างๆ ปรุงรสตามชอบแล้วใส่ปลาทอดลงไปเคล้าพอเข้ากัน ก่อนเสิร์ฟโรยเม็ดมะม่วงหิมพานต์และเมล็ดทานตะวัน

ส่วนผสม ข้าวไรซ์เบอร์รีผัดกับปลา

  • ปลานิลหั่นเต๋า 100 กรัม
  • เกลือป่นหยาบ
  • พริกไทยป่น
  • แป้งทอดกรอบสำเร็จรูป
  • น้ำมันพืช (สำหรับทอด)
  • กระเทียมสับ 1 ช้อนชา
  • น้ำมันมะกอก 1+1/2 ช้อนชา
  • แครอตหั่นเต๋า 1 ช้อนโต๊ะ
  • บรอกโคลีหั่นเต๋า 1 ช้อนโต๊ะ
  • ฟักทองหั่นเต๋า 1 ช้อนโต๊ะ
  • ข้าวไรซ์เบอร์รีหุงสุก 3/4 ถ้วยตวง
  • ซอสเห็ดหอม 2 ช้อนชา
  • ซีอิ๊วขาว 1/2 ช้อนชา
  • น้ำตาลทราย 1/4 ช้อนชา
  • เม็ดมะม่วงหิมพานต์ทอด 6-7 เม็ด
  • เมล็ดทานตะวันอบกรอบ 1 ช้อนชา
  • น้ำปลาผสมน้ำมะนาวและพริกขี้หนู

วิธีทำข้าวไรซ์เบอร์รีผัดกับปลา

  1. โรยเกลือป่นและพริกไทยป่นบนเนื้อปลานิลแล้วคลุกลงในแป้งทอดกรอบพอทั่ว ใส่ลงทอดในน้ำมันพืชใช้ไฟปานกลางทอดจนสุกเหลือง ตักขึ้นพักให้สะเด็ดน้ำมัน เตรียมไว้
  2. เจียวกระเทียมกับน้ำมันมะกอกพอเหลืองหอม ใส่แครอต บรอกโคลี ฟักทอง และข้าวไรซ์เบอร์รี ลงไปผัดเบาๆ ให้เข้ากัน
  3. ปรุงรสด้วยซอสเห็ดหอม ซีอิ๊วขาว น้ำตาลทราย เกลือป่นและพริกไทยป่น ผัดให้เข้ากัน
  4. ใส่ปลาทอดลงไปตะล่อมเบาๆ ให้เข้ากัน ตักใส่จานสำหรับเสิร์ฟ โรยเม็ดมะม่วงหิมพานต์และเมล็ดทานตะวัน เสิร์ฟพร้อมน้ำปลาผสมน้ำมะนาวและพริกขี้หนู

ที่มา : แม่บ้าน

สาคูสีจืดชืดแค่เห็นก็เบื่อ ลองเติมน้ำอัญชันเพิ่มสีสันกันเถอะ สูตรนี้ใส่แปะก๊วยกับมะพร้าวอ่อนด้วยค่ะ

ส่วนผสม สาคูเปียกอัญชัน

  • สาคูเม็ดเล็ก 1/2 ถ้วย
  • น้ำอัญชัน 2 ถ้วย
  • มะพร้าวอ่อนขูดเป็นเส้นๆ
  • เม็ดแปะก๊วยต้มสุก
  • น้ำตาลทราย 1/2 ถ้วย
  • กะทิสำเร็จรูป 1/2 ถ้วย
  • เกลือป่น (เล็กน้อย)
  • แป้งข้าวเจ้า 1/2 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำสาคูเปียกอัญชัน

1. ล้างสาคูผ่านน้ำให้สะอาด เตรียมไว้

2. ใส่น้ำอัญชันลงในหม้อ นำขึ้นตั้งไฟจนเดือด ใส่เม็ดสาคูลงต้มไป เติมน้ำตาลทราย จนเป็นตากบ ปิดไฟ เตรียมไว้

