ใครชอบทานเครปยกมือขึ้นนน (แอดยกแล้ว 1) ก็จะไม่ให้ยกยังไงไหวล่ะคะ นึกถึงรสชาติหวานละมุน กับกลิ่นหอมๆ ก็อดที่จะทานไม่ได้ทู๊กกกที หลายคนคงเคยทานแบบสอดไส้ครีมสดกันมาเยอะแล้ว คราวนี้ลองเปลี่ยนเป็นไส้ซอสผลไม้กันบ้าง สูตรจาก นิตยสาร Gourmet & Cuisine ที่รับรองได้เลยว่าเมื่อได้ทานไปแล้วต้องติดใจแน่นอน

ส่วนผสมแป้งเครป (สำหรับ 3 ที่)

  • แป้งสาลีทำเค้ก 1+1/3 ถ้วย
  • ผงฟู 1/4 ช้อนชา
  • ไข่ไก่ 3 ฟอง
  • นมสด 1/2 ถ้วย
  • วิปปิ้งครีม 1/2 ถ้วย
  • น้ำเปล่า 1/2 ถ้วย
  • น้ำตาลทราย 1/2 ถ้วย
  • น้ำมันพืช 2 ช้อนโต๊ะ
  • เกลือป่น 1/8 ช้อนชา
  • กลิ่นวานิลลา 1 ช้อนชา

 

ส่วนผสมซอสผลไม้

  • ลูกพีชสีแดง (ปอกเปลือกหั่นเป็นชิ้นเล็ก) 1 ผล
  • สตรอว์เบอร์รีผ่า 4 ส่วน ประมาณ 5-6 ลูก
  • แอปเปิลเขียว (ปอกเปลือกหั่นชิ้นเล็ก) 2 ลูก
  • เนยสดเค็ม 2 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำเปล่า 2 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำตาลไอซิ่ง 1/4 ถ้วย
  • เกลือป่น 1/8 ช้อนชา
  • ผงอบเชย 1/8 ช้อนชา

วิธีทำ

  1. ทำซอสผลไม้ โดยใส่ลูกพีช สตรอว์เบอร์รี แอปเปิลเขียว และเนยลงในกระทะ เติมน้ำเปล่าแล้วนำขึ้นตั้งไฟอ่อนๆ รอจนผลไม้เริ่มนิ่ม ใส่น้ำตาลไอซิ่ง เกลือ และผงอบเชย คนให้เข้ากัน ยกลง เตรียมไว้
  2. ทำแป้งเครป โดยใส่แป้งสาลี ผงฟู ไข่ไก่ นมสด วิปปิ้งครีม น้ำเปล่า น้ำตาลทราย น้ำมันพืช เกลือป่น และกลิ่นวานิลลา ลงในโถปั่น ปั่นให้เข้ากันจนเป็นเนื้อเดียว เทใส่ภาชนะ
  3. ทาน้ำมันบางๆ ที่กระทะเทฟลอน ตั้งไฟอ่อนจนร้อน ตักส่วนผสมแป้งเครปใส่แล้วกรอกให้ทั่วกระทะ รอจนแป้งสุกเป็นสีเหลืองอ่อน กลับอีกด้านทอดจนสุก ตักใส่จานไว้ ทำจนหมดแป้ง
  4. ก่อนเสิร์ฟนำแผ่นแป้งเครปวางบนจาน ตักซอสผลไม้ใส่แล้วม้วนเรียงใส่จาน โรยน้ำตาลไอซิ่งอีกเล็กน้อย

เครปเย็นไส้ซอสผลไม้สูตรนี้ ทำไม่ยากเลยใช่ไหมคะ เตรียมส่วนผสมให้พร้อม แล้วไปลองทำกันเลยค่าาา