3. ทำกะทิสำหรับราดหน้าขนม ใส่กะทิลงในหม้อ นำขึ้นตั้งไฟอ่อน เติมเกลือป่นเล็กน้อยและแป้งข้าวเจ้า ต้มจนเดือดข้น

4. ตักสาคูอัญชันใส่ในถ้วย จากนั้นตักกะทิหยอดหน้าสาคูเปียกที่เตรียมไว้ โรยมะพร้าวอ่อนขูดกับแปะก๊วยต้มสุก พร้อมเสิร์ฟ

ที่มา : K@POOK!

เมนูหม้อหุงข้าวทำง่าย ข้าวไก่อบหอมเครื่องเทศสารพัด เพียงวางเนื้อไก่ที่หมักไว้ข้ามคืนลงไปแล้วกดหุงข้าวตามปกติ ได้มื้ออร่อยแถมอิ่มอยู่ท้องแล้วล่ะ

ส่วนผสมข้าวไก่อบ

  • สะโพกไก่ไม่มีกระดูก 3 ชิ้น
  • ไส้กรอกโชริโซสับ 1/2 ถ้วย
  • หอมหัวใหญ่สับ 1 หัว
  • กระเทียมสับ 2-3 กลีบ
  • ข้าวสาร 3 ถ้วย
  • น้ำซุป 2-3 ถ้วย
  • น้ำมันมะกอก

ส่วนผสมสำหรับหมักไก่

  • ผงกระเทียม 1 ช้อนชา
  • ผงพริกปาปริกา 1 1/2 ช้อนชา
  • ผงพริกไทยดำป่น 1/2 ช้อนชา
  • ออริกาโน 1/2 ช้อนชา
  • พริกป่น 1/4 ช้อนชา
  • เกลือ 1/8 ช้อนชา
  • น้ำเลมอนหรือมะนาว 1 ช้อนชา
  • น้ำมันมะกอก 1-2 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ

  1. ผสมส่วนผสมหมักไก่เข้าด้วยกัน นำสะโพกไก่ที่ซับน้ำจนแห้งมาคลุกกับส่วนผสมหมักให้ทั่วชิ้น หมักไว้อย่างน้อย 2-4 ชั่วโมง หรือข้ามคืน
  2. เทน้ำมันมะกอกลงในกระทะตั้งไฟให้ร้อน วางสะโพกไก่ลงไปใช้ไฟแรงให้ผิวด้านนอกเป็นสีน้ำน้ำตาลทองยกลง ระหว่างนั้นเทข้าวสารที่ซาวแล้วใส่หม้อหุงข้าว เตรียมไว้
  3. ลดไฟเป็นไฟกลาง ใส่หอมหัวใหญ่ กระเทียม และไส้กรอกโชริโซลงไปผัดจนเข้ากัน ใส่น้ำซุปลงไป 2 ถ้วย คนให้เข้ากัน ปิดไฟ เทลงในหม้อหุงข้าว
  4. เติมน้ำซุปลงไปเพิ่มให้ได้ตามขีดในหม้อหุงข้าว คนให้เข้ากัน วางเนื้อไก่ลงไป กดหุงข้าวตามปกติ

เคล็ดลับความอร่อย

สามารถนำไก่ไปอบในเตาอบแทนได้โดยหุ้มถาดอบด้วยอะลูมินัมฟอยล์ อบด้วยอุณหภูมิ 200 องศาเซลเซียส

ที่มา : Sanook

เคยแต่ทำไข่เจียวเต้าหู้ไข่ แต่พอเห็นเมนูไข่เจียวเต้าหู้พริกขี้หนูก็ดูน่ากินไปอีกแบบ วัตถุดิบไม่เยอะ ปรุงรสตามชอบ อีกทั้งยังใส่เครื่องเคราอื่นๆ เพิ่มได้ บอกเลยว่าน่าลองทำตามจริงๆ นะ

ไข่เจียวเต้าหู้ เมนูไข่แบบเดิมๆ ก็อร่อย แต่กินบ่อยก็แอบเบื่อ ลองใส่พริกสดเพิ่มเติมดีไหม เป็นอีกเมนูอาหารที่น่าลองทำที่บ้านกันนะคะ เราขอนำเสนอวิธีทำไข่เจียวเต้าหู้ สูตรจาก Easy food good health by Andy ใส่พริกขี้หนู และอาจใส่ชีสหรือส่วนผสมอื่นๆ เพิ่มเติมตามชอบ ปรุงรสเค็มเพิ่มนิดหน่อย เอาไปทอดจนสุก

ส่วนผสม ไข่เจียวเต้าหู้พริกขี้หนู

  • ไข่ไก่ 2 ฟอง
  • เต้าหู้ไข่ 2 หลอด
  • พริกขี้หนู 3-4 เม็ด (ปรับลด-เพิ่มได้เลยจ้า)
  • ซีอิ๊วขาว หรือซอสปรุงรส
  • น้ำมันพืช

วิธีทำไข่เจียวเต้าหู้พริกขี้หนู

  1. ตอกไข่ใส่ชาม ตีจนขึ้นฟู
  2. หั่นเต้าหู้ไข่ชิ้นหนาหรือบางตามชอบ
  3. ซอยพริกขี้หนูหนาบางตามสะดวก ปรุงรสด้วยซีอิ๊วขาวหรือซอสปรุงรส
  4. นำกระทะตั้งไฟใส่น้ำมันพืชลงไป พอน้ำมันร้อนเทไข่ลงไป พอสุกพลิกกลับด้าน
  5. ทอดจนสุกทั้งสองด้าน ตักใส่จานกินกับข้าวสวยร้อนๆ อิ่มอร่อยแบบจุกๆ

ใครกำลังมองหาอาหารเช้า อยากให้ลองทำไข่เจียวเต้าหู้พริกสดกันดูค่ะ ส่วนผสมไม่เยอะ ใช้เวลาไม่นาน และอร่อยด้วยนะคะ

ขอบคุณข้อมูลจาก : Easy food good health by Andy

ที่มา : K@POOK!

เอาใจสายหวาน! ช็อกบอลกัญชา 4 ขั้นตอนทำง่าย ไม่ต้องใช้เตาอบ

ช็อกบอล เป็นเมนูขนมอีกชนิดที่ได้รับความนิยม ด้วยรสชาติอร่อย แถมยังทำเองได้ง่ายๆ โดยไม่ต้องใช้เตาอบ แต่จะให้กินช็อกบอลธรรมดาๆ คงไม่ได้อีกแล้ว ในเมื่อ กัญชา มาแรง เลยเอาสูตร ช็อกบอลกัญชา มาให้ลองทำกันเสียเลย 

ส่วนประกอบ 

1.ขนมปัง 1 แถว   500 กรัม 

2. ช็อกโกแลตละลาย 375 กรัม 

3. เนยละลาย 1 ถ้วย   150 กรัม 

4. กัญชาผงบดละเอียด  6.8 กรัม 

วิธีทำ

1.ฉีกขนมปังเป็นชิ้นเล็กๆ ยิ่งละเอียดมากจะผสมง่ายขึ้น 

2. ใส่ช็อกโกแลตและเนยละลายลงไปทีละน้อย แล้วผสมให้เข้ากัน 

3. ค่อยๆ โรยกัญชาลงไป ผสมให้เข้ากัน ปั้นเป็นก้อนพอประมาณ จากนั้นค่อยๆ ใส่ช็อกโกแลตและเนยละลายลงไปทีละน้อยอีกรอบ 