หลายๆ คนคงเคยทานผักโขมกันมาบ้างแล้ว แต่จะคุ้นเคยกับเมนูอาหารคาว อย่าง ผักโขมอบชีส หรือลาซานญ่ากันมากกว่า แต่จะมีใครทราบบ้างว่าผักโขมก็สามารถนำมาทำเป็นเครื่องดื่มได้เหมือนกัน แถมมีประโยชน์อีกด้วยนะคะ อ่านมาถึงตรงนี้ อย่าเพิ่งทำหน้ายี้กับเมนูเครื่องดื่มที่เรากำลังจะแนะนำกันนะคะ เพราะขอบอกเลยว่าสูตรนี้ทานง่าย อร่อย และไม่เหม็นเขียวเลยค่ะ

ส่วนผสม น้ำผักโขม

  • ผักโขม 250 กรัม
  • น้ำต้มสุก 1 ถ้วย
  • น้ำเชื่อมหรือน้ำผึ้ง
  • น้ำมะนาว
  • เกลือป่นเล็กน้อย
  • น้ำแข็ง

วิธีทำน้ำผักโขม

  1. ล้างผักโขมให้สะอาด หั่นเป็นชิ้นเล็กๆ ใส่ลงในเครื่องปั่น ตามด้วยน้ำต้มสุก ปั่นผสมให้ละเอียด ยกลงกรองด้วยผ้าขาวบาง เอาเฉพาะน้ำ
  2. เทน้ำผักโขมใส่ลงในหม้อ นำขึ้นตั้งไฟแรงจนเดือด (อย่าต้มนาน) ยกลงจากเตาทันที พักทิ้งไว้จนเย็น
  3. เวลาดื่ม เทน้ำผักโขมลงในแก้ว ตามด้วยน้ำเชื่อมหรือน้ำผึ้ง เกลือป่น และน้ำมะนาว คนผสมให้เข้ากัน ชิมรสตามชอบ ใส่น้ำแข็ง พร้อมดื่ม

เป็นเมนูที่ทำง่ายมากๆ เลยใช่ไหมคะ มีส่วนผสมไม่เยอะและหาได้ง่าย ลองนำไปทำตามกันดูนะคะ แล้วคุณจะได้เครื่องดื่มที่อร่อยแถมมีประโยชน์ต่อสุขภาพอีกด้วยล่ะค่ะ

ช่วงนี้หลายๆ คนอาจชอบทำกับข้าวทานเอง เพราะไม่ต้องออกไปเสี่ยงกับโควิด บางคนทำกับข้าวเองจนนึกเมนูไม่ออกกันแล้ว ถ้าเบื่อกับข้าวเมนูเดิมๆ วันนี้เรามีเมนูน่าสนใจมาแนะนำค่ะ นั่นก็คือ “ไก่ผัดกะปิสามรส” จากเฟซบุ๊ก Yingsak Jonglertjesdawong การันตีความอร่อยแน่นอนค่ะ

ส่วนผสม

  • พริกขี้หนูแดงคั่ว 10 กรัม
  • กระเทียมคั่ว 20 กรัม
  • หอมแดงคั่ว 20 กรัม
  • กะปิ 1 ช้อนโต๊ะ
  • กะทิสำเร็จรูป 300 มิลลิลิตร
  • เนื้อสะโพกไก่หั่นเป็นชิ้นพอคำ 300 กรัม
  • กึ๋นไก่บั้งเป็นตารางลวก 100 กรัม
  • น้ำมันพืชสำหรับผัด 2 ช้อนโต๊ะ
  • ซอสหอยนางรม 1 ช้อนชา
  • น้ำตาลปี๊บ 2 ช้อนชา
  • น้ำปลา 2 ช้อนชา
  • น้ำมะขามเปียกเข้มข้น 1 ช้อนโต๊ะ
  • ใบมะกรูดฉีก 3 ใบ
  • พริกชี้ฟ้าแดงหั่นแฉลบ 10 กรัม
  • ใบโหระพา 15 กรัม