4. ปั้นเสร็จแล้ว ตกแต่งด้วยท็อปปิ้ง ช็อกโกแลตหรือไวท์ช็อกโกแลตผสมกัญชง 

TIP : สุตรนี้สามารถใช้ขนมปังแห้งได้ โดยจะเพิ่มส่วนผสมที่เป็นน้ำเพิ่มขึ้น เช่น นมสด และเนยละลายเพิ่มขึ้น 

ที่มา : เส้นทางเศรษฐีออนไลน์

H2A6770
วันนี้เราขอนำเสนอวิธีทำเค้กเลมอน ใส่ผิวเลมอนและน้ำเลมอน เพิ่มความหอมมันจากเนยและครีมชีส ทีเด็ดคือราดไอซิ่งเกลซมะนาว กินกับกาแฟยามบ่ายคลายหิว

ส่วนผสม เค้กเลมอน

  • เนยสดรสเค็ม 100 กรัม
  • ครีมชีส 110 กรัม
  • น้ำตาลทราย 80-90 กรัม
  • ไข่ไก่ 3 ฟอง
  • แป้งอเนกประสงค์หรือแป้งเค้ก 135 กรัม
  • ผงฟู 1 ช้อนชา
  • น้ำเลมอน 2 ช้อนโต๊ะ
  • ผิวเลมอน 1+1/2 ช้อนโต๊ะ
  • สีผสมอาหารสีเหลือง
  • เลมอน (สำหรับแต่ง)

ส่วนผสม ไอซิ่งเกลซมะนาว

  • ไอซิ่ง 150 กรัม
  • น้ำมะนาว 3 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำเค้กเลมอน

  1. ใส่เนยสดรสเค็มลงอ่างผสม ตีจนเนยขึ้นฟูเล็กน้อย ตามด้วยครีมชีสตีจนเข้ากัน
  2. ใส่น้ำตาลทราย ปั่นจนเข้ากัน ตามด้วยไข่ไก่ ตีจนเข้ากัน ร่อนแป้งเค้กกับผงฟูลงไป
  3. ตะล่อมแป้งหรือตีจนเข้ากัน ใส่น้ำเลมอนกับผิวเลมอนลงไป จากนั้นใส่สีผสมอาหารสีเหลืองลงไป
  4. หยอดใส่พิมพ์ประมาณ 3/4 ของถ้วย อบด้วยอุณหภูมิ 180 องศาเซลเซียส ใช้ไฟบน-ล่าง เป็นเวลา 20-25 นาที นำออกมาพักบนตะแกรงจนเย็น
  5. ทำไอซิ่งเกลซโดยผสมน้ำมะนาวกับน้ำตาลไอซิ่ง คนให้เข้ากัน
  6. บีบหรือราดบนเค้ก ตกแต่งด้วยเลมอน

ขอบคุณข้อมูลจาก : ครัวป้ามารายห์ / ที่มา : K@POOK!

ใครเบื่อกินอะโวคาโดเดี่ยวๆ ลองจับมาทำอาหารเพื่อสุขภาพกันดีไหมเอ่ย เราขอนำเสนอวิธีทำเมนูอะโวคาโดไม่อ้วน อย่างหม้อแกงอะโวคาโดกันค่ะ เป็นสูตรไม่ใส่แป้งและน้ำตาล เพิ่มเติมอะโวคาโดเพื่อสุขภาพ และใส่กะทิธัญพืชหอมใบเตย

ส่วนผสม ขนมหม้อแกงอะโวคาโด (สูตรนี้หวานน้อยปรับเพิ่ม-ลดตามชอบ)

  • หอมแดง
  • น้ำมันมะพร้าว
  • ไข่เป็ด 4 ฟอง
  • ไข่ไก่ 2 ฟอง
  • เกลือชมพู 1/4 ช้อนชา
  • อิริทริทอล 1+1/2 ช้อนโต๊ะ
  • ใบเตย 3-4 ใบ
  • กะทิธัญพืช 500 มิลลิลิตร
  • อะโวคาโด 330 กรัม
  • อัลมอนด์ป่น 150 กรัม

วิธีทำขนมหม้อแกงอะโวคาโด

  1. เจียวหอมแดงด้วยน้ำมันมะพร้าวให้เหลืองกรอบ จากนั้นพักให้สะเด็ดน้ำมัน
  2. ทำน้ำกะทิโดยนำไข่เป็ด ไข่ไก่ เกลือชมพู และน้ำตาลอิริทริทอล (Erythritol) มาขยำด้วยใบเตยเพื่อดับคาว เมื่อส่วนผสมละลายดี เติมกะทิธัญพืชและขยำให้เข้ากันอีกครั้ง นำมากรองเอาใบเตยออก
  3. เตรียมเนื้ออะโวคาโด ส่วนตัวชอบแบบไม่ละเอียดมากเลยจะใช้ส้อมบด ถ้าใครชอบแบบเนียน ๆ ก็สามารถนำไปปั่นได้เลย นำอะโวคาโดที่บดแล้วมาผสมในน้ำกะทิที่เตรียมไว้ ตามด้วยอัลมอนด์ป่นและหอมเจียวเล็กน้อยเพิ่มความหอม นำไปกวนด้วยไฟอ่อน และต้องคนตลอดเวลา ห้ามละสายตาเลย ให้สุกและข้นประมาณ 30% ก็ยกลงจากเตา
  4. ก่อนตักใส่พิมพ์ให้ทาพิมพ์ด้วยน้ำมันหอมเจียว และวอร์มเตาอบที่อุณหภูมิ 180 องศาเซลเซียส
  5. นำเข้าเตาอบที่อุณหภูมิ 180 องศาเซลเซียส ใช้ไฟบน-ล่าง ประมาณ 30 นาที
  6. พอครบ 30 นาที นำออกมาทาน้ำมันหอมเจียว และเอาเข้าไปอบต่อที่อุณหภูมิ 150 องศาเซลเซียส ใช้ไฟบน ประมาณ 10 นาที พักไว้ให้เย็น โรยหน้าด้วยหอมเจียวและตกแต่งด้วยอะโวคาโด

ที่มา : K@POOK!

หน้าร้อนก็มามะม่วงก็มี ใครเบื่อกินมะม่วงสุกกับข้าวเหนียวมูน ถ้าที่บ้านมีเตาอบลองมาทำเค้กกันดีไหม เราขอนำเสนอวิธีทำเค้กโรลมะม่วง เนื้อเค้กวานิลลาสอดไส้ครีมสดและมะม่วงสุก แต่งด้วยครีมสดอีกครั้ง กินกับเครื่องดื่มแก้วโปรดเข้ากันสุดๆ ไปเลยจ้า

ส่วนผสม เค้กโรลวานิลลา (สำหรับพิมพ์สี่เหลี่ยมขนาด 28×28 เซนติเมตร)

  • ไข่ไก่ 3 ฟอง
  • น้ำตาลทราย 65 กรัม
  • กลิ่นวานิลลา 1/2 ช้อนชา
  • เกลือ 1 หยิบนิ้ว
  • แป้งเค้ก 65 กรัม
  • ผงฟู 1/2 ช้อนชา
  • น้ำมันพืช 15 กรัม
  • มะม่วงสุก
  • ผลไม้แต่งตามชอบ

ส่วนผสม ไซรัป (สำหรับพรมเค้ก)

  • น้ำต้มสุก 15 กรัม (เย็นแล้ว)
  • น้ำตาลทราย 10 กรัม
  • เหล้ามาลิบู (Malibu) 1 ช้อนชา (อยากให้มีรสเหล้าที่แรงขึ้นก็เพิ่มปริมาณไปค่ะ)