วิธีทำ

  1. ใส่พริกขี้หนูแดงคั่วลงในภาชนะ ตามด้วยกระเทียมคั่ว หอมแดงคั่วและกะปิ โขลกให้เข้ากัน เตรียมไว้
  2. ใส่กะทิสำเร็จรูปลงในภาชนะ นำขึ้นตั้งไฟ ใส่เนื้อสะโพกไก่รวนจนสุกนุ่ม ตักใส่ภาชนะ เตรียมไว้
  3. ใส่น้ำมันพืชลงในภาชนะ นำขึ้นตั้งไฟ ใส่เครื่องที่โขลก ผัดจนมีกลิ่นหอม ใส่ไก่ที่รวนไว้ และกึ๋นไก่ ปรุงรสด้วย ซอสหอยนางรม น้ำตาลปี๊บ น้ำปลา และ น้ำมะขามเปียกเข้มข้น ผัดให้เข้ากัน
  4. ใส่ใบมะกรูดฉีก พริกชี้ฟ้าแดงหั่นแฉลบและใบโหระพา ผัดให้เข้ากันอีกครั้ง ปิดไฟ ตักใส่ภาชนะ ตกแต่งด้วย พริกฝรั่ง กระเทียม ดอกโหระพา พร้อมเสิร์ฟ

เสร็จแล้วค่ะ สำหรับเมนู “ไก่ผัดกะปิสามรส” ซึ่งนอกจากหน้าตาจะน่าทานแล้ว รสชาติก็ดีไม่แพ้หน้าตาเลยล่ะค่ะ

อะโวคาโดสามารถนำมาทำอาหารได้หลากหลายเมนู หรือจะทำเป็นสมูทตี้ก็ดีไม่แพ้กัน วันนี้เรามีสูตรจากนิตยสารแม่บ้านมาบอกค่ะ สำหรับใครที่ชอบทานอาหารเพื่อสุขภาพแล้วล่ะก็ เตรียมจดสูตรแล้วนำไปทำตามกันได้เลยค่ะ

ส่วนผสม แซลมอนอบ

  • ปลาแซลมอน 2 ชิ้น
  • เกลือป่น
  • พริกไทยดำบดหยาบ
  • กระเทียมสับ 2 กลีบ
  • น้ำมะนาว 2 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำมันมะกอก 2 ช้อนโต๊ะ
  • มะนาวหั่นชิ้น
  • ข้าวสวย

ส่วนผสม สลัดมะม่วงอะโวคาโด

  • มะม่วงสุกหั่นเต๋า 1 ถ้วย
  • อะโวคาโดหั่นเต๋า 1 ถ้วย
  • พริกหวานสีแดงหั่นเต๋า 2 ช้อนโต๊ะ
  • ผักชีสับ 1/4 ถ้วย
  • หอมแดงสับ 2 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำมะนาว 1 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำมันมะกอก 1 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำมันมะพร้าว 1 ช้อนโต๊ะ
  • เกลือป่นเล็กน้อย
  • พริกไทยดำบดหยาบเล็กน้อย

วิธีทำสลัดมะม่วงอะโวคาโด

  1. ผสมส่วนผสมทุกอย่างให้เข้ากัน

วิธีทำแซลมอนอบกับสลัดมะม่วงอะโวคาโด

  1. โรยเกลือป่นกับพริกไทยดำบดลงบนปลาแซลมอนให้ทั่ว ใส่กระเทียม น้ำมะนาว และน้ำมันมะกอก คลุกเคล้าให้ทั่วชิ้นปลา
  2. นำปลาแซลมอนวางบนแผ่นอะลูมิเนียมฟอยล์ คลุมให้มิด นำเข้าอบที่อุณหภูมิ 400 องศาฟาเรนไฮต์ ประมาณ 25-30 นาที นำออกจากเตาอบ
  3. ตักข้าวสวยใส่จาน วางปลาแซลมอน ราดสลัดมะม่วงอะโวคาโด จัดเสิร์ฟพร้อมมะนาว