ส่วนผสม ครีมสด

  • วิปปิ้งครีม 250 กรัม
  • น้ำตาลทราย 25 กรัม

วิธีทำเค้กโรลมะม่วง

  1. วอร์มเตาอบที่อุณหภูมิ 165 องศาเซลเซียส เปิดไฟบน-ล่าง และแยกไข่แดงกับไข่ขาวให้เรียบร้อยนะคะ
  2. จากนั้นเริ่มตีไข่ขาวให้มีฟองหยาบ ค่อยๆ ใส่น้ำตาลทรายลงไปทีละน้อย ตีจนตั้งยอดกลาง ไม่อ่อนไปและไม่แข็งจนเกินไป
  3. ใส่ไข่แดงทั้งหมดลงไปค่ะ แล้วตีด้วยสปีดต่ำให้พอเข้ากัน
  4. ใส่กลิ่นวานิลลาและเกลือลงไป
  5. ร่อนแป้งกับผงฟูใส่ลงไปแล้วผสมให้เข้ากันด้วยตะกร้อมือ
  6. ตักส่วนผสมที่ได้ออกมาสัก 2-3 ช้อนโต๊ะ ใส่ลงไปในถ้วยน้ำมันพืช คนผสมให้เข้ากันดีค่ะ
  7. เทส่วนผสมที่ผสมเข้ากับน้ำมันดีแล้วกลับลงไปในโถผสมใบใหญ่
  8. ใช้ไม้พายตะล่อมเบาๆ ให้เข้ากันดีอีกครั้งค่ะ
  9. เทลงใส่ถาดที่เตรียมไว้ รองกระดาษรองอบให้เรียบร้อย ปาดให้เรียบเสมอกัน
  10. นำเข้าอบที่อุณหภูมิ 165 องศาเซลเซียส ประมาณ 12 นาที เมื่อขนมสุกแล้วพักให้อุ่นๆ แล้วแกะคลี่มุมขอบกระดาษออก แล้วม้วนไปทั้งกระดาษ พักไว้จนเย็นค่อยคลี่ขนมออกค่ะ
  11. ใช้กระดาษรองอบอีกแผ่นประกบที่ด้านบนของขนม พลิกขนมแล้วลอกกระดาษรองอบอีกฝั่งออกมาค่ะ เราต้องการให้ด้านที่ไม่มีผิวขนมอยู่ด้านบน เพราะฉะนั้นเราจะพลิกขนมกลับไปอีกครั้ง แล้วจะปาดครีมด้านที่มีผิวขนมนะคะ
  12. ทำส่วนผสมไซรัปโดยผสมทุกอย่างเข้าด้วยกัน ใช้ช้อนคนให้น้ำตาลละลายเข้ากันดี เสร็จแล้วใช้แปรงจุ่มน้ำเชื่อมแล้วทาให้ชุ่มทั่วเค้กทั้งแผ่น
  13. ทำส่วนผสมครีมสดโดยตีวิปปิ้งครีมกับน้ำตาลทรายจนตั้งยอดค่ะ รอบนี้ไม่ได้ใส่กลิ่นวานิลลา อยากได้รสและกลิ่นแบบนมๆ ไปเลย
  14. แบ่งครีมออกมา 170 กรัม สำหรับปาดโรลเค้กค่ะ และอีก 80 กรัมที่เหลือเตรียมใส่ถุงบีบไว้ สำหรับบีบครีมตกแต่งด้านบนเค้กค่ะ
  15. หั่นมะม่วงสุกวางลงไปตามชอบค่ะ เราวางแค่สามแถว ใส่เยอะไปเดี๋ยวม้วนยาก แต่ใส่น้อยไปก็จะไม่อร่อย เอาเป็นว่ากำลังดี เอาแบบพอดีแล้วกันนะคะ
  16. ม้วนเสร็จแล้ว นำไปแช่เย็นให้เค้กเซ็ตตัวสัก 1 ชั่วโมงค่อยตัดค่ะ
  17. บีบครีมด้านบนและตกแต่งด้วยผลไม้ตามชอบค่ะ

ผลไม้ฤดูร้อนโดยเฉพาะมะม่วง ถ้าเบื่อปอกกินเปล่าๆ จับมาทำเค้กโรลมะม่วงไม่น่าเบื่อกันเถอะ ถ้าเบื่อครีมสดเปลี่ยนเป็นทาซอสมะม่วงแทนก็ได้นะคะ

ขอบคุณข้อมูลจาก : เฟซบุ๊ก Bake with Heart และ ยูทูบ Bake with heart

จากที่เคยซื้อกุ้งดองเกาหลีหรือกุ้งดองคันจัง อาหารสไตล์เกาหลีจากร้านดัง แม้จะอร่อยแต่ราคาแอบแรงไปหน่อย ถ้าทำกินเองน่าจะคุ้มกว่าเยอะ เราขอนำเสนอวิธีทำกุ้งดองซีอิ๊วสูตรเกาหลี มาพร้อมวิธีทำกุ้งให้เด้งและสูตรซีอิ๊วเกาหลี กินกับน้ำจิ้มซีฟู้ด หรือกินกับข้าวสวยร้อนๆ ก็อร่อยค่ะ

วิธีล้างทำความสะอาดกุ้ง

ส่วนผสม สำหรับล้างกุ้ง

  • กุ้งขาว 400 กรัม
  • เกลือเล็กน้อย
  • โซดาแช่เย็น

วิธีล้างกุ้ง

  • นำกุ้งมาตัดหัวและขาออกให้หมด ใช้ไม้จิ้มฟันดึงเส้นดำที่หลังกุ้งออก จะแกะเปลือกหรือไม่แกะเปลือกก็ได้
  • นำใส่อ่าง เติมเกลือและโซดาแช่เย็นเพื่อให้กุ้งเด้งกรอบ เอามือขยำล้างกุ้งสักครู่ เสร็จแล้วล้างด้วยน้ำเปล่าอีกครั้ง

ส่วนผสม ซีอิ๊วเกาหลีสำหรับดองกุ้ง

  • ซอสโชยุ 100 มิลลิลิตร
  • น้ำเปล่า 5 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำตาลทราย 3 ช้อนโต๊ะ
  • มิริน 1 ช้อนโต๊ะ
  • ขิงหั่นแว่น 1 ช้อนโต๊ะ
  • กระเทียมฝานบาง 2 ช้อนโต๊ะ
  • ต้นหอม 1 ช้อนโต๊ะ
  • พริกชี้ฟ้า 1 ช้อนโต๊ะ
  • พริกจินดา 1 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำกุ้งดองซีอิ๊วสูตรเกาหลี

  1. ทำซีอิ๊วเกาหลีโดยเทซอสโชยุลงไปในหม้อ เติมน้ำเปล่า น้ำตาลทราย ขิง กระเทียม และมิริน ตั้งไฟเคี่ยวจนน้ำตาลละลาย ใส่ต้นหอมและใส่พริกลงไป เทใส่ภาชนะ พักไว้ให้เย็น
  2. สุดท้ายใส่กุ้งลงในซีอิ๊วเกาหลี ดองประมาณ 3-5 ชั่วโมง หรือแช่เย็นเก็บไว้กินได้นาน 3-5 วัน

ใครเบื่อผัดกะเพรากับข้าวสวย ลองมาทำกุ้งดองเกาหลีเป็นกับข้าวกันดีไหม ถ้ากินไม่หมดจับแช่เย็นกินมื้อต่อไปก็ได้ค่ะ

ที่มา : K@POOK!