เป็นเมนูเพื่อสุขภาพที่ทำตามไม่ยากเลยใช่ไหมคะ อย่าลืมนำไปลองทำตามกันดูนะคะ

“ยำทวาย” เป็นยำไทยแบบโบราณที่คนรุ่นใหม่มักไม่ค่อยรู้จักกัน เป็นยำออกรสเปรี้ยวหวานรสไม่จัด ราดน้ำยำคล้ายน้ำจิ้มหมูสะเต๊ะหรือน้ำราดข้าวพระรามลงสรงโดยมีรสชาติออกเปรี้ยวและหวานนำ มีส่วนผสมหลายอย่าง อาทิ ต้นผักบุ้งซอย ถั่วงอก ถั่วฝักยาว นำมาลวกในน้ำร้อนหรือหางกะทิ ผสมกับเนื้อไก่ฉีก ราดด้วยน้ำยำที่มีส่วนผสมของเนื้อปลาช่อนบดละเอียด และเครื่องเทศหลายชนิด อาทิ พริกไทยเม็ด กระเทียม ข่าและรากผักชี แล้วจึงโรยด้วยหอมเจียวปิดท้าย

ภาพจาก : https://www.bkkmenu.com/eat/stories/thai-foods.html

วัตถุดิบ

  • ไก่นึ่งสุกฉีกฝอย
  • ผักบุ้งไทยหั่นฝอยแช่น้ำ 2 ถ้วย
  • ถั่วงอกเด็ดหาง 2 ถ้วย
  • หน่อไม้ไผ่ตงต้มสุกหั่นฝอย 2 ถ้วย
  • ถั่วฝักยาวหั่นท่อนยาว 1 นิ้ว 20 ฝัก
  • หัวปลีหั่นฝอย 1 หัว
  • พริกหยวกหั่นเป็นเส้นยาว 10 เม็ด
  • มะพร้าวขูด 1 กิโลกรัม
  • หอมแดงเจียว 1/4 ถ้วย
  • งาขาวคั่ว 2 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำปลา น้ำตาลปี๊บ อย่างละ 1/4 ถ้วย
  • น้ำมะขามเปียก 1/4 ถ้วย

เครื่องปรุงน้ำพริก

  • พริกแห้งเม็ดใหญ่แกะเมล็ดออกแช่น้ำ 7 เม็ด
  • ปลาฉลาดย่าง
  • หอมแดงซอย กระเทียมซอย อย่างละ 1/4 ถ้วย
  • ข่าหั่นละเอียด พริกไทยป่น อย่างละ 1 ช้อน
  • ตะไคร้ซอย 2 ช้อนโต๊ะ
  • รากผักชีหั่น
  • ผิวมะกรูดหั่นละเอียด 1 ช้อนชา

วิธีทำ

  1. ทำน้ำพริกโดยโขลกเครื่องน้ำพริกทั้งหมดเข้าด้วยกันให้ละเอียด ใส่เนื้อไก่ฉีก 1/2 โขลกต่อให้เข้ากัน
  2. คั้นมะพร้าวใส่น้ำ 4 ถ้วย คั้นให้ได้กะทิ 4 ถ้วย หางกะทิ 2 ถ้วย
  3. ใส่กะทิลงในกระทะ 2 ถ้วย เคี่ยวให้แตกมัน ใส่น้ำพริกที่โขลกลงผัดให้หอม ปรุงรสด้วยน้ำปลา น้ำตาล น้ำมะขามเปียก ใส่กะทิที่เหลือเคี่ยวพอมัน
  4. ต้มหางกะทิให้เดือด ใส่ผักลงลวกทีละอย่างพอสุก ตักขึ้น
  5. จัดผักใส่จานเป็นพวกๆ ราดด้วยน้ำพริกที่เคี่ยวไว้ โรยไก่ฉีกฝอยที่เหลือ หอมแดงเจียว งาคั่ว จัดเสิร์ฟ

หากใครอยากลองทานยำทวาย ก็สามารถนำสูตรนี้ไปลองทำทานกันได้นะคะ

บางครั้งคนที่ทานอาหารมังสวิรัติ ก็อยากจะทานอะไรแปลกใหม่บ้าง วันนี้เราขอนำเสนอเมนู “ทอดมันบรอกโคลีควินัว” ที่ทั้งแปลกใหม่ อร่อย และทำไม่ยาก อยากรู้กันแล้วใช่ไหมคะ ว่าเมนูนี้มีหน้าตาและรสชาติเป็นอย่างไร ถ้าอย่างนั้นไปเตรียมซื้อวัตถุดิบแล้วตามเราเข้าครัวมาเลยค่ะ

ภาพจาก neuroticmommy.com

ส่วนผสม

  • ควินัวหุงสุก 1 ถ้วย
  • น้ำซุปผัก 2 ถ้วย
  • บรอกโคลีสับกับแครอทสับ 1 ถ้วย
  • ไข่ไก่ 1 ฟอง
  • เมล็ดแฟลกซ์ 3 ช้อนโต๊ะ
  • เกล็ดขนมปัง 1/2 ถ้วย
  • กระเทียมสับ 2 กลีบ
  • ผงกระเทียม 1+1/2 ช้อนชา
  • ผงหอมใหญ่ 1+1/2 ช้อนชา
  • พาร์สลีย์ 2 ช้อนชา
  • น้ำมันมะกอก 2 ช้อนโต๊ะ
  • เกลือป่น
  • พริกไทยป่น
  • ซาวร์ครีมสูตรเจ
  • พาร์สลีย์สำหรับตกแต่ง

วิธีทำ

  1. ตั้งกระทะใส่ควินัวกับน้ำซุปผักลงไป พอเดือดปล่อยทิ้งไว้อีก 15 นาทีหรือจนน้ำแห้ง
  2. ใส่ควินัวลงไปในอ่างผสม ตามด้วยบรอกโคลีกับแครอท เมล็ดแฟลกซ์กับไข่ไก่ที่ตีผสมเข้ากัน เกล็ดขนมปัง กระเทียม ผงกระเทียม ผงหอมใหญ่ พาร์สลีย์ น้ำมันมะกอก 2 ช้อนโต๊ะ เกลือและพริกไทย คนผสมให้เข้ากัน
  3. ใส่น้ำมันลงในกระทะ ปั้นส่วนผสมทอดมันเป็นก้อนกลมแบน นำลงไปทอดจนสุกเหลืองทั้งสองด้าน จัดเสิร์ฟพร้อมซาวร์ครีม แล้วตกแต่งด้วยพาร์สลีย์

เสร็จแล้วค่ะ สำหรับเมนู “ทอดมันบรอกโคลีควินัว” ทำไม่ยากเลยใช่ไหมคะ แถมรสชาติและหน้าตายังดูดีอีกด้วย สายมังฯ ห้ามพลาดเลยนะคะ

แม้จะเข้าหน้าฝนแล้ว แต่ฝนก็ไม่ได้ตกให้เย็นชื่นใจเลย แถมอากาศยังร้อนมากๆ จะออกไปไหนก็ไม่สะดวกเพราะกลัวโควิด ถ้าอย่างนั้นเรามาหาอะไรทำแก้ร้อนกันดีไหมคะ

วันนี้เราจะชวนคุณมาทำไอศกรีมสตรอว์เบอร์รีทานแก้ร้อนกันค่ะ เป็นสูตรจาก คุณแขมร อินเตอร์ สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม ส่วนผสมมีไม่เยอะค่ะ เรามาเตรียมวัตถุดิบให้พร้อมแล้วมาเริ่มทำกันเลยค่ะ

ส่วนผสมไอศกรีม

  • วิปปิ้งครีม 300 มิลลิลิตร
  • นมข้นหวาน 120 กรัม

ส่วนผสมซอสสตรอว์เบอร์รี

  • สตรอว์เบอร์รี 150 กรัม
  • น้ำตาลทราย 100 กรัม

หมายเหตุ : ซอสสตรอว์เบอร์รีวันนี้ไม่ได้ใช้ทั้งหมด

วิธีทำไอศกรีมสตรอว์เบอร์รี

  1. ทำซอสสตรอว์เบอร์รีโดยนำสตรอว์เบอร์รีมาล้างให้สะอาด ตัดขั้วออก ลูกไหนใหญ่ให้ผ่ากลาง จากนั้นใส่น้ำตาลทรายและทำการบี้ ไม่ต้องแหลกมากค่ะ
  2. นำไปตั้งไฟแรง คนไปเรื่อยๆ จนกระทั่งเดือดจัด ให้คนต่ออีก 2-3 นาที เอาความข้นตามชอบ และสามารถปรุงรสตามชอบก่อนปิดไฟ และทิ้งไว้ให้เย็นสนิท
  3. ทำเนื้อไอศกรีมโดยตีวิปปิ้งครีมแค่พอตั้งยอดอ่อน จากนั้นเติมนมข้นหวาน คนแค่พอเข้ากัน แล้วเติมซอสสตรอว์เบอร์รีลงไปตามชอบ (เก็บไว้แต่งหน้าไอศกรีมด้วย) คนแค่พอเข้ากัน
  4. เทลงกล่องและโปะด้วยซอสสตรอว์เบอร์รีด้านบน เกลี่ยอีกทีให้ซอสสตรอว์เบอร์รีเป็นเนื้อเดียวกับไอศกรีม ก่อนที่จะปิดฝาและนำไปแช่แข็งอย่างน้อย 4 ชั่วโมง
  5. ถ้าสีสตรอว์เบอร์รีไม่ค่อยแดงสามารถแต่งสีได้ตามชอบเลยค่ะ

ลองไปทำกันดูนะคะ จะราดซอสช็อกโกแลตหรือเพิ่มท็อปปิ้งอื่นๆ ด้วยก็ได้ค่ะ

คั่วกลิ้ง เป็นอาหารพื้นบ้านอย่างหนึ่งของภาคใต้ สามารถปรุงกับ เนื้อหมู เนื้อไก่ เนื้อวัว หรือ วัตถุดิบอื่นๆ ตามชอบ วันนี้เราจะมาบอกสูตรคั่วกลิ้งหมูกันค่ะ เตรียมซื้อวัตถุดิบแล้วตามเราเข้าครัวมาเลยค่ะ

ส่วนผสม

  • หมูเนื้อแดงสับ 200 กรัม
  • น้ำพริกคั่วกลิ้ง 2 ช้อนโต๊ะ (เพิ่ม-ลดได้ตามความเผ็ดที่ชอบ)
  • กะปิอย่างดี 1/2 ช้อนชา
  • น้ำตาลปี๊บ 1/2 ช้อนชา
  • น้ำปลา (ปรุงรส) 1 ช้อนชา
  • น้ำมันพืช (สำหรับผัด)
  • ใบมะกรูดซอย
  • พริกไทยอ่อน

วิธีทำ

  1. เริ่มจากโขลกน้ำพริกคั่วกลิ้งกับกะปิให้พอเข้ากัน เตรียมไว้
  2. ใส่น้ำมันพืชลงในกระทะ พอร้อนใส่เนื้อหมูสับลงไปผัดจนเกือบสุก
  3. จากนั้นใส่น้ำพริกคั่วกลิ้งลงไปผัดกับหมูสับให้เข้ากัน ปรุงรสด้วยน้ำตาลปี๊บและน้ำปลา ผัดให้เข้ากัน ชิมรสตามชอบ
  4. ปิดไฟแล้วใส่พริกไทยอ่อนและใบมะกรูดซอยลงไปผัดให้เข้ากัน ตักใส่จาน เสิร์ฟพร้อมกับผักสดตามชอบ

เป็นเมนูยอดฮิตที่ทำไม่ยากเลย ตักข้าวสวยร้อนๆ แล้วทานกับคั่วกลิ้งหมูที่เพิ่งทำเสร็จใหม่ๆ อร่อยอย่าบอกใครเชียว

อย่างที่รู้กันดีว่าขนมปังไส้กรอก เบเกอรี่ต้องนวดแป้งและต้องอบเสียเวลาไปเกือบทั้งวัน ลองมาทำฮอตดอกเกาหลี เมนูอาหารทำง่ายเว่อร์กันดีไหมคะ เราขอนำเสนอวิธีทำขนมปังฮอตดอกเกาหลี สูตรจาก คุณ sujitrar สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม จับแป้งมานวดและรอแค่ 20 นาที จากนั้นก็ชุบไส้กรอกและเกล็ดขนมปัง สุดท้ายเอาไปทอดจนสุกกรอบ

ส่วนผสม ขนมปังฮอตดอกเกาหลี

  • ยีสต์ 1 ช้อนชา
  • น้ำอุ่น 190 กรัม
  • แป้งขนมปัง หรือแป้งอเนกประสงค์ 120 กรัม
  • แป้งข้าวเจ้า 100 กรัม
  • เกลือ 1/4 ช้อนชา
  • ผงฟู 1 ช้อนชา
  • น้ำตาลทราย 20 กรัม
  • ฮอตดอก 14-16 ชิ้น
  • เกล็ดขนมปัง
  • ซอสมะเขือเทศ
  • มายองเนส
  • น้ำมันปาล์ม

วิธีทำขนมปังฮอตดอกเกาหลี

  1. นำยีสต์ผสมกับน้ำอุ่น คนให้เข้ากันแล้วพักไว้
  2. นำแป้งขนมปัง แป้งข้าวเจ้า เกลือ ผงฟู และน้ำตาลทราย ใส่ลงชามผสมคนให้เข้ากัน แล้วทำหลุมตรงกลาง
  3. นำยีสต์ที่ผสมน้ำไว้ เทลงในหลุมแป้ง แล้วคนให้เข้ากัน
  4. เมื่อเข้ากันดีแล้วให้นำผ้าหรือพลาสติกมาคลุมบนชามแป้งแล้วพักไว้ประมาณ 20 นาที
  5. ระหว่างรอให้เตรียมฮอตดอก โดยผ่าเป็นแฉกแล้วเสียบไม้ไว้
  6. หลังจากครบเวลาให้เทแป้งลงในแก้ว เพื่อให้ง่ายต่อการชุบฮอตดอก
  7. หลังจากนั้นนำฮอตดอกชุบลงในแป้งแล้วก็ชุบเกล็ดขนมปัง ทำจนเสร็จ
  8. นำกระทะใส่น้ำมันปาล์มตั้งไฟปานกลาง เมื่อน้ำมันร้อนนำลงทอดจนเหลืองกรอบ
  9. หลังจากนั้นราดด้วยซอสมะเขือเทศและมายองเนส พร้อมเสิร์ฟค่ะ

ไม่มีเตาอบก็ทำขนมปังฮอตดอกแบบเกาหลีกันได้ เพราะใช้กระทะทอดนี่เอง ใครไม่กลัวอ้วนพันชีสกับฮอตดอกกันไปเลยจ้า และสามารถโรยผงพิซซ่า ผงชีส และอื่นๆ บนขนมปังได้ตามชอบเลยค่ะ

ขอบคุณข้อมูลจาก : คุณ sujitrar สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม / K@POOK!

ส่วนผสม พายมะยงชิด

ปีนี้มะยงชิดดกและเป็นของฝากที่ซื้อฝากกันมาก บางครั้งทานกันไม่ทัน ต้องเอามาแปรรูป บ้างก็ลอยแก้ว บ้างก็นำมาทำพาย

พายมะยงชิด สูตรนี้ส่วนผสมไม่เยอะค่ะ ครีมชีสทำแบบบลูเบอร์รี่พาย เพิ่มน้ำมะยงชิดปั่นเข้าไป จะต่างจากสูตรอื่นตรงที่ บ้างใส่วิปครีม บ้างใส่โยเกิร์ต ส่วนตัวคิดว่าทำแล้วชอบ สูตรนี้มือหนักหน่อยเพราะใส่ครีมชีส 2 ก้อน! เรียกว่าเข้มข้นแบบเน้นๆ และไม่ได้ใช้แครกเกอร์หรือขนมปังบุหรี่ แต่ใช้คุกกี้เนย ทำให้ฐานกรอบ ตัดกับความนุ่มของครีมชีสและมะยงชิด

ส่วนผสม (10 ถ้วย)

คุกกี้                    200 กรัม

เนยเค็มละลาย     80 กรัม

ครีมชีส                2 ก้อน (อุณหภูมิห้อง)

นมข้น                 4 ช้อนโต๊ะ

น้ำมะนาว             2 ช้อนโต๊ะ

มะยงชิดปั่น         100 กรัม

มะยงชิด              2 ½ กก. (2 กก. สำหรับแต่ง ½ กก. สำหรับปั่น)

วิธีทำ

พายคุกกี้

  1. นำคุกกี้ใส่ถุงซิปล็อก จะใช้ไม้บดหรือมือบี้ก็ได้
  2.  เทเนยละลายคลุกให้เข้ากัน เหมือนทรายเปียก
  3.  ตักคุกกี้ใส่ในถ้วยประมาณ 1 ช้อนโต๊ะ ใช้ช้อนกาแฟเกลี่ยให้เรียบ ไม่ต้องกดแน่น

  4. แช่ตู้เย็นอย่างน้อย 15 นาที

มะยงชิดปั่น

  1. นำมะยงชิดที่คว้านแล้ว ปั่นให้เหลว (สูตรนี้ไม่ใส่น้ำตาล เพราะครีมชีสใส่นมข้นแล้ว)
  2. แบ่งน้ำมะยงชิดเป็น 2 ส่วน 100 กรัม สำหรับผสมกับครีมชีส ที่เหลือเอาไว้หยอดมะยงชิดในถ้วย

ครีมชีส

บดคุกกี้เนยให้ละเอียด
ผสมเนยละลายในคุกกี้บด คลุกให้เข้ากัน
ใส่คุกกี้ในถ้วยเกลี่ยให้เสมอ
  1. ตัดครีมชีสเป็นก้อนเล็กๆ ปั่นด้วยความเร็วสูงให้นุ่มฟู
  2. เติมนมข้น ปั่นให้เข้ากัน
  3. เติมน้ำมะนาว ปั่นต่อ
  4. เติมมะยงชิดปั่น ชิมรสให้ออกเปรี้ยวนิดๆ

ประกอบ

1.นำถ้วยที่ใส่คุกกี้ ออกจากตู้เย็น

2. นำครีมชีสใส่ถุงบีบ บีบในถ้วยให้ทั่ว ถ้าไม่มีถุงบีบใช้ช้อนตักได้ เคาะถ้วยให้ครีมชีสเรียบ

3. วางมะยงชิดที่หั่นเป็นชิ้นยาวทับครีมชีส หยอดน้ำมะยงชิดปั่นเล็กน้อย

4. ใส่ครีมชีสทับอีกชั้น แล้วเคาะถ้วย

5. แต่งด้วยมะยงชิดคว้านและแผ่นทองคำเปลว หรือดอกไม้ หรือใบสะระแหน่ ตามชอบ

6. เข้าตู้เย็นให้ครีมเซตตัว อย่างน้อย 30 นาที

ตีครีมชีส ใส่นมข้น ใส่น้ำมะนาว ใส่น้ำมะยงชิดปั่น

เคล็ดลับ : แนะนำให้ใช้มะยงชิดค่อนข้างสุกซึ่งจะออกรสหวาน เนื้อนิ่มตัดง่าย มะยงชิดที่วางระหว่างชั้นครีมชีส จะตัดเป็นชิ้นยาวๆ วางซ้อนกันสัก 2 ชั้นให้มีความหนานิดหนึ่ง มองจากด้านนอกจะได้เห็นสีส้มชัด หยอดน้ำมะยงชิดเล็กน้อย อย่าหยอดเยอะ มิฉะนั้นครีมชีสอาจแยกตัว ส่วนมะยงชิดชิ้นที่แต่งด้านบน บางคนอาจใช้มะยงชิดคว้านทั้งลูก แต่ครั้งนี้เลือกใช้แบบผ่าครึ่งลูก เพื่อให้ตักรับประทานง่ายค่ะ

บางคนอาจบอกว่าสูตรนี้ไม่ใช่ ไม่เหมือนกับคนอื่น แต่เราทำสูตรที่เราชอบและถูกปากคนในครอบครัวค่ะ

ที่มา : เส้นทางเศรษฐีออนไลน์

ใส่ครีมชีสในถ้วย
ใส่มะยงชิดทับชีส
ใส่ครีมชีสอีกครั้ง เคาะถ้วยให้ครีมชีสเรียบ