ใครอยากทำคุกกี้ โดยเฉพาะคุกกี้เนยสดขาย ถ้าใช้เนยสดแท้ต้นทุนแพงแน่นอน แล้วถ้าไม่ใช้เนยสดแต่ต้นทุนต่ำหน่อยสนใจไหมเอ่ย เราขอนำเสนอวิธีทำคุกกี้เนยสด สูตรจาก คุณ sujitrar สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม ใช้มาร์การีนแทนเนยสด มาพร้อมกัน 3 รูปแบบ ได้แก่ ใช้หัวบีบเป็นรูปดอกไม้ ปั้นเป็นก้อนกลม และใส่ช็อกโกแลตชิพ กินเป็นอาหารเช้าก็เหมาะ รับรองความกรอบนานเป็นเดือนด้วยนะคะ

ส่วนผสม

  • มาร์การีน 210 กรัม
  • น้ำตาลทราย 200 กรัม
  • กลิ่นวานิลลาบัตเตอร์ หรือกลิ่นนมเนย 2 ช้อนชา
  • ไข่ไก่ (เบอร์ 2) 1 ฟอง
  • แป้งสาลีอเนกประสงค์ 320 กรัม
  • ผงฟู 1+1/2 ช้อนชา
  • เกลือ 1/2 ช้อนชา
  • ช็อกโกแลตชิพ

วิธีทำ

  1. นำมาร์การีนและน้ำตาลทรายใส่ลงชามผสม หรือกะละมัง ตีให้เข้ากันจนขึ้นฟู
  2. ใส่กลิ่นวานิลลาบัตเตอร์และไข่ ตีให้เข้ากัน
  3. ร่อนแป้ง ผงฟู และเกลือ ใส่ลงชามผสม ตะล่อมส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากัน
  4. ตามสูตรจะแบ่งแป้งทั้งหมด 3 ส่วน ส่วนแรกใส่ถุงบีบ และใช้หัวบีบ 1m บีบเป็นดอก (แบบนี้ไม่ค่อยแนะนำค่ะ เพราะสูตรนี้แป้งแข็ง ใช้ถุงบีบบีบค่อนข้างยาก ใช้กระบอกบีบจะง่ายกว่าค่ะ) หลังจากนั้นนำเข้าอบที่อุณหภูมิ 160 องศาเซลเซียส ประมาณ 10-15 นาที นำออกจากเตาแล้วกลับด้านคุกกี้ และอบรอบที่ 2 อีกประมาณ 3-5 นาที (แล้วแต่เตาค่ะ) เพื่อให้คุกกี้กรอบนานขึ้นค่ะ
  5. ส่วนที่สองใช้ช้อนชาหรือสกู๊ปไอศกรีมตักให้มีขนาดเท่ากัน และปั้นก้อนกลม วางบนถาดที่รองกระดาษไขไว้ หลังจากนั้นใช้ส้อมกดให้เป็นรอย แล้วนำเข้าเตาอบ 2 รอบ อบด้วยอุณหภูมิและเวลาเท่ากับแบบแรกค่ะ (แล้วแต่เตานะคะ)
  6. ส่วนที่สามใส่ช็อกโกแลตชิพ แล้วคนให้เข้ากัน ใช้ช้อนหรือสกู๊ปไอศกรีมตักเหมือนแบบที่ 2 ปั้นกลมและใช้ส้อมกด หลังจากนั้นอบ 2 รอบ ด้วยอุณหภูมิและเวลาเหมือนกับแบบแรก (แล้วแต่เตาเช่นกันค่ะ)
  7. นำออกจากเตาพักให้เย็น จัดเสิร์ฟ หรือจะเก็บใส่ภาชนะปิดฝาให้แน่น จะกรอบนานได้หลายอาทิตย์ค่ะ

จบไปแล้วสำหรับวิธีทำคุกกี้เนยสด สูตรไม่ใส่เนยสด มาพร้อมวิธีอบ 2 ครั้งเพื่อความกรอบทนกรอบนาน จะทำขายก็ได้หรือทำเอาไว้กินแทนแซนด์วิชมื้อเช้าก็ง่ายและสะดวกดีค่ะ

ขอบคุณข้อมูลจาก : คุณ sujitrar สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